ELEVEN หรือ จาว—พบสุข บุญเสรฐ หนึ่งในศิลปินรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองในช่วงปีที่ผ่านมา นอกจากสำเนียงป๊อปน่าฟังที่มาพร้อมกับเนื้อเสียงที่มีความ r&b โดนเด่นด้วยจังหวะสนุก ๆ และการถ่ายทอดอารมณ์ที่พยายามส่งต่อทั้งคำดี ๆ และอารมณ์เศร้า ๆ ออกมาอย่างจริงใจ ซึ่งจับใจหลาย ๆ คนด้วยเพลงที่ผ่านมาอย่าง Tell Me What You Need และ SO-ON
หลังจาก New Day ที่เหมือนเป็นการประกาศบทใหม่ของตัวเองแล้ว ก็ทยอยปล่อยเพลงใหม่ ๆ ออกมาในสไตล์ที่เป็นตัวเองมากขึ้น ส่วนตัวมากขึ้น รวมถึงได้ทำงานกับเพื่อน ๆ อีกมากมายเพื่อถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองได้ผ่านมา จนเกิดเป็น EP แรกของตัวเองในชื่อว่า Don’t Wanna Lose “U” ที่จาวบอกว่า เขาตีความว่า EP นี้คือหนังเรื่องหนึ่งของเขา
Transmission วันนี้ จาวอยากมานั่งเล่าให้เล่าฟังถึงเบื้องหลังทุกเพลงในอัลบั้มนี้ ว่าแต่ละเพลงมีความหมายกับเขามากแค่ไหน และอยากถ่ายทอดให้แฟนเพลงทุกคนที่เขารัก จนกลายเป็นหนัง coming of age ดี ๆ อีกเรื่องหนึ่งที่อยากให้ทุกคนลองฟัง
Track by track
Don’t Wanna Lose “U”
Track แรกของ Ep Album นี้ เป็นการเกริ่นหัวเรื่องของเรื่องราวทั้งหมดของผม ซึ่งผมตีความว่าอัลบั้มชุดนี้คือหนังของผม นี่ก็เหมือนเป็นเพลงที่บ่งบอกว่าหนังเรื่องนี้จะไปทางไหนและผมตั้งใจให้เป็น Intro ใหม่ของเพลง Call Me เพลงนี้จะให้ความรู้สึกเหมือนคุณกำลังโทรไปหาใครสักคนหนึ่งที่คุณไม่อยากจะเสียเขาไป คุณจะรู้สึกมีความหวังเมื่อคุณได้กดโทรออกไป ในใจคุณเอาแต่อยากจะบอกเขาว่า “Don’t Wanna Lose “U”” จนกระทั้งสุดท้ายเขาก็ไม่ได้รับสายคุณอยู่ดี
Call Me
เป็นเพลงที่สองที่ผมได้เขียนขึ้นในอัลบั้มนี้ต่อจาก LOVE MOON แรงบันดาลใจของผมมาจาก ผมเป็นคนชอบโทรศัพท์ไปพูดเรื่องราวสำคัญมากกกว่าที่จะส่งข้อความไปบอก เพราะการพูดคุยและได้ยินน้ำเสียงซึ่งกันและกัน แสดงถึงความจริงใจและทำให้คู่สนทนาของเราได้รับรู้ถึงความรู้สึกของเราอย่างแท้จริง ผมเลยคิดว่าต้องมีสักเพลงที่เกี่ยวกับโทรศัพท์ซึ่งมันก็มาลงที่เพลงนี้
เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่ได้เริ่มทำงานกับ วิน Varis เป็นเพลงที่เราสองคนได้ลองอะไรใหม่ ๆ มากมายและเพลงนี้ได้ให้แรกบรรดาลใจในการทำเพลงต่อ ๆ มาของอั้ลบั้มนี้อย่างมาก เสียงโทรศัพท์ในเพลงเป็นเสียงที่พวกเราภูมิใจกันมาก ๆ มันเลยจะถูกนำไปอยู่ในหลาย ๆ เพลงอย่าง Don’t Wanna Lose “U” และ แค่ฉัน / Again?
ตัวเนื้อเพลงของ Call Me นั้นจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่ความสัมพันธ์พึ่งจบไป และเริ่มโกหกคนอื่นว่าตอนนี้โอเคแต่จริง ๆ คนที่รู้ดีที่สุดว่าเรายังไม่โอเคเลยก็คือเธอคนนั้นนั่นแหละ เพราะเธอคือคนที่รู้จักเราดีที่สุดและไม่ว่าจะรู้ว่ายังต้องรอเธออยู่ตรงนี้คนเดียว แต่เราก็จะรออยู่ที่เดิม
จากที่ผมได้พูดไปในเพลงที่แล้วว่านี่คือหนังของผม สามเพลงนี้เลยเป็น Part 1 ของหนังเรื่องนี้ Call Me, แค่ฉัน / Again? และ ฉันยังไม่ลืม / memo. MV ของ Call Me เล่าถึงเหตุการณ์ในความทรงจำของเขากับเธอจากกล้อง handy cam ว่าตอนนั้นมันดีแค่ไหน แต่ตอนสุดท้ายมันก็มีแค่เขาที่ยังรอเธอคนนั้นในห้อง ๆ นี้
แค่ฉัน / Again?
เป็นเพลงสุดท้ายที่เราทำเสร็จ ก็ไม่รู้ทำไมแต่เพลงนี้เป็นเพลงที่ทำยากที่สุดของเราทั้งคู่ ทั้ง ๆ ที่เขียนเนื้อเพลงเสร็จตั้งแต่ช่วงทำเพลง Call Me แล้วสรุปเพลงนี้ใช้เวลาเกือบปีกว่าจะเสร็จ แรงบันดาลใจของผมกับเพลงแค่ฉันจริง ๆ เราใช้คอนเซปต์ที่ว่า “ถ้าต่อจากความรู้สึกของเพลง Call Me แล้วคนคนนี้มันจะเป็นยังไงต่อ?” คำตอบที่ผมได้คือ คนคนนี้คงเริ่มมีคำถามมากมายเมื่อเขาคาดหวังว่าการรอนั้นจะทำให้เขาได้เจอเธอคนนั้นอีกครั้งแต่ความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาเลยเริ่มที่จะสับสนและตั้งคำถาม เขาเริ่มไม่ใช้เหตุผลแต่ใช้ความรู้สึกเป็นตัวนำทางแทน และนี้เลยออกมาให้รูปแบบของเพลงเร็วที่ให้อารมณ์ของการตั้งคำถามกับความรู้สึกในตอนนี้ที่สับสนมาก ๆ ของเขา
Ps. ชื่อเพลง Call Me กับ แค่ฉัน ต่อกันเป็น “Call Me Again?”
ฉันยังไม่ลืม / memo.
เพลงนี้เป็นเพลงที่พิเศษมาก เพราะผมคิดเมโลดี้เพลงนี้ตอนผมกำลังฝันแล้วก็สะดุ้งตื่นมาอัดมันเก็บไว้ ซึ่งปกติผมคิดอะไรออกมักจะอัดเก็บไว้อยู่แล้วแต่นาน ๆ จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลยจำมันได้ดี เช้าวันต่อมาผมไปทำเพลงกับวินที่บ้านและเปิดสิ่งที่ผมอัดเมื่อคืนให้ฟังผมกับวินคิดเหมือนกันว่ามันดีและเราจะเอามันมาทำเป็นเพลงต่อไป เพลงนี้ผมหาไอเดียของเรื่องราวมาจากไดอารี่ของผม (ซึ่งส่วนใหญ่เพลงในอัลบั้มนี้มาจากไดอารีของผม) ผมไปเจอหน้าหนึ่งที่เขียนไว้กับคววามสัมพันธ์หนึ่งที่จบไปแล้วพออ่านเรื่องนั้นจบก็รู้สึกว่านี่มันก็นานแล้วเนอะ ตอนนี้เราโตขึ้นจากตอนนั้นมากแล้วความคิดหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไปเยอะ ความคิดถึงของผมเลยไม่ใช่การคิดถึงเฉย ๆ แต่เป็นการคิดว่าถ้าย้อนกลับไปได้อะไร ๆ มันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ คำว่า ‘What If’ เลยเป็นคีย์หลักของเพลงนี้
ถ้าวันนั้นฉันขอให้เธออยู่ ใครจะรู้จะเป็นอย่างไร หากวันนี้ยังมีเธอตรงนี้คงมีความหมาย
ซึ่งมันก็ต่อกับสองเพลงที่แล้วต่อจากความสับสนและวุ่นวาย ตอนนี้เขาคนนี้ได้รู้แล้วว่าจริง ๆ เขาแค่อยากทำให้เรื่องทั้งหมดมันดีกว่านี้เท่านั้นเองแค่อยากมีโอกาศได้ทำอีกสักครั้ง เป็นการคิดถึงแบบเข้าใจว่ากำลังคิดถึงเธอในเรื่องไหนและทำไม
ในด้านของการRecordเพลงนี้เป็นเพลงที่ร้องยากที่สุดในอัลบั้ม ผมซ้อมร้องเพลงนี้ตลอด2สัปดาห์ (จริง ๆ ผมอัดไปแล้วรอบหนึ่งก่อนหน้านี้แต่รอบนั้นใช้ไม่ได้เลย) เพราะอยากพยายามอัด Long Take ให้ได้นานที่สุด สุดท้ายก็มีได้อยู่ 1 Take ครับ เรื่อง Arrange ผมกับวินคุยกันว่าอยากให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะเราอยากให้เสียงร้องของผมเป็นตัวเล่าเรื่องหลักจริง ๆ ทุกอย่างเลยออกมาอย่างที่เห็นครับ
ในMV ผมได้เซตห้อง ๆ นึงขึ้นมาเราแปะมันด้วยกรดาษA4ทั้งหน้าใช้เวลาประมาณ4ชม. ผมอยากให้ก้องนี้สืื่อถึงภายในจิตใจของผม การที่ไม่ว่าจะเดินเข้ามาแล้วร้องเพลงนี้อีกกี่ครั้งก็จะเจอเธออยู่ในนั้นและกำลังเขียนเรื่องราวต่าง ๆ ลงไปในห้อง ๆ นี้อยู่ ซึ่งที่ผมจะบอกก็คือ คนบางคนเราเก็บไว้ได้เพียงในความคิดเท่านั้น.
Ps. ชื่อเพลง แค่ฉัน กับ ฉันยังไม่ลืม ต่อกันเป็น “แค่ฉันยังไม่ลืม”
Love Moon Feat. LANDOKMAI
มาถึงเพลงที่ทำให้อัลบั้มนี้เกิดขึ้น LOVE MOON เพลงนี้ผมเขียนขึ้นช่วงเดือนกุมภา 2021 เป็นช่วงที่ผมหมดไฟมาก ๆ กับการเป็นศิลปินปัญหาหลายอย่างมากมายกำลังทำลายความเชื่อของผมในการทำเพลง ผมขึ้นไปพักที่บ้านที่ต่างจังหวัดกับครอบครัว และหยิบกีต้ร์ไปด้วย ลึก ๆ ผมยังรู้สึกว่าผมยังเขียนเพลงได้ถึงผมจะรู้สึกหมดไฟแค่ไหน ในวันนั้นผมเขียนมาสิบกว่าเพลงใช้ไม่ได้เลยสักเพลงแต่เพลงสุดท้ายที่ผมเขียนคือเพลงนี้ “ผมไม่เคยชอบเพลงไหนเท่าเพลงนี้” เป็นความรู้สึกแรกที่ผมเขียนเพลงนี้จบ
หลังจากผมทวนเนื้อเพลงนี้หลายครั้งผมเลยคิดว่าผมต้องการเสียงผู้หญิงในเพลงซึ่งผมเลือกไว้เลยว่าต้องเป็น อูปิม LANDOKMAI พอผมกลับมาที่คณะตอนนั้นพวกเราอยู่ปี 4 ผมเลยส่งเดโมเพลงนี้ให้อูปิมฟังแล้วก็ขอให้ช่วยเขียนให้หน่อย 1 วันต่อผมได้ท่อนของอูปิมและจากวันนั้นเราไม่เคยแก้เนื้อเพลงนี้อีกเลย เวลาผ่านไป 1 ปี ผมหยิบเพลงนี้ไปเล่นที่ Bud Livehouse #4
ก่อนหน้านั้น 1 สัปดาห์ตอนซ้อมวงผมกับอูปิมรู้สึกเหมือนกันว่าเพลงนี้มันยังดูไม่สมบูรณ์ ผมเลยไปนั่งเขียนท่อนBridgeกันที่บ้าน ช่วยกันอยู่ 3 คน ผม แอ๊น อูปิม จนเราเมโลดี้มา อีกวันผมเขียนเนื้อเพลงภาษาอังกฤษที่บ้าน เราได้ซ้อมเพลงนี้แบบสมบูรณ์ท่อนครบแค่ครั้งเดียวก่อนเล่นที่ Bud Livehouse แต่ความรู้สึกที่ผมได้จากวันนั้นผมจะไม่มีวันลืม หลายคนไม่รู้จักผมด้วยซ้ำและทุกคนไม่รู้จักเพลงนี้เลย แต่ความรู้สึกที่ผมได้รับคือทุกคนตั้งใจฟังเพลงนี้มาก ๆ ตั้งใจฟังจนผมขนลุก จากวันนั้นทำให้ผมคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่าง ในวันนั้นผมไม่ได้ปล่อยเพลงมานานมีแฟนเพลงบางส่วนหายไปจากผม แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังติดตามมีอีกหลายคนที่ยังคอยเชียร์ผมอยู่ผมเลยมีไฟอีกครั้งแบบมาก ๆ จนทำให้เกิดอัลบั้มนี้ขึ้น
เพลงนี้จะเป็น Part 2 ของอัลบั้มชุดนี้ การมองขึ้นไปบนฟ้าเห็นพระจันทร์ดวงนั้นมันทำให้เขาอบอุ่นเหลือเกิน ทำให้ความเจ็บปวดจากเรื่องราวต่าง ๆ ของเขาหายไป ผมเขียนเพลงนี้เพราะผมไม่อยากให้ตัวเองลืมว่ารอบรอบตัวเรายังมีคนที่รักเรามากมาย และความรักมีหลายรูปแบบเหลือเกิน เหมือนผมกับแฟนเพลงของ ELEVEN บางคนเราไม่เคยคุยกันไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำแต่เพลงผมพาพวกเรามารู้จักกัน “ผมได้ความรักจากคุณและคุณก็ได้ความรักจากผมเป็นความรักที่ไม่ต้องพูดว่ารักแต่เราก็รู้สึกถึงมันได้ครับ” บางที่การหาความสุขจากรอบ ๆ ตัวมันง่ายแค่นี้เองครับ
ในการทำเพลงนี้เนื่องจากเนื้อเพลงเสร็จหมดแล้วเราเลยได้โฟกัสกับการทำดนตรีมากกว่าเพลงอื่น เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่เราอัดเครื่องดนตรีจริงเยอะที่สุด กลองโดยวิน, กีตาร์โปร่งโดยแอ๊น, ทรัมเป็ตโดยพี่รอย การทำงานเต็มไปด้วยความสนุกสนาน (เรามี Documentary ของ LOVE MOON ในช่อง Youtube ELEVEN สามารถไปดูบรรยากาศกันได้ครับ)
MV สนุกสนานเช่นกัน ผมเลือกถ่ายง่าย ๆ แค่กล้อง Handycam ของผมไม่ต้องมีเนื้อเรื่อง อยากให้มันเป็นเหมือนการไปเที่ยวบ้านเพื่อนไปเล่นดนตรีบ้านเพื่อน ซึ่งมันก็ออกมาเป็นบรรยากาศที่ไม่ปรุงแต่งตามที่เห็นอันไหนหลุดขำก็ขำออกมาเลย มันอบอุ่นสุด ๆ ครับ
Noted
ถึงเพลงที่เศร้าที่สุดของผม เพลงนี้ที่ผมตั้งใจวางต่อจาก LOVE MOON เพราะเป็นเพลงที่มีความสุขที่สุดผมเลยอยากให้เพลงที่เศร้าที่สุดวางไว้ต่อกัน เนื้อเพลงประโยคแรกบอกว่า “ยังจ้องมองฟ้าที่มุมเดิม มันสวยทุกครั้งที่มองจากตรงนี้ ยังเหมือนเมื่อตอนที่มีเธอมองมันด้วยกัน” ถ้าจะเปรียบกันมันคงเป็นบริบทเดียวกับ LOVE MOON ครับ การจ้องมองไปที่ท้องฟ้าแต่คราวนี้ “เขาแค่ไม่เจอใคร เขาแค่อยากมองท้องฟ้าตรงนี้กับเพื่อนของเขาเท่านั้นเอง”
และใช่ครับเพลงนี้ผมเขียนให้กับเพื่อนของผม เขาเป็นเพื่อนคนแรก ๆ ที่คณะเขาเป็นคนที่เข้ามาทักผมว่าไปสอบด้วยกันไหม? เราสองคนเรียนร้องเพลงคลาสเดียวกันเราเลยยิ่งสนิทกัน สมัยประมาณปี 2 ที่ผมยังไม่รู้เลยว่าทำเพลงเราควรเริ่มจากอะไร เขาเป็นคนพาผมไปที่บ้านและสอนว่าอะไรเป็นอะไรเพลงแรกที่ผมเขียนส่งอาจารย์ปลายเทอมก็มีเขาคอยช่วยเขียนและทำมันขึ้นมา นั่งอัดเพลงกันที่บ้านมันถึงตี5มันสนุกมาก ๆ
มีอยู่วันหนึ่งผมไปนั่งกินข้าวกันที่ร้านประจำหน้ามอ สั่งลาบปลาดุกมากินกันก็เป็นของโปรดของพวกเรา เขาบอกผมว่า”ทำไมมึงไม่ทำวงวะ?” ผมก็บอกไปว่า “กูแค่รู้สึกว่ากูไม่เก่งพอว่ะ” มันก็เลยบอกว่า “จะไปสนทำไมยังไม่ทันได้ทำเลย” ก็จริงของมึง จากวันนั้นก็เลยฟอร์มวงด้วยกันละก็มีเพื่อนอีก 3 คนไปประกวดงานในมหาลัย งานสุดท้ายที่เล่นด้วยกันเราผ่านเข้ารอบสุดท้าย วันนั้นเราเล่นเพลง ช่วงเวลา ของ Zweed n’ roll แต่สุดท้ายเราไม่ชนะนะ แต่วันนั้นมันเป็นการเล่นดนตรีที่โครตสนุก
แต่หลังจากวันนั้นเขาก็เข้าโรงพยาบาลแล้วเราก็ได้คุยกันน้อยลงเนี่องจากโรงพยาบาลค่อนข้างไกลจากมหาลัยบวกผมเรียนค่อนข้างหนัก มีช่วงที่เขาดีขึ้นผมเริ่มสบายใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เสีย ผมจำได้ว่าผมโกรธตัวเองมากที่ทำไมไม่ไปเจอเขาให้มากกว่านี้ หลังจากไปงานศพเขาผมก็คิดว่าวันหนึ่งผมอยากเขียนเพลงให้เขาจริง ๆ อยากขอบคุณทุก ๆ เรื่องแล้วก้คิดถึงมึงมาก ๆ เลยว่ะเพื่อน แล้ววันนี้ก็มาถึงครับ
เพลงนี้เป็นเพลงที่ 3 ที่เขียนขึ้นต่อจากเขียน Call Me เสร็จ ผมกับวินทำเดโมเพลงนี้กันเร็วมาก ๆ หนึ่งวันก็จบทั้งเนื้อเพลงและโครงเพลงทั้งหมดแล้วเราก็พักมันไว้มาได้ทำอีกทีหลังปล่อย LOVE MOON ไปแล้วครับ เพลงนี้ในเดโมไม่มีกีตาร์โปร่งแต่ในเพลงจริงผมบอกวินให้ใส่เข้ามาเพราะเพื่อนผมคนนี้เขาชอบเล่นกีตาร์มาก ๆ ตอนเราอยู่วงเดียวกันเขาก็เป็นมือกีตาร์โปร่ง และเพลงนี้ผมอัดกลองเองผมอยากให้ความรู้สึกเหมือนว่าพวกเรายังเล่นดนตรีด้วยกันอยู่และมันจะเป็นแบบนั้นตลอดใน Noted ครับ
How Are U? Feat. Varis
เป็นเพลงที่ผมคุยกับวินมาตั้งแต่ทำเพลงด้วยกันช่วงแรกว่า “อัลบั้มชุดนี้ต้องมีเพลงฟีตกับมึงนะ” แต่ตอนแรกเพลงนี้จะเป็นเพลงเร็วครับ แต่สุดท้ายพอเราทำเกือบทุกเพลงจนครบ กลายเป็นว่าเรากลับมานั่งตีความกันใหม่ว่า หรือเพลงนี้ควรเป็นเพลงจังหวะกลาง ๆ แต่ขับเคลี่อนเรื่องราวไปข้างหน้าแทน เลยสรุปว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงสุดท้ายของอัลบั้มเป็นตัวแทนของ จุดจบ-การเริ่มต้นใหม่ของ ELEVEN
ตอนพวกผมเขียนเนื้อเพลงเพลงนี้พวกเราได้แรกบรรดาลใจมาจากภาพยนต์เรื่อง LA LA LAND ในฉากสุดท้ายที่พระเอกกับนางเอกได้พบกันอีกครั้งต่างคนต่างมีเส้นทางของตัวเองเขาต่างแยกย้ายไปเติบโต และเก็บทุกอย่างที่ผ่านมาด้วยกันเป็นบทเรียนในการใช้ชีวิต สุดท้ายความผิดหวังความเสียใจทั้งหมดกลายเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เคยเกินขึ้นในชีวิตของพวกเขา รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความจริงใจและความเป็นห่วงนั่นมันมีพลังมากเหลือเกิน และมันรีเลทกับชีวิตของพวกผมทั้ง 2 คนในช่วงที่เขียนเพลงนี้มาก ๆ และ LA LA LAND ยังเป็นหนังที่พวกเราชอบมาก ๆ อีกด้วย How Are U? ได้พี่ฟอร์ดจากวง FORD TRIO มาช่วยเป็นที่ปรึกษาเรื่องเนื้อเพลงอีกด้วย
เพลงนี้ถือเป็นบทสรุปของหนัง Chapter นี้ของผม “ไม่ว่าเขาจะไม่อยากเธอไปมากแค่ไหนแต่สุดท้ายเขาต้องยอมรับว่ามันไม่สามารถหวนคืนมาได้ ดีที่สุดที่เขาพอจะทำได้คือเดินหน้าต่อไปและกอดเรื่องของเธอและแปรเปลี่ยนให้เป็นเรื่องราวที่ดีและพลังในการดำเนินเนื้อเรื่องของเขาต่อไป”
จากซิงเกิล ทำยังไง? จนถึง EP นี้ รู้สึกตัวเองโตขึ้นมากแค่ไหนทั้งส่วนตัวและด้านดนตรี
ผมรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นมากทั้งมุมมองในการทำงานและการเป็น ELEVEN ประสบการณ์ที่เจอมาทั้งหมดระหว่างทางทั้งเรื่องที่ดีและแย่มันทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้นมาก ELEVEN ได้พาผมได้พบเจอกับเรื่องราวมากมายถ้าในส่วนตัวผมรู้สึกว่า ELEVEN ทำให้ผมรู้จักตัวเองมากขึ้นเป็นตัวเองมากขึ้นทุกวันเมื่อมี ELEVEN ส่วนด้านดนตรีก็เช่นกันผมได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างจากการทำงานกับวินกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ศิลปินคนอื่น ๆ ขอบคุณที่เราได้เจอและได้แชร์เรื่องราวกัน มันทำให้ผมมีไอเดียต่อไปเรื่อย ๆ ใการทำเพลง
“U” ในชื่อ EP ต้องการหมายถึงใครเป็นพิเศษรึเปล่า
จริง ๆ ชื่อ EP Album นี้มาจากตอนที่ผมนั่งอ่านเนื้อเพลง LOVE MOON ซ้ำไปมาจนพบว่าคนที่ผมไม่อยากจะเสียเขาไปมากที่สุดก็คือแฟนเพลงของผม เพราะมันก็มีช่วงที่เราหายไปไม่ได้ปล่อยเพลงนาน ๆ แฟน ๆ บางคนหายไปผมรู้สึกว่าผมทำไม่ถูกที่หมดไฟในช่วงนั้น มีหลายคนยังเชื่อในตัวผมและผมก็ควรเชื่อในตัวเองใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้น ”U” ของผมก็คือพวกคุณทุกคนครับ คุณมีความหมายกับผมและ ELEVEN มาก ๆ ครับ
ถ้าต้องเลือกหนึ่งเพลงเพื่อสื่อสารคอนเซปต์ของ EP นี้ออกไปจะเลือกเพลงไหน เพราะอะไร
ผมคงเลือก 2 เพลงคือ LOVE MOON และ How Are U? ครับ LOVE MOON เหมือนที่ผมบอกไป เพราะ ”U” ของผมคือคุณและผมเขียนเพลงนี้ให้พวกคุณ ส่วน How Are U? ผมรู้สึกว่าเพลงนี้สื่อสารได้ดีในเรื่องของความเป็นจริง ๆ แม้จะสุดที่สุดหรือเศร้าที่สุดสุดท้ายมันไม่มีอะไรอยู่กับเราได้ตลอดไป และมันอยู่ที่ว่าเราจะเลือกเก็บเรื่องราวพวกนั้นไว้แบบไหนจะเป็นพลังงานบวกหรือลบคุณเป็นคนตัดสินใจเอง
นอกจาก LANDOKMAI และ Varis อยากร่วมงานกับใครอีก
ผมอยากร่วมงานกับ Polycat, Zweed n’ Roll, Tilly Birds ไม่รู้เกินตัวไปไหม แต่พี่ ๆ เป็นศิลปินที่ผมชื่นชอบและเป็นแรงบรรดาลใจให้ผมทำเพลงจริง ๆ ถ้ามีโอกาสอยากทำเพลงและร้องเพลงไปกับพี่ ๆ ครับ
เราได้เรียนรู้อะไรจากค่ายเก่ามาบ้าง
ผมได้เรียนรู้การทำงานในบริษัทใหญ่เป็นยังไง ได้เข้าใจว่ามีหลายเรื่องที่เหมาะและไม่เหมาะกับเรา ขอบคุณตัวผมที่ไม่ปิดโอกาสตัวเองได้เข้าไปมีประสบการณ์ในค่ายและขอบคุณค่ายที่เล็งเห็นในความสามารถของผมและดูแลผมดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ครั้งนั้นครับ
EP นี้จะทำ physical ขายมั้ย
มีแน่นอนครับ มีขายใน Online https://linktr.ee/thebandeleven และหน้าร้านบางที่นะครับ เดี๋ยวผมจะมาแจ้งในเพจอีกทีครับ
เห็นบอกว่าทำโชว์ใหม่หน่อย แอบสปอยด์หน่อยได้มั้ยว่าเจ๋งขึ้นขนาดไหน
โชว์ใหม่ที่เราพึ่งเล่นไปในงาน Don’t Wanna Lose “U” Album Release Concert ที่พึ่งจัดไปในวันอาทิตย์ที่ 23 ที่ผ่านมา เป็นโชว์ 1 ชั่วโมงที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมายครับ เราเล่นทุกเพลงของเราทั้งเก่าและใหม่ เป็น Set List ที่ผมชอบที่สุดตั้งแต่ทำ ELEVEN มาเลย หวังว่าเราจะได้เล่นSetนี้อีกในเร็ว ๆ นี้ครับ!
สเต็ปต่อไปของ ELEVEN
สเต็ปต่อไปของผมคือเริ่มเพลงต่อไปและอัลบั้มต่อไปครับ ตอนนี้ได้รับพลังเต็มเปี่ยมมาจากคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มแล้ว รอเจอเพลงใหม่จาก ELEVEN ได้เลยครับ
ฝากอะไรถึงคนที่ยังไม่ได้ฟัง EP Don’t Wanna Lose “U” หน่อย
อยากจะฝากทุกคนมาฟัง EP Album แรกของผม Don’t Wanna Lose “U” ด้วยนะครับเป็นอัลบั้มที่ผมกับวินตั้งใจทำกันมาก ๆ และเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ไม่อยากให้ทุกคนพลาดจริง ๆ ครับ ในมีโอกาสหรือกำลังจะฟังอยากให้ฟังเรียง Track นะครับจากใจคนทำ
ฝากติดตาม ELEVEN ในทุก ๆ ช่องทางนะครับ Instagram, Facebook และ Youtube ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและอยู่ข้างกันมาตลอด อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนาน ๆ นะครับ