น่าจะเหมือนหลาย ๆ คนที่โตมากับเคเบิลทีวีและวิทยุเอฟเอ็ม ว่าบรรดาเพลงไทยที่ได้ฟังก็คงไม่พ้นเพลงของศิลปินจากค่ายใหญ่สองค่าย แต่มีอยู่วันนึงตอนบ่าย ๆ เด็กม.ปลายคนนี้ก็หมุนวิทยุไปคลื่น 104.5 ตอนนั้นเธอเพิ่งจะเริ่มเสาะหาเพลง ‘นอกกระแส’ ฟัง ก็เลยได้มารู้จักกับ Fat Radio ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะปิดตัว จำได้แม่นเลยว่าทางคลื่นกำลังโปรโมต Fat Fest 9 ‘อีนี่ Fat Fest นะจ๊ะ 9 จ๋า’ พอดี พอจบจากเพลง ‘ฟ้า’ ของ Tattoo Colour เพลงที่ร้องขึ้นมาว่า ‘เซอะ เซอะ เซอะ เซ่อออออ’ ก็ถูกเปิดเป็นเพลงถัดไป และเพลงนั้นได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงที่เปลี่ยนโลกการฟังเพลงของเธอไปตลอดกาล เวลาต่อมาถึงได้รู้ว่าเพลงนั้นคือ ‘Magazine’ ของวงที่คุ้น ๆ ว่า อ๋อ ก็เคยเห็นเอ็มวีเพลง ‘โรคจิต’ ผ่านตาใน Channel [V] Thailand นี่หว่า ทันใดนั้นเอง จุดเริ่มต้นของการเป็นติ่ง SLUR ก็ได้เริ่มขึ้น
แม้จะออกสตาร์ทช้ากว่าพี่ ๆ เด็กแนวเลยอาจจะไม่ได้ซึมซับความเป็นเสลอในยุคแรกมากนัก แต่เราก็มาตามทันในชุด ‘Bum’ แล้วถึงได้วนกลับไปฟังเสียงทรัมเป็ตจากอัลบั้ม ‘Boo!’ ก่อนจะหาซีดีทั้งสองชุดมาไว้ในครอบครอง พออัลบั้ม ‘Boong’ ออกมาก็ไม่รอช้าที่จะหัดเต้นตามเพลง ‘เซโรงัง’ หรือแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นกับวง ในปีสุดท้ายของการเรียนมหาลัยเราก็ไม่วายจะชวนพวกเขามาเล่นในงานดนตรีของคณะที่เรากับเพื่อนหาทำจัดกันเป็นปีแรก (จัดได้แค่ 3 ปีก็เลิก เด่าว่ารุ่นน้องคงด่าว่าละครประจำปีก็ต้องทำ จะงอกงานให้มันทำอีกทำไม) ยังไม่พอตอนเป็นเฟิร์สจ็อบเบอร์ก็ได้จับพลัดจับผลูมาสัมภาษณ์วง ไม่ก็ได้พบพานสมาชิกคนใดคนนึงตามคอนเสิร์ต หรือพอเรากลายมาเป็นวงดนตรีเองก็ได้ขึ้นเล่นเวทีเดียวกัน ว่ากันง่าย ๆ ตั้งแต่ม.ปลายมาจนถึงทุกวันนี้เราจะมีเสลออยู่ในชีวิตช่วงใดช่วงหนึ่งเสมอ
เราเชื่อว่าแต่ละคนมีประสบการณ์กับวงดนตรีวงนี้แตกต่างกันไป แต่เพลงของเสลอน่าจะส่งผลกับตัวตนของพวกเราทางไม่ทางใดก็ทางนึง ในวาระที่เสลอทำเพลงกันมาเกือบ 2 ทศวรรษ พวกเขาเลยได้ฤกษ์จัดคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก จัดเต็มกว่า 40 เพลง เล่นยาวไป 3 ชั่วโมงครึ่ง โดยรวมเอาไลน์อัพสมาชิกตั้งแต่ยุคก่อตั้งทั้ง แบงค์ และ เป้ กลับมาเจอกันอีกครั้ง กาย—ปฏิกาล ภาคกาย แฟนเพลงรุ่นแรก และบรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ Salmon Books ก็เลยอาสาเป็นผู้สอบปากคำ เอาความทรงจำต้นฉบับจาก เย่ เอม บู้ และเฮาส์ มาบอกเล่าและร้อยเรียงผ่านตัวหนังสือให้เราได้อ่านประสบการณ์ตรงจากพวกเขาใน SLUR Book
หนังสือเล่มสีแดง ดำ ขาว ความยาว 272 หน้าที่เป็นกึ่ง memoir กึ่ง photobook เล่มนี้ ไม่ได้เล่าแค่ความเป็นมาของเสลอตั้งแต่วันที่วงถือกำเนิดจากการได้ฟังเพลง ‘Last Nite’ ของ The Strokes ในวงเหล้า แต่ยังเป็นเหมือนจดหมายเหตุของ ‘เด็กแนว’ ช่วงต้นยุค 2000s เพราะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับแวดวงดนตรี แฟชัน และความสร้างสรรค์แขนงต่าง ๆ ที่ถือว่าเป็นความรุ่งโรจน์และกลายเป็นรากฐานของความหลากหลายอย่างที่มีในทุกวันนี้ อ่านไปก็อมยิ้มไปเพราะเราต่างเคยมีประสบการณ์ร่วมในสิ่งเหล่านั้นมาบ้างไม่มากก็น้อย
สำหรับพาร์ตของวงเองก็เรียกได้ว่าเข้มข้น บางเรื่องคนติดตามเสลอมาโดยตลอดอาจจะเคยรู้แล้ว แต่พอถูกเอามาเล่าจากปากเจ้าตัวเองก็ทำให้เห็นอีกมุมมองนึง หรือบางเรื่องที่เราก็ไม่เคยรู้มาก่อนก็ทำให้เซอร์ไพรส์อยู่เหมือนกัน นี่ยังไม่รวมถึงรูปประกอบหาดูยากจากทุกยุคทุกสมัยที่ได้มาจากแฟนเพลง จากทางค่าย หรือจากวงเอง บางช่วงก็มีจังหวะที่น้ำตาซึมเพราะได้เห็นภาพเพื่อนร่วมวงการบางคนที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น หรือบางประโยคในหนังสือที่อาจจะเป็นถ้อยคำที่พูดออกมาแบบขำ ๆ แต่อันที่จริงแล้วกลับมีอิมแพครุนแรง ไม่ใช่แค่กับสมาชิกในวง แต่กับแฟนเพลง คนรักดนตรี หรือวงดนตรีรุ่นหลังหลาย ๆ วงก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
‘Bangkok’s Rock N’ Roll Secret Weapon’ ไม่ใช่สรรพคุณอวดอ้างที่เกินจริง และเราเองก็รู้สึกสะใจที่ทั้งวงเองและหนังสือได้เลือกวลีนั้นมาใช้เป็นคำโปรยในหลาย ๆ โอกาส เสลอคืออาวุธลับชาวร็อกขาเดฟ คือพลังวัยรุ่นที่พุ่งพล่าน คือตัวแสบที่โดดเด้งออกมาจากทุกวงในขณะนั้น ว่ากันตามตรง เพลงของวงต้องการสื่ออะไรก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่เรากลับสนุกทุกครั้งที่ได้ฟังและเลือกที่จะร้องตามไปโดยไม่สนใจความหมาย หรือแม้พวกเขาจะไม่หยุดนิ่งอยู่ที่แนวเพลงใดแนวเพลงนึง แต่ทุกการเปลี่ยนแปลงจะมีซาวด์ที่เป็นแบบฉบับของเสลออยู่เสมอ ความที่อยากทำอะไรตามใจของวงโดยไม่สนใครแบบนี้ ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้พวกเขายืนอยู่ในวงการมาได้จนอายุวงเกือบจะ 20 ปี
จะไม่มีการสปอยล์มากไปกว่านี้ แต่อยากให้ได้ลองอ่านกันจริง ๆ กายสามารถเล่าเรื่องได้สนุก น่าติดตาม มีอารมณ์ขัน แฟนเสลอไม่ควรมองข้ามในทุกประการ ก่อนหน้านี้ Salmon Books เปิดให้พรีออเดอร์ SLUR Book กันไปแล้ว แต่ถ้าใครพลาดเป็นเจ้าของในรอบพิเศษนี้ ก็ไปจับจองที่มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 28 วันที่ 12 – 23 ตุลาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอล 5-7 ชั้น LG บูธ L22 กันได้เลย หรือช่องทางออนไลน์อื่น ๆ ของสำนักพิมพ์ได้ที่นี่ https://linktr.ee/salmonbooks
อิ๊ก นักเขียนสายดนตรีที่เกือบจะต้องวางมือ แต่คงหนีไม่พ้นเพราะยังอยากพูดถึงวงและเพลงดี ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ