การเดินทางตลอด 7 ปีของ YEW ได้สร้างเพลงที่ช่วยให้ทุกคนผ่านช่วงชีวิตวัยรุ่นไปได้อย่างสดใสไว้มากมาย เราได้เห็นความเติบโตทางดนตรีของตั้งแต่เพลง โลกซึ่งไร้ลมหายใจของวันวาน จนถึงเพลงล่าสุดอย่าง ถามดาว ซึ่งการันตีความสามารถของพวกเขาด้วยจำนวนแฟนเพลงที่คอยซัพพอร์ตพวกเขามาตลอด หลังจากปล่อย EP มาสามชุด เพื่อขอบคุณคนฟังทุกคนที่คอยสนับสนุนตลอดมา วงก็ปล่อยอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของพวกเขาออกมาในชื่อว่า ‘Rainbow Landscape’ ที่วงยืนยันว่าจะพาคนฟังทุกคนไปสู่บทต่อไปในฐานะศิลปินของพวกเขาด้วย
จนมาถึงวันนี้ที่พวกเขากำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่เป็นของตัวเองครั้งแรกในชื่อ SEASONS – YEW THE FIRST CONCERT ทีมคอสมอสเลยอยากชวนทั้ง 4 หนุ่มมาพูดคุยอัพเดตชีวิตกันหน่อย ทั้งเรื่องอัลบั้มของพวกเขา และการเตรียมตัวก่อนคอนเสิร์ตใหญ่ที่กำลังจะมาถึง ใน Trasmission ครั้งนี้
สมาชิก YEW
ทิ้ว—ปรัชญ์ ปานพลอย (ร้องนำ)
แดน—นรุตม์ จุฑาศานต์ (กีตาร์)
พี—วรพัทธ์ การะเกตุ (กีตาร์)
ทรัพย์—สหธรรม เมฆแดง (กลอง)
พูดถึง ถามดาว หน่อย เพลงน่ารักมาก
ทิ้ว: เพลงนี้แต่งตั้งแต่ตอนล็อกดาวน์ละครับ เรามีโครงที่มันเป็นเพลงกลาง ๆ หน่อย เนื้อหาเนี่ยเราอยากจะเล่าเกี่ยวกับการตามหาใครซักคน ผมมองว่าใครหลาย ๆ คนอาจจะมีความคาดหวังไว้ ก้อนเมฆ ดวงดาว ท้องฟ้าที่อยากจะไปขอเขา เปรียบเทียบเป็นดวงดาวจะต้องเป็นดาวดวงไหนที่ขอคนรักเรากลับมาได้เลย เรื่องดนตรีก็ปรับเปลี่ยนตอนหยิบมาทำอีกครั้ง
พี: อยากให้มันได้รับพลังงานบวก ๆ มีความเป็นปาร์ตี้ เฟสติวัล ให้มันฟังแล้วมันโอเวอร์ความสุขขึ้นไปนิดนึง มีความละครเวทีหน่อย ๆ มันสสนุกเลยป้ายดี มันเป็นโจทย์ยากของพวกผมเหมือนกัน เพลงสไตล์แบบนี้มันจะป็อป ๆ แล้วมันหาไลน์กีตาร์ใส่เข้าไปยากมาก สิ่งที่ทำกันคือผสมความเป็นแบนด์ของพวกเราเข้าไป มันก็เลยอาจจะฟังไม่ได้ครรลองมากขนาดนั้น เราก็ใช้เครื่องดนตรีวินเทจที่พวกเราชอบกัน มันจะฟังติดโมเดิร์นหน่อยก็เถอะ
แดน: เหมือนหาจุดตรงกลางของเราให้เจอ จะผสมสิ่งที่เราชอบกับเพลงที่ป็อปความโมเดิร์นยังไง ส่วนเรื่อง MV เราก็โยนไอเดียให้กับผู้กำกับว่า อยากให้มันเป็นฟีลกู๊ดหน่อย มีความเป็นละครใบ้ มีเด็กมีความเต้น ๆ หน่อย แล้วให้เขาจัด
Rainbow Landscape อัลบั้มเต็มของเรามาแล้ว
ทิ้ว: จะรวมเพลงทั้งหมดตั้งแต่สองปีที่แล้วด้วย หลังจาก EP Pauley & Jeen ค่อย ๆ หาสิ่งที่จะหยิบมาผสมกับสิ่งที่เราเรียนรู้ก่อนหน้านี้มา
แดน: คอนเซปต์น่าจะมาทีหลัง ผมว่ามันคือพาร์ทหนึ่งของการเติบโต แต่ก่อนเราทำกันตามสัญชาตญาณกันมา หลัง EP ที่เราได้ทดลองเข้าห้องอัดติดต่อกันหลาย ๆ วัน ทดลองหาซาวด์ เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นว่าหลังจากนี้เราจะทำอะไรได้บ้าง เหมือนรวบรวมสิ่งที่เราเติบโตมาว่าเราไปค้นหาหรือเจออะไรมาบ้าง ในด้านเนื้อหาด้วยที่มองโลกไม่ได้เศร้าขนาดนั้นแล้ว
พี: อาจจะไม่ใช่อัลบั้มที่วางคอนเซปต์แล้วเราทำกันไป เหมือนเป็นอัลบั้มที่เราทำเพลงแต่ละเพลงแบบไม่เหมือนกันเลย อยากให้ทุกคนลองฟัง หลายเพลงก็เหมือนไม่น่าจะมาอยู่ด้วยกันได้ (หัวเราะ) ความเป็นตัวพวกเรามันคือการจินตนาการถึงคนคนหนึ่งว่าเขาจะรู้สึกอะไรได้บ้าง ตรงกลางมันจะมีความเป็นพวกเราอยู่ในแก่นตรงกลางอยู่ดี
มีเพลงไหนที่เราชอบเป็นพิเศษบ้างไหม จนอยากให้ทุกคนลองฟัง
แดน: ผมชอบเพลง ต่อจากนี้ เราจะทำเป็นวินเทจจ๋าเลย มีกลิ่นอายของความเป็นเพลงเก่ายุค 70′
พี: เพลงมันไม่เหมือนกันเลย ส่วนตัวผมเลยชอบหมดเลย (หัวเราะ) มันมีเพลงมู๊ดมัน ๆ ด้วย เพลงนักเลง
ตอนนี้เหลือกัน 4 คนแล้ว วงเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง
ทิ้ว: เปลี่ยนแปลงมั้ย ผมว่าก็ไม่ เราก็ทำงานกันเหมือนเดิม มันอาจจะทำงานง่ายขึ้นเพราะจำนวนคนน้อยลง เราก็เฉลี่ยการตัดสินใจง่ายขึ้น แต่ในพาร์ทของดนตรีคือทุกคนมันคิดไลน์ให้กันและกันได้อยู่แล้ว ไม่ได้แตกต่างขนาดนั้น
อัลบั้มนี้ทิ้วยังคงเป็นคนแต่งเพลงหลักใช่ไหม อยากลองให้คนอื่นแต่งดูบ้างหรือเปล่า
แดน: บอกให้แร็พไม่ยอมแร็พ
ทุกคน: (หัวเราะ)
แดน: บอกให้ทรัพย์แร็พไม่ยอม
เนื้อเพลงในอัลบั้มนี้มันเติบโตขึ้นตามตัวเรายังไงบ้าง
ทิ้ว: ค่อนข้างจะชัดอยู่นะครับ การเขียนเนื้อเพลงแต่ละอันมีความโตขึ้น เราอาจจะมีภาษาที่มากขึ้น เมื่อก่อนอาจจะเน้นคำที่มันดูลึก ๆ ไม่ใช่คำปกติชน แต่หลัง ๆ เราพยายามบาลานซ์สิ่งนี้ ให้คำมันง่ายขึ้นมาก ไม่ใช้คำที่แปลกอย่างเดียว มันอาจเป็นการเติบโตของผมด้วย เราไม่ได้ใส่แค่สิ่งที่เราช่วงเวลานั้นเป็น ตอนนั้นผมอาจจะชอบคำที่มาจากหนังสือ แต่หลัง ๆ เริ่มมีคำที่เป็นคำพูดของคนบ้าง ที่มันสื่อสารเป็นภาษาพูดมากขึ้น เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือเท่าไหร่ด้วย มือถือมันสนุกกว่า (หัวเราะ)
แรงบันดาลใจเลยมาจากโซเชียลมากกว่า
ทิ้ว: มีเยอะครับ บางทีเราเจอคอนเทนต์อะไรบนนั้น ก็เหมือนหนังสือที่เราไปไล่ตามอ่านชีวิตคนอื่นว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง เราก็ไปศึกษาเขา บางทีมันทัชว่ะ ทำไมต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็ระบายมันออกมาเป็นเนื้อเพลง
แล้วพาร์ทดนตรีล่ะ
แดน: ถ้าเทียบกับสาม EP ที่ผ่านมาก็เยอะมากเลย ใช้เวลาในห้องอัดนานขึ้นเรื่อย ๆ พวกซาวด์จากเครื่องไม้ ๆ อะคูสติก บางคนเขาไปวินเทจก็ไปสุดเลย เราก็พยายามจับกลิ่นของความวินเทจมาผสมกับเพลงยุคนี้ ต้องได้กลิ่นด้วย ต้องได้คุณภาพด้วย
พี: เพลงยากขึ้นเรื่อย ๆ มันยากในการหาสิ่งที่ใช่ พอวงเซ็ตอารมณ์ไว้แล้วว่าอยากให้คนฟังได้ยินหรือรู้สึกอะไรในเพลงเพลงนี้ การจะหาสิ่งที่สื่อสารออกมาได้มันยาก ใช้เวลาในการหาเยอะ เยอะขึ้นทุกเพลงเลย
ทำไมยังเลือกเป็นศิลปินอิสระอยู่
ทรัพย์: ก็คงหลาย ๆ เรื่องครับ อย่างเรื่องคอนเทนต์หรือการสื่อสารกับคนฟัง มันจะผ่านหูผ่านตาเราทุกกระบวนการ การทำงานกันเองอาจจะง่ายกว่าไม่ต้องผ่านคนอื่นที่เขามีภาพของเขา แล้วเราต้องไปสู้กับเขาเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ แต่นี่เราออกไอเดียแล้วทำมันออกมาได้เลย
หลาย ๆ วงอาจจะทำมาเก็ตติ้งไม่เก่ง แล้วเราบริหารสิ่งนี้กันยังไง
แดน: หัดทำอยู่ครับ (หัวเราะ) ก็ยังทำไม่ค่อยเป็นเหมือนกัน แต่หันมาใช้โซเชียลมากขึ้น ไม่เคยเล่น Tiktok เดี๋ยวนี้ก็ต้องเล่นหน่อย ข้อดีก็คืออิสระเลยครับ เราเป็นวงที่ลงทุนมาก ๆ กับการอัดเสียง ถ้าไปอยู่ค่ายก็อาจจะไม่ได้รับอนุมัติที่จะให้เราทำอะไรที่บานปลายขนาดนี้
ค่าใช้จ่ายบานกับอะไรที่สุด
แดน: การอัดเสียง มิกซ์มาสเตอร์แหละครับ เท่าที่คุย ๆ มางบที่เราลงทุนไปเท่ากับค่ายเบอร์ต้น ๆ ของประเทศแล้ว ทำด้วยแพชชั่น
พี: เราอัดกันเพลงหนึ่งห้าวันอะครับ มันค่อนข้างไม่ค่อยปกตินะครับ (หัวเราะ)
ทิ้ว: กดสุด
วงมีเคล็บลับในการเล่นโซเชียลมั้ย สไตล์ YEW
แดน: ไม่มีเลย ผมว่าเราก็ไม่ได้อัพเดตเยอะถ้าเทียบกับวงที่มีค่าย เหมือนเราอัพเดตแค่ตอนที่เรามีอะไรจะแจ้งให้ผู้ฟังทราบ จะมีเพลงใหม่ มี MV มีไปเล่นที่ไหน แต่ยังไม่ถึงขั้นถือกล้องพูดไลฟ์ตลอดเวลา (หัวเราะ)
ทิ้ว: เรายังไม่เคยไลฟ์บน IG เลย
ทรัพย์: เวลาไปทัวร์เราเจออะไรตลก ๆ ก็จะถ่ายมา เราชอบเล่นอะไรเด็ก ๆ หน่อย เจอไดโนเสาร์ก็ไปถ่ายกัน
ความท้าทายที่สุดของการเป็นศิลปินอิสระ
แดน: อาจจะเรื่องคอนเนคชั่นด้วย วงที่มีค่ายอาจจะมีลูกค้าที่เขาสามารถขายงานต่าง ๆ ได้ แต่อิสระก็ต้องดิ้นรนหน่อย แต่ก็สบายใจกว่า
เราเองก็เป็นเบอร์ต้น ๆ ในฐานะวงอินดี้แมสมาหลายปีแล้ว รู้สึกว่าใกล้ถึงจุดอิ่มตัวรึยัง
ทิ้ว: มันมีเยอะมากกับสิ่งที่เราเคยคุยกันว่าอยากจะทำ อยากเล่นเวทีไหน อยากเล่นงานไหน ในไทยงานเฟสติวัลเราก็เคยเล่นละ วัยเด็กมันสำเร็จไปละ แต่ก้าวต่อไป อาจจะเป็นการทำเพลงสากลที่ออกไปนอกประเทศขึ้น อาจเป็นก้าวต่อไปของวงถ้าเราคิดว่าทำแล้วสนุก ตอนแรกเราเคยคิดช่วงล็อกดาวน์ที่เราเหนื่อย ๆ กัน เราก็นักดนตรีแล้วเล่นดนตรีไม่ได้ เครียดนิดนึงว่าหลังจากนั้นจะลุยกันต่อได้มั้ย พอได้กลับมาทำอีกที ทุกเพลงที่เราคิดว่าปล่อยไปแล้วไม่ทำงาน มันก็กลับมา มันเลยเป็นสิ่งที่ทำให้เรายังสนุกกับวงการและสนุกกับวงอยู่ น่าจะไปได้เรื่อย ๆ ยิ่งได้เห็นวงน้อง ๆ ทำแนวดนตรีใหม่ ๆ วงการมันก็มีอะไรสนุกเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกัน
เคยคิดไหมว่าอยากไปต่างประเทศ
แดน: ถ้าไปได้ก็ดี แต่หลัก ๆ คือการทำเพลงเพื่อให้มันเทียบเท่ากับวงต่างประเทศที่เราชอบฟัง น่าจะเป็นเป้าหมายหลักตอนนี้ ไอ้เพลงสากลมันก็ไม่น่านาน มันเป็นเรื่องของเนื้อ ที่มันต้องถึงก่อนคงเป็นดนตรี
ทิ้ว: มันถึงได้อัด 5 วัน ไม่รู้โตขึ้นทำไมเราคลั่งสิ่งนี้ขึ้น
ทุกคน: (หัวเราะ)
พี: สนุก ๆ อันนั้นเพลงเดียวนะ ผมอยู่ห้องอัดกันเกือบสองเดือน (หัวเราะ)
ในฐานะที่เราเป็นส่วนหนึ่งของ Soft Power ไทยด้วย เราอยากให้รัฐบาลมาซัพพอร์ตซีนดนตรีไทยยังไง
ทิ้ว: ผมเคยดูวงต่างประเทศวงหนึ่งที่ประเทศนอร์เวย์ เขาบอกว่ามีค่าส่งเสริมวัฒนธรรมอะไรไม่รู้ที่ช่วงล็อกดาวน์ดนตรีมันหายไป แต่พอทุกอย่างกลับมาเขาจะมอบเงินเพื่อส่งเสริมให้ซีนดนตรีกลับมาไว ๆ เพื่อให้คนกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง มันเป็นไปได้มั้ยที่จะทำดนตรีเฟสติวัลแล้วรัฐบาลจะให้เงินมาซัพพอร์ต
แดน: รัฐบาลอื่นเขาจะสนับสนุนงานดนตรี รวมถึงการพาศิลปินต่างประเทศมาและพาศิลปินในประเทศออกไปเล่นที่อื่น ถ้าของไทยสนับสนุนได้น่าจะเรื่องพื้นที่จัดงาน ให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพจัดงานให้วงเล็ก ๆ เล่นบ้าง โปรโมตให้คนวงกว้างเข้าถึงวงเล็ก ๆ อีกเยอะ ก็น่าจะทำได้
ทรัพย์: สนับสนุนค่าข้าว (หัวเราะ)
ตอนนี้นอกจากวงแล้วทุกคนทำอะไรกันบ้าง
พี: ผมไม่ได้ทำเลยครับ ไม่มีเวลา (หัวเราะ) หาเวลานอนดีกว่า
ทรัพย์: ผมมีสตรีมเกมอยู่บ้างครับ แต่ไม่ได้จริงจังมาก แล้วก็ซุ่มทำโปรเจกต์เล็ก ๆ อยู่ฝากติดตาม
แดน: ผมก็ไม่ได้ทำอะไร ทำวงเป็นหลัก ว่าง ๆ รับมิกซ์เพลงบ้างครับ
ทิ้ว: ร้านกาแฟพ่อแม่ที่เชียงใหม่ก็ได้ครับ (หัวเราะ) เผื่อไปกินนะครับ เปิดอยู่แถววิศวะครับชื่อร้าน GEAR Cafe พ่อเป็นลูกหม้อศิษย์เก่าก็เลยตั้งชื่อนี้
อะไรทำให้คิดว่าถึงเวลาของคอนเสิร์ตใหญ่แล้ว SEASONS – YEW THE FIRST CONCERT
แดน: เห็นคนอื่นเขามีก็เลยอยากมีบ้าง
ทรัพย์: ถึงเวลาที่เราต้องมาละ
มีเซอร์ไพรส์อะไรรอแฟนคลับอยู่บ้าง
ทิ้ว: ผมว่าน่าจะเป็นการพรีเซ็นต์ของวงที่ต่างออกไป ปกติ Yew จะเล่นเพลงที่ผสมผสานหลายอย่างทั้งเพลงที่มันมาก ๆ ช้ามาก ๆ อะคูสติกไปเลย เลยอยากให้คอนเสิร์ตนี้รวบรวมสิ่งที่วงอยากจะสื่อสารทั้งหมดว่าทำไมต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ รวมถึงโชว์และพร็อพต่าง ๆ น่าจะเซอร์ไพรส์คนดูได้เหมือนกันครับ
แดน: มันคือครั้งแรกด้วย มันน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้แฟนเพลงของเราเข้าใจในตัววงมากขึ้น ทำไมเพลงแต่ละแบบที่ออกมามันมาจากไหน ทุกคนจะได้รับรู้ว่ามันมีเพื่อคอนเสิร์ตนี้ ได้เห็นความเป็นวงของเราที่ชัดเจนมากขึ้น
ทรัพย์: อยากให้ทุกคนได้สัมผัสโลกของพวกเราตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามา อยากให้ได้รับบรรยากาศและความรู้สึกกลับบ้านไปแบบเต็มที่ จะพยายามเสกมาให้ทุกคน
ฝากอะไรถึงแฟนเพลง
ทิ้ว: ฝากเพลงทุกเพลงในอัลบั้มของพวกเราด้วยนะครับ โดยเฉพาะเพลง ตาข่ายดักฝัน ที่เราปล่อยออกมาพร้อมอัลบั้มด้วย ฝากเก็บเงินหรือให้คุณพ่อคุณแม่สมทบมาคอนเสิร์ต YEW ได้ เตรียมตัวให้พร้อมนะครับ
พี: ฝากเก็บตังไว้เลย คุ้มแน่นอน ทำเพลงยังเพลงละ 5 วันเลย คอนเสิร์ตใหญ่จะเป็นเหมือนกันเพื่อให้ทุกรายละเอียดครบ
ทรัพย์: ฝากติดตามพวกเราต่อไปครับ จะมีอะไรให้ทุกคนได้ฟังกันเรื่อย ๆ
แดน: ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่คอยสนับสนุนวงของเรา เป็นผู้ฟังที่ดีไม่ว่าเราจะปล่อยเพลงแบบไหนออกมาก็ตาม (หัวเราะ) หวังว่าในอนาคตเราจะพยายามทำผลงานให้ดีที่สุดอย่างที่เคยทำมาครับ
ทรัพย์: ฝากวงเล็บด้วยว่าทิ้วร้องไห้เลย
ทุกคน: (หัวเราะ)
‘SEASONS – YEW THE FIRST CONCERT’ คอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งใหญ่ครั้งแรกของ YEW จะพาให้ทุกคนดื่มด่ำไปกับทุกบทเพลงและทุกความรู้สึกที่ตีความตามแต่ละฤดูกาลของพวกเขา ไม่ว่าจะร้อน ฝน หนาว ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงความสนุก ความสุข และความเศร้าไปได้พร้อมๆ กัน ตั้งแต่เพลงแรกไปจนถึงผลงานล่าสุดอย่างเพลงในอัลบั้มเต็มชุดใหม่ของ YEW ‘Rainbow Landscape’
เจอกันวันเสาร์ที่ 21 กันยายน centralwOrld LIVE และติดตามความเคลื่อนไหวของ YEW ได้ที่ Facebook และ Instagram
ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา