‘When The Sky is Not Blue’ อัลบั้มที่ 3 ที่บันทึกการเติบโตในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจของ t_047

by McKee
562 views
t_047 บ้านข้าง ๆ When The Sky is Not Blue interview

เดินทางมาถึงอัลบั้ม 3 แล้ว กับ t_047 หรืออีกชื่อหนึ่งที่ทุกคนคุ้นเคยอย่าง ‘บ้านข้าง ๆ’ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเด็กหนุ่มผู้บันทึกภาพท้องฟ้าผ่านหน้าต่างห้องนอน คอยเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่ตัวเองพบเจอให้คนอื่นฟัง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง แต่ทุกครั้งก็พูดออกมาอย่างจริงใจ

ในวันนี้ เด็กหนุ่มคนนั้นได้เติบโตขึ้น ได้พบพานเพื่อนใหม่ ๆ เผชิญหน้าการจากลา และกำลังทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวอย่างเต็มที่ ทำให้พบว่าโลกใบเล็ก ๆ รอบตัวมันซับซ้อนและไม่ได้ง่ายเสมอไปอย่างที่เคยคิดไว้ในวัยเยาว์ แต่เขาก็ได้เห็นคุณค่าของความผูกพันมากขึ้น

t_047 ไบรท์ ตูน หมอ

ตูนและเพื่อน ๆ ในวงมานั่งพูดคุยกับเราถึงอัลบั้มใหม่ล่าสุด ‘When The Sky is Not Blue’ ในฐานะอีกบทบันทึกหนึ่งของชีวิต ที่อยากจะถ่ายทอดออกมาให้ทุกคนเข้าใจในแบบของพวกเขา ทั้งเรื่องดี ๆ และเรื่องที่ต้องปล่อยวาง แน่นอนว่า ทุกคนเชื่อในสิ่งที่กำลังพูดอยู่อย่างหมดหัวใจเหมือนเดิม

สมาชิก t_047
ตูน—ณัฐธีร์ อัครพลธนรักษ์ (ร้องนำ, กีตาร์)
ไบรท์—วิชชัน วงศ์ปรีชาโชค (กีตาร์)
หมอ—สมรภูมิ สายเทพ (ไวโอลิน)

“เราออกเดินทางกับอัลบั้มนี้ค่อนข้างนาน เป็นเวลา 2-3 ปี การเดินทางมันทำให้เราเจอมุมมองความคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง ด้วยช่วงวัยที่โตขึ้นทำให้รู้สึกว่าบางอย่างไม่ได้เป็นในแบบที่เราเคยวาดฝันไว้ ความรักที่เคยเข้าใจว่าแบบนี้ บางสิ่งที่เราเคยเล่าไปในอัลบั้มก่อนอย่าง ‘เฮ้ย ไม่รอก็ไม่นาน’ พอโตขึ้นก็ได้เห็นอีกมุมหนึ่ง”

ตูนอธิบายคอนเซปต์ของอัลบั้มนี้ให้เราฟังอย่างตั้งใจ

“’When The Sky is Not Blue’ เมื่อท้องฟ้ามันไม่เป็นสีฟ้า มันหมายถึงว่าท้องฟ้าที่เราเคยเข้าใจว่ามันคือสีนี้ วันนี้มันไม่ได้เป็นแบบที่เราเข้าใจ ไม่ได้เป็นแบบที่เราวาดฝันไว้ ปกอัลบั้มแรกเราเป็นสีฟ้า เล่าเรื่องอะไรตรงไปตรงมา เรื่องนี้มันเป็นแบบนั้นแบบนี้นะ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ละ”

สามปีก็เป็นระยะเวลาที่นานพอจะเปลี่ยนคนคนหนึ่งไปเลย และการมีครอบครัวทำให้ตูนได้เห็นมุมมองอีกด้านของหลาย ๆ เรื่องในชีวิตเหมือนกัน

สิ่งหนึ่งที่ทำให้อัลบั้มนี้น่าตื่นเต้นมาก ๆ คือการได้ ปกป้อง Plastic Plastic เข้ามาเป็นโปรดิวเซอร์ให้

“พี่ปกป้องเคยทำงานกับเรามาก่อนแล้ว ในเพลง ‘Magic Hour’ เขาทำให้เราได้เห็น t_047 ในอีกรูปแบบ เพลงนั้นเราชอบมาก พี่ปกป้องช่วยระบายสีสันใหม่ ๆ ให้วงเรา” ไบรท์อธิบาย

ตูนก็รีบเสริมว่า “เราไม่อยากให้ไอเดียวนอยู่กับแค่วงเราละ ไม่อยากทำเพลงกันอยู่แค่ในห้องไบรท์ละ เราไม่อยากจะหยุดเพลงของเราไว้อยู่แค่กับบ้านข้าง ๆ ไหน ๆ เราเป็นศิลปินแล้วก็ควรทำงานให้อยู่ในมาตรฐานศิลปินบ้าง จะไม่เอาท้องฟ้าสายลมมาเป็นข้ออ้างในการทำกันเองละ เพราะเราเองก็เติบโตขึ้น ก็อยากจะทำเพลงที่เทียบชั้นกับศิลปินคนอื่นในวงการเพลงได้บ้าง”

ไบรท์ในฐานะคนทำดนตรียังบอกอีกว่า เดโม่ของอัลบั้มนี้มีความเป็นอิเล็กทรอนิก ซึ่งพวกเขาใช้เสียงซินธ์เยอะมาก “อย่างเพลง ‘เช้าวันพรุ่งนี้’ ที่มีเสียงซินธ์นี้ เดโม่มีเสียงสังเคราะห์หนักกว่านี้มาก พี่ปกป้องตบให้มันมีความเป็น t_047 มากขึ้น ให้มีความออแกนิกมากขึ้น โชคดีที่แกก็อินเพลงโฟล์กอยู่พอดี เลยมาช่วยสร้างสมดุลให้ได้”

ตูนอธิบายเพิ่มว่า เพื่อสื่อสารในเรื่องที่ยากมากขึ้นจากอัลบั้มก่อน พวกเขาจึงตั้งธงไว้ที่การทำเป็นเพลงป๊อปก่อน แล้วจึงค่อย ๆ ค้นหาเสียงที่สามารถอธิบายเนื้อหาและความรู้สึกในเพลง ๆ นั้นออกมาได้

“ไม่อยากให้คิดว่าเครื่องดนตรีชิ้นไหนเป็นเอกลักษณ์ของวง ตอนนี้เราทำดนตรีแบบไหนก็ได้ที่ไปกับเนื้อหาได้ ผมพูดกับวงตลอดว่าผมเชื่อในสิ่งที่ผมเขียนมาก ข้อความไหนที่ไปถึงคนฟังได้ ก็คงมีคนที่ฟังแล้วเข้าใจเรื่องนี้เหมือนผมบ้างแหละ มันเป็นสิ่งที่เรายึดมากกว่าพาร์ตดนตรี ถ้าต้องตัดกีตาร์โปร่งออกไปในบางเพลงได้ ก็จะเอาออกไปได้โดยไม่รู้สึกว่าเป็นเอกลักษณ์ที่ต้องคงไว้อะไรเลย 14 เพลงนี้กางออกมามันมีแก่นสารของมัน เนื้อหาที่เราภาคภูมิใจที่จะสื่อสารออกไปอันนี้คือแก่นของ t_047 มากกว่า”

t_047

หนึ่งในคอมเมนต์ของแฟนเพลงบนโลกออนไลน์บอกว่า พวกเขารู้สึกถึงความเป็น YERM ได้ในอัลบั้มนี้ ไบรท์คิดว่าเพลงของ YERM มันมีองค์ประกอบที่ทะยานขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดพีคในเพลง ซึ่ง ‘วันที่โลกแตก’ ในอัลบั้มนี้เองก็มีองค์ประกอบนั้นอยู่เหมือนกัน

“มันมีบางเพลงที่มันสาดเข้ามาแบบโพสต์ร็อก เขาอาจจะตีความว่า YERM คือร็อก t_047 คือโฟล์ก พออัลบั้มนี้มันมีความร็อกเข้ามาก็เลยรู้สึกว่ามีความ YERM ซึ่งไม่แปลก เพราะต่อให้ยุติบทบาทวงไป ยังไงในตัวเราก็ยังมีความร็อกอยู่ เปรียบเทียบ t_047 คือขาว YERM คือดำ แต่อัลบั้มนี้มีสมดุลที่ทุกคนอาจจะรู้สึกถึงสีดำสีขาวได้มากกว่าอัลบั้มก่อนหน้า” ตูนเสริม

สำหรับเราเอง อัลบั้มนี้มันมีความสีเทา ๆ เพราะทุกคนเองก็ไม่ได้มีสีขาวหรือสีดำหรือสีฟ้าที่ชัดเจนขนาดนั้น “โอ๊ย บางคนก็เทาเกิ๊น!” ตูนสบถทันที

การมีครอบครัวก็เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญในชีวิตของทุกคน เราถามตูนว่าการมีลูกมันสร้างแรงบันดาลใจอะไรบางอย่างให้กับดนตรีของวงรึเปล่า

“พอมานั่งสังเกตแล้วมันมีความรักเข้ามา ในอัลบั้มก่อนจะเป็นความเข้าใจโลกเข้าใจธรรมชาติซะส่วนใหญ่ แต่อัลบั้มนี้เป็นความเข้าใจในเรื่องความสัมพันธ์มากยิ่งขึ้น ตอนไม่มีลูกเราก็ไม่รู้สึกถึงความรัก ความคิดถึงจริง ๆ คืออะไร พอมีความรักของแฟนก็เลยมี ‘Before Midnight’ หรือ ‘วันที่โลกแตก’ ขึ้นมา มันถึงมีความคิดถึงแบบ ‘สายธารที่ไหลกลับบ้าน’ ขึ้นมา แต่ถ้าพูดถึงลูกจะอยู่ในเพลง ‘ฤดูใหม่’ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปนะ เป็นเรื่องของความรับผิดชอบมากกว่า แต่ในเรื่องมุมมองชีวิตก็ไหลไปตามธรรมชาติ ไม่รู้สึกว่ามีอิทธิพลอะไรมาก”

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ t_047 เข้าถึงคนฟังทุกคนได้มากขึ้น ก็อาจจะเป็นเรื่องการใช้โซเชียลที่เข้าใจแฟนเพลงและมีความถี่จนน่าติดตาม ซึ่งตูนอาจเรียนรู้จากการทำเพจ ‘บ้านข้าง ๆ’ นั่นเอง

หนึ่งทวิตที่ทำงานได้ดีที่สุด คือทวิตที่ถามว่าแฟนเพลงว่าชอบเพลงไหนที่สุด ซึ่งตูนบอกว่าคนพูดถึง ‘แด่ฉันในวัยเยาว์’ กับ ‘งานศพ’ เยอะที่สุด แต่เมื่อถามถึงเหตุผล ตูนกลับตอบซื่อ ๆ เลยว่าไม่รู้ เพราะอยู่เหนือการคาดเดาของวงไว้เหมือนกัน

“ผมว่าสิ่งที่ทำให้คนชอบเพลงนี้ (’แด่ฉันในวัยเยาว์’) เพราะเพลงอื่นทุกคนอาจไม่ได้มีจุดร่วมเดียวกันเสมอไป อย่าง ‘ย้ายบ้าน’ คุณอาจจะต้องบเคยอกหักมาก่อน ‘งานศพ’ บางคนก็อาจจะไม่ได้กลัวความตาย แต่ ‘แด่ฉันในวัยเยาว์’ ทุกคนมีจุดร่วมเดียวกันคือทุกคนเคยเป็นเด็ก ทุกคนสามารถเข้าใจ แล้วยิ่งพอเป็นข้อความที่เราอยากบอกตัวเองในวัยเด็กมันเลยอินง่ายขึ้น”

ซึ่งจุดเริ่มต้นของเพลงนี้ก็เรียบง่ายมาก แค่เพราะตูนไปเห็นประโยคที่ว่า ‘ถ้าคุณได้กลับไปเจอตัวเองตอนเด็ก จะบอกอะไรกับเขา’ กลับกัน เพลง ‘งานศพ’ กลับมีที่มาที่แปลกและเฮฮากว่าอีกเพลงเหมือนอยู่คนละอัลบั้ม

“ช่วงที่เราทำอัลบั้มแรกเป็นช่วงที่เราเพิ่งจบมหาลัย มันยังมีแต่ความฝัน ความสวยงาม เราไม่เคยคำนึงถึงความตาย เพลงนี้สตอรี่มันคือเราไปอยู่ในห้องห้องนึงระหว่างทัวร์ สภาพมันเหมือนมีคนตาย (หัวเราะ) เหมือนมีการฆาตรกรรมเกิดขึ้น แล้วเราจะเป็นเหยื่อรายต่อไปป่าววะ เป็นเรื่องของความกลัวความตาย แล้วเรามาคิดว่ายังไม่เคยมีข้อความอะไรที่จะบอกคนที่ยังอยู่เลย เลยเกิดเป็นเพลง ‘งานศพ’ ขึ้นมา คิดภาพตัวเองตายไปแล้ว เราเป็นวิญญาณในงานศพตัวเอง เราคงอึดอัดถ้าไม่ได้บอกอะไรกับคนที่ยังอยู่”

แม้เพลงของ t_047 จะมีพูดเรื่องสัจธรรมในชีวิต การทำความเข้าใจและยอมรับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตอย่างวางใจ ซึ่งต้องใช้การตีความหรือประสบการณ์ร่วมค่อนข้างสูง แต่แฟนเพลงที่มาเจอพวกเขาตามคอนเสิร์ตกลับอายุน้อยลงเรื่อย ๆ

“เด็กในยุคนี้ก็จะฉลาดขึ้นไปเรื่อย ๆ เพลงวงผมก็ต้องคิดสองชั้น ถ้าฟังแล้วไม่คิดก็จะงงว่า ‘อะไรวะ’ มีคนที่ฟีดแบ็กกลับมาแบบนั้น จากที่วันนึงคนฟังเราอายุประมาณ 18-19 ขึ้นไปเรื่อย ๆ พอผ่านมานาน ๆ ก็จะมีฟีดแบ็กจากเด็กม.ต้นที่ฟังและตามมาดูคอนเสิร์ตเรา เราก็ค่อย ๆ เห็นว่าเด็กสมัยนี้เข้าถึงปัญญาได้เร็วขึ้น เริ่มเข้าใจเรื่องเกิดแก่เจ็บตาย ธรรมชาติของการเวียนว่ายตายเกิด น้องก็เข้าใจว่า อ๋อ ‘เพียงฤดู’ คืออะไร เขาเริ่มคิดมากยิ่งขึ้น ถึงไม่ใช่หมู่มาก แต่มันจะส่งต่อไปเรื่อย ๆ เด็กคนนั้นอาจไปเล่าให้เพื่อนฟังว่า มึงอย่าไปเศร้ากับการเรียนเลย การเรียนมันเป็นเพียงฤดูนึง (หัวเราะ)”

ซึ่งตูนพูดได้เต็มปากว่าเขาภูมิใจมากที่เพลงของเขาทำงานกับเด็กได้ดี ในแบบที่แฟนเพลงก็หลุดพ้นด้วย

t_047

“ตอนนี้คุณอายุ 14 คุณยังไม่กลัวตายหรอก ‘งานศพ’ ก็อาจจะไม่ใช่เพลงโปรดของคุณ พอวันหนึ่งคุณอายุ 17 โดนรถเฉี่ยว คุณอาจจะรู้สึกว่า ‘เชี่ย เข้าใจแล้ว กลัวความตายแล้ว’ ผมชอบที่เพลงผมทำงานแบบนี้”

ไบรท์เสริมอีกนิดว่า “ผมว่าคนที่ฟังเพลง t_047 บ่อย ๆ มันต้องไปเจอเรื่องอะไรมาก่อน แล้วให้เพลงช่วยตอบคำถามนั้น”

สเต็ปต่อไปของวงคือการออกแบบโชว์ใหม่ให้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งตอนนี้เวลาไปเล่นที่ไหน ตูนเลือกที่จะใส่เพลงในอัลบั้มใหม่ลงไปถึง 7 เพลง และเริ่มรับงานมากขึ้น เพื่อทดสอบว่าโชว์ของตัวเองอยู่ตัวหรือยัง และอีกหนึ่งเป้าหมายนึงที่วงเองยังพูดไม่ได้เต็มปาก แต่ตูนแอบบอกแฟนเพลงผ่านเราก็คือ ปีนี้ t_047 อยากทำคอนเสิร์ตใหญ่สักครั้ง แต่ต้องเป็นจังหวะที่พวกเขามั่นใจในโชว์ของตัวเองจริง ๆ เพื่อทำให้แฟนเพลงที่ซื้อบัตรมาดูคุ้มค่าบัตรที่สุด ตอนนี้ปล่อยให้เพลงทำงานและพาพวกเขาออกไปทัวร์ และอีกเรื่องที่ไม่ขออะไรมาก “อยากให้สมาชิกในวงรักกัน และซื่อสัตย์ต่อกันเท่านั้นเอง” ตูนพูดขำ ๆ

อีกสิ่งหนึ่งที่ตูนคิดถึงเหมือนกัน คือการกลับมาทำคาเฟ่บ้านข้าง ๆ

“คิดถึงการทำคาเฟ่ แต่ก็พบว่าตัวเองไม่ได้มีกำลังมากพอที่จะเจอกับทุกคนได้มากขนาดนั้น อาจจะเปลี่ยนวิธีจัดการให้จิตวิญญาณของเราอยู่ โดยที่ตัวเราไม่ต้องอยู่ก็ได้ ที่วางแผนกันไว้เราอาจจะทำกับเพื่อนในวงไปเลย เวลาเรากอดคอไปกับเพื่อนมันอุ่นใจกว่า เราจะได้มีสถานที่จัดอะไรของเราได้ด้วย ใครอยากสักก็เปิดร้านสักไปเลย ใครอยากเปิดอิซากายะก็จัดเลย ก็เป็นแผนที่เราวางกันไว้นานละ แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงเลยต้องช้าลงแล้วเดินทางไปกับเพลงก่อน”

สุดท้าย เราอยากให้วงฝากอะไรถึงคนที่ยังไม่ได้ฟัง ‘When The Sky is Not Blue’ หน่อย หมอก็พูดอย่างเขิน ๆ ว่า “ฝากกันด้วยนะครับ อัลบั้มที่ 3 ของพวกเรา t_047 อย่างที่ตูนบอกว่าพวกเราตั้งใจทำกันมาก ๆ เลย ตอนนี้ฟังได้ทุกสตรีมมิงเลยนะครับ”

ส่วนตูนก็ทิ้งท้ายไว้ว่า

“ไม่ต้องฟังแล้วไปกดดันตัวเองว่ากูต้องเข้าใจ กูต้องฉลาดคิดอะไรได้ ปล่อยให้เพลงมันทำงานกับความรู้สึกของคุณไปโดยธรรมชาติ เพลงไหนฟังแล้วไม่รู้สึกอะไร มันก็เป็นธรรมชาติ อาจจะเป็นช่วงวัยของคุณ หรือเราสื่อสารไม่ดีพอ หรือเราอาจไม่ได้มีกรอบประสบการณ์เหมือนกัน แต่วันหนึ่งชีวิตคุณจะเดินทางไปจนคุณเข้าใจบางเพลง แล้วมันจะกลับมาหาคุณเอง แค่ตอนนี้ลองเปิดใจลองฟังให้มันเข้าไปในเรื่องราวของพวกเราซักหนึ่งรอบก่อนนะครับ”

When The Sky is Not Blue t_047 album cover
+ posts

ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy