quicksand bed พูดถึง EP ล่าสุด ‘After the First Wave’ กับการรับมืออุปสรรคในชีวิตด้วยฟังก์อันกลมกล่อม

by McKee
28 views
quicksand bed EP After the First Wave NewEchoes OK, Vincent Moving Walkway r&b

quicksand bed กลับมาพร้อม EP ใหม่ล่าสุด After The First Wave ภายใต้บ้านใหม่ NewEchoes เป็นผลงานที่สะท้อนการเปลี่ยนผ่านของวงหลังจากต้องเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงสมาชิก พวกเขาที่เหลือก็ต้องเดินหน้าต่อไป และหาคำตอบว่าตัวตนของ quicksand bed หลังจากนี้คืออะไร แต่ผลลัพธ์ที่ได้จาก EP นี้คือซาวด์ที่ฟังก์ ที่ยังมีกรูฟที่เป็นเอกลักษณ์ของวง พร้อมแรงบันดาลใจของ EP ที่ได้รับมาจากหนังซอมบี้

ใน Transmission นี้ พวกเรานั่งจับเข่าคุยกับเขาถึงเพลงใหม่ ๆ ใน EP รวมถึงการเปลี่ยนแปลงที่วงต้องเผชิญ พร้อมแก้ข่าวว่าวงยังไม่แตก! เชื่อว่าอ่านจบปุ๊บ พวกเราจะฟังเพลงใน ‘After the First Wave’ ได้สนุกกว่าเดิมแน่นอน

quicksand bed EP After the First Wave NewEchoes OK, Vincent Moving Walkway r&b

สมาชิก quicksand bed
เกม—สรวิชญ์ วงศ์ปิยะ (ร้อง, กีตาร์)
เจสัน โสตางกูร (ร้อง, เบส)
น็อต—นภมณฑล สระสุนทร (กลอง)

เกม: ชื่อ EP อันนี้น่าจะเอามาจากชีวิตการทำเพลงของเราครับ เป็น EP ที่รู้สึกว่าล้มลุกคลุกคลานกันมาก ตั้งแต่ทำวงมาเรียกว่าโชคดีกว่าวงชาวบ้านเขา ไม่ค่อยเจออุปสรรคหนัก ๆ เท่าไหร่ แต่พอมารอบนี้ พอ พัด–บริพัตร (ปัจจุบันอยู่วง FOLK9) ออกจากวง แล้วต้องมาขึ้นเดโมใหม่กันเนี่ย รู้สึกว่า… (แจ็คสัน: ตอใหญ่เลย) พวกเราก็เป็นคนชอบดูพวกหนังซอมบี้ หนัง post-apocalyptic อะไรแบบนี้อยู่แล้ว พอถึงเวลาก็เลยเอาสองอย่างนี้มาแมตช์กันว่า เออ ตอนนี้มันคือซอมบี้เวฟแรก การที่ทำเพลงเสร็จออกมาเป็น EP นี้ได้ ที่ทุกคนช่วยกันผลักดันทั้งวงและค่าย มันก็คือการที่เราเพิ่งผ่านพ้นเวฟแรกมาได้แล้ว เลยชื่อ After the First Wave

เกม: ยากเลย ผมว่าควบแน่นมากขึ้น หมายถึงสะเปะสะปะน้อยลง แล้วก็มีความมินิมอลขึ้น หมายถึงจำนวนเลเยอร์ที่ใช้ในแต่ละเพลงค่อนข้างน้อยลง แต่ว่ากลิ่นอายของ synthesizer มันก็ยังคงมีบทบาทสำคัญเหมือนเดิม โดยเราให้ พี่ปกป้อง Plastic Plastic มาช่วยในส่วนนี้(โปรดิวซ์) ความมินิมอลบางอย่างก็น่าจะมาจากพี่ป้องด้วย

เจสัน: ใกล้เคียงการเล่นสดมากขึ้น

เกม: ผมว่าอัลบั้มนี้มีการทำงานร่วมกับคนอื่นมากขึ้น ช่วยตบว่ากลุ่มก้อนของเพลงควรจะเป็นไปในแนวทางไหน หรือว่าจะมีพี่ป้องมาช่วย และคนอื่น ๆ มาช่วย ซึ่งพวกเขามีผลต่อทิศทางของเพลงด้วย แล้วก็ลองอะไรใหม่ ๆ เยอะขึ้น เช่น อัดกลองจริง ซึ่งก็เพิ่งมีในอัลบั้มนี้เป็นครั้งแรก ปกติก็ทำกันเองหมด

เกม: ตอนทำกับพัด เราไม่เคยทำเดโมเลย เราทำทุกอย่างบนไฟล์เดียว พัดก็จะจูนนู่นปรับนี่อัดนู่นอัดนี่ไปเรื่อย ๆ จนจบออกมาเป็นเพลงสำเร็จเลย ในขณะที่รอบนี้ที่เราทำกับพี่ป้อง ก็คือเราต้องมีเดโมก่อน แล้วค่อยไปให้พี่ป้องก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา เพื่อสื่อสารให้เขาเข้าใจว่าเราชอบอะไร เราต้องการอะไร ก่อนที่พี่ป้องจะพัฒนาต่อ

เกม: ต้องขอบคุณ จัส—ธีรพันธ์ เงาจีนานันต์ ผู้กำกับ MV เพลง Moving Walkway เพราะวิชวลของ EP นี้ถูกทำขึ้นมาพร้อมกัน โดยมีทีมงานกับทีมค่ายช่วยกันจนได้ชื่อ Coffee Apocalypse ซึ่งเป็น working title ที่ใช้กันภายใน

เกม: ถ้าจะให้พูดโดยรวม ดนตรีของวงมันอยู่ในโซน alternative R&B ซึ่งมันจะมีกรูฟที่ย้วย ๆ บ้าง เด้ง ๆ บ้าง เพราะมันสามารถครอบคลุม funk ได้ด้วย hip-hop ได้ด้วย แล้วก็องค์ประกอบอื่น ๆ ส่วนโทนของเพลง พวกกลิ่นอายของคอร์ดและเมโลดี้ มันก็จะสลับกันไประหว่างความหม่นกับความสว่าง ถ้าสมมติว่าเราออกนอกโซนนี้ไป มันจะเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ quicksand bed แล้ว ถ้ามัน funky มากเกินไป ถึงขั้นเป็นแบบ Wolfpack หรืออะไรแบบนั้น

เจสัน: ตอนแรกเริ่มจากคอร์ดก่อน ดีดขึ้นมา แล้วก็ใช้เปียโนขึ้นต้น เป็นโครงสร้างที่ค่อนข้างเรียบง่าย แต่จุดสำคัญคือเมโลดี้ช่วง pre-hook ที่เราต้องการพรีเซนต์

เกม: จริง ๆ Mr. Poseman เคยเป็นเพลงอื่นมาก่อน แต่ว่าคอร์ดไม่ใช่แบบนี้เลย กลองก็เรฟมาจากเพลงของศิลปินฮิปฮอปวงนึงที่เป็นผู้หญิง ผมจำไม่ได้ละว่าฟังอะไรตอนนั้น แล้วค่อยเอามาหาคอร์ดใหม่ ใครฟังก็คิดว่าควรจะเป็นเพลงที่หมายถึงบุรุษไปรษณีย์ใช่มั้ย แต่ในที่นี้ Pose ที่มาจากโพสต์ท่า แอ็กหรือเก๊ก เจสันอัดเปียโนเองนะ

เจสัน :เป็นครั้งแรกที่ใช้เปียโนจริงเพลงองเราด้วย เนื้อเพลงก็เป็นการด่าตัวเองประมาณว่า “โอ้ย ควาย ทำไมวะ? ทำไมไม่บอกชอบเค้าไปสักที จะรออะไรอยู่?” (หัวเราะ)

เกม: เป็นเพลงแรกที่ทำหลังจากพัดออก แล้วก็ยังเหลือรอดมาจนถึงทุกวันนี้ เราเคยทิ้งเดโมทั้งชุดไปรอบหนึ่ง (หัวเราะ) มีแค่เพลงนี้ที่ยังเหลือ ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่มีชีวิตชีวาที่สุดในอัลบั้ม แล้วก็สว่างที่สุดในอัลบั้มด้วย

น็อต: ยังจำวันที่เดโมเริ่มเสร็จประมาณหนึ่ง ที่เราไปแต่งเนื้อร้องกัน แจกกระดาษคนละใบ แล้วแยกกันแต่ง

เจสัน: กลับมารวมกัน เอ้า! ต่อกันติดเฉยเลย (หัวเราะ) ปกติก็คือแยกกันแต่งเลย แบบ “มึงเพลงนี้ กูเพลงนี้” แล้วก็คิดว่าอาจจะไม่ค่อยใช้วิธีนี้อีกไม่น่า มันเหนื่อย (หัวเราะ) มี Valentina Ploy มาช่วยเช็คพวกแกรมมาร์ แล้วก็พวกจุดที่มันอาจจะไม่ใช่ norm ของภาษาอังกฤษ เพราะบางทีเราคิดอะไรแบบวัฒนธรรม บ้านเรา แต่ต่างชาติอาจจะไม่เข้าใจ

เกม: เนื้อหาของเพลงนี้ ตอนแรกเจสันบอกว่า “มึงลองแต่งอะไรที่มันงี่เง่า ๆ ได้ไหม?” แบบเกี่ยวกับพิซซ่าหรืออะไรที่ไม่ต้องคิดเยอะ ไม่ต้องเป็น “ฉันรักเธอ เธอรักฉัน” อะไรแบบนั้น (น็อต: สุดท้ายก็เป็นเพลงรัก) เลยเริ่มจาก “แมว” เป็นความรักที่เรามีให้แมว เนื้อหามันเลยมีความ nonsense หน่อย เช่น “แคะขี้หูให้หน่อย” แล้วยังมีการแซมเปิลเสียงแมว เอามาดัดเสียงให้มันฟังดูไม่เป็นเสียงแมว เล่นสนุกกันไป เราอยากทำท่อนที่ไม่มีคำลงไป เหมือน “ป๊าดาๆๆ” ของ Earth, Wind & Fire

แล้วปัญหาที่สุดของเพลงนี้คือ มันเหมือนเพลงอื่นมากไป เราแก้แล้วแก้อีก จนสุดท้ายพี่ป้องบอกว่า “เห้ย เพลงนี้แนวนี้มีเต็มไปหมดแล้ว ไม่ต้องคิดมาก” เป็นสไตล์ที่เขาใช้กันทั่ว ๆ ไป สุดท้ายเราเลยตัดท่อน instrumental ด้านหลังออก เพื่อลดความคล้ายกับบางเพลง

เกม: เป็นเพลงที่หม่นที่สุดใน EP ผมเคยเห็นรุ่นพี่ผมคนนึงโพสต์ใน Facebook เกี่ยวกับการสูญเสียพ่อของเขา ซึ่งป่วยเรื้อรังมานาน เป็นผู้ป่วยติดเตียง แล้วเขาต้องทุ่มเวลาให้กับการดูแลพ่อมาก ๆ จนวันหนึ่งพ่อเขาเสีย แน่นอนว่าเขาเสียใจ อีกทางหนึ่งมันอาจจะฟังดูไม่ดี แต่เขากล้าพูดเต็มปากว่า เขาโล่งใจ ซึ่งในความสัมพันธ์หลาย ๆ แบบมันก็มีอะไรแบบนี้เหมือนกัน คนที่เลิกกันแล้วเสียใจมาก คิดถึงมาก รักมาก แต่ว่าลึก ๆ แล้ว พวกเขาอาจจะรู้ก็ได้ว่ามันไม่ได้เป็นความสัมพันธ์ที่เฮลตี้ หรือในบางกรณีแม้ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ดี แต่มันอาจจะมีบางสิ่งที่ทำให้รู้ว่าในระยะยาว พวกเขาอาจจะใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้จริง ๆ

เจสัน: แค่รู้สึกว่าอินโทรของ Relief มีซาวด์ดีไซน์บางอย่างที่เหมาะกับการเป็นเพลงเปิด เพราะว่าเราไม่ได้ทำ opening track แบบโฉ่งฉ่าง หรือเปิดมาด้วยพลังเต็มที่ เราอยากให้มันค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป เลยรู้สึกว่าเพลงนี้เหมาะที่สุด

เกม: เราก็อยากให้มันมีมู๊ดที่บูดนิดนึง เพราะจริง ๆ แล้วถ้าดูโดยรวม เพลงของเรามันไม่ได้สว่างสดใสขนาดนั้น

เจสัน: ไม่รู้ครับ (หัวเราะ) (เกม: เป็นคนเดียวที่คิดออก (หัวเราะ)) เรารู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นแบบไหน รสนิยมเขาเป็นยังไง เอกลักษณ์ของเขาเป็นยังไง และเขาก็มีลายเซ็นต์ของตัวเอง พอพูดชื่อพี่ป้องขึ้นมา ทุกคนก็ไม่มีใครคัดค้านเลย มันคลิกตั้งแต่แรก เรานึกถึงคนอื่นไม่ออกเลยด้วยซ้ำ

เจสัน: ผมเจอเคนโด้เจ้าของร้านตอนที่ไปเล่นแบ็กอัปตอนถ่าย Live Session เคนโด้ก็บอกว่า “เฮ้ย วงพี่แม่งน่ามาทำ Live Session ที่นี่นะ ผมว่ามันเข้ากับวงพี่ดี โลเคชั่นก็ดี” ผมก็เลยถามราคาแต่จำได้ว่ามันแพงจนรู้สึกว่าพวกเราไม่ไหวหรอก ซึ่งสิ่งที่เคนโด้สื่อคือ ให้มาลองถ่ายกันแบบ Offline แต่ผมดันไปต่อยอดเองบอกวงเองว่ามันเป็น Online Event แล้วไป ๆ มา ๆ ดันทำให้มันกลายเป็น Offline Event ซะงั้น แล้วผมก็ไปบอกวงอีกว่าดีลเรื่องตากล้องไว้แล้ว ทั้งที่จริง ๆ ยังไม่ได้ดีลอะไรเลย (หัวเราะ) (เกม: ไม่เคยเกิดขึ้นด้วยซ้ำ) ใช่ ผมมั่วซั่วไปเรื่อย (หัวเราะ)

แต่สุดท้ายก็มาคิดว่า “งั้นทำให้สิ่งที่มั่วเป็นเรื่องจริงเลยก็ได้วะ” เลยกลายเป็นว่าเราจัดงานให้คนเข้ามาดูจริง ๆ แล้วใช้โอกาสนี้เป็นอีเว้นต์เปิด EP ไปเลย

เกม: แล้วก็นี่เป็นครั้งแรกที่เล่นเพลงใหม่ทั้งเซ็ต ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็นยังไง (หัวเราะ)

เจสัน: แล้ววงเพิ่งนึกได้ว่าเซ็ตลิสต์ของเราตอนนี้สามารถเล่นเกินหนึ่งชั่วโมงได้แล้วนะ ปกติเรามีอยู่ 13 เพลง ก็เล่นมันทั้งหมด แต่ตอนนี้เราเริ่มต้องเลือกแล้ว ซึ่งมันทำใจลำบาก เพราะเราอยากเล่นทุกเพลง (หัวเราะ) จ้างได้

เกม: ถ้าบอกว่าเวฟแรกมันคืออุปสรรคที่เป็นตอมาหาเรา ก็ไม่ค่อยอยากเจอ Second Wave เท่าไหร่นะ (หัวเราะ)

เจสัน: แต่ถ้าสมมติเราอิงจากหนังนะ First Wave คือซอมบี้ระบาดตอนแรก เรามีปัญหากับซอมบี้ เราไม่คุ้นกับโลกใหม่ แต่พอเป็นพาร์ทสอง เราไม่กลัวซอมบี้แล้ว เราปรับตัวได้แล้ว ทีนี้เราจะสู้กับมนุษย์แทน เราจะสู้กับปัญหาที่ใหญ่ขึ้นไปอีก ก็คงมี Second Wave แน่ ๆ แต่ก็คงเป็นปัญหาที่แตกต่างออกไป

เกม: การทำอัลบั้มเต็ม อาจจะเจออะไรอีก

น็อต: ฝากฟังทุกเพลงเลยนะครับ หวังว่าจะชอบกัน ฟังได้ทุกสตรีมมิ่งแล้ว

เจสัน: อันนี้เป็นอะไรที่ใหม่สำหรับพวกเรา เราชอบมันมาก และภูมิใจกับมันมาก ใช้เวลานานกว่าจะปล่อยออกมาได้

น็อต: นานจนคนคิดว่าวงแตกแล้ว (หัวเราะ)

เกม: ฝากแก้ข่าวให้ด้วยนะครับ ว่ายังไม่แตก! (หัวเราะ) เซ็ตใหม่มาแล้ว มาแรงแน่นอน! แล้วถ้าทุกคนได้ฟังแล้วชอบเพลงไหนเป็นพิเศษ คอมเมนต์มาได้เลยในโซเชียลมีเดียช่องทางไหนก็ได้


นอกจาก EP นี้ยังเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายและการทดลองใหม่ ๆ พวกเขากำลังจะเปิดตัวงานนี้ด้วยโชว์ How to Survive After The First Wave อีเวนต์ที่เริ่มจากวายป่วงแต่กลับกลายเป็นโชว์เต็มรูปแบบครั้งแรกของพวกเขา เตรียมรับมือกับดนตรีนุ่ม ๆ ของพวกเขาไว้ให้ดี ใครลงทะเบียนแล้วก็ไปเจอกัน 2 กุมภาพันธ์ ที่ Akirat

ติดตามข่าวสาร ความเคลื่อนไหว ฟังเพลงใหม่ของพวกเขาก่อนใครได้ที่ Facebook และ Instagram

+ posts

ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy