ชวน Desktop Error ทบทวนการเดินทางตลอดเกือบ 20 ปี ทั้งซาวด์และแนวคิดของพวกเขา

by McKee
1.2K views
Desktop Error i n d e l i b le s t a i n rock SO::ON Dry Flower

Desktop Error คือหนึ่งในวงดนตรีอินดี้ของไทยที่ยืนหยัดอยู่ในวงการมาเกือบ 20 ปี ด้วยแนวดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์และโชว์ที่เต็มเปรี่ยมไปด้วยพลัง สิ่งที่ทำให้วงนี้ยังคงอยู่ได้นานขนาดนี้ไม่ใช่เพียงแค่ความสามารถทางดนตรี แต่เป็นความผูกพันของสมาชิกวงรวมถึงแนวคิดที่คล้ายคลึงกัน โดยไม่ยึดติดกับชื่อเสียง แต่ค่อยๆ สร้างสรรค์ผลงานที่ทำให้พวกเขามีความสุขกับการเป็นตัวของตัวเอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสิ่งเหล่านี้ถึงทำให้พวกเขาก้าวข้ามยุคสมัยต่าง ๆ มาถึงจุดนี้ได้

Transmission วันนี้ เราชวนพี่ ๆ คุยถึงการเดินทางตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ครั้ง SO::ON Dry Flower จนถึงอัลบั้มล่าสุด i n d e l i b le s t a i n รวมถึงคำถามที่ทุกคนอยากรู้ว่าคอนเสิร์ต 20 ปีจะมีจริง ๆ มั้ย

สมาชิก Desktop Error
เล็ก—พีวรายุส กองไพบูลย์ (ร้องนํา, กีตาร์)
เบิร์ด—อดิศักดิ์ พวงอก (กีตาร์)
อ็อฟ—วุฒิพงศ์ ลี้ตระกูล (กีตาร์)
ตุ้ย—ชาญณรงค์ แจ่มขาว (เบส)
เม้ง—ชัยวัฒน์ ชาติสุริยเกียรติ (กลอง)

Desktop Error i n d e l i b le s t a i n rock SO::ON Dry Flower

เล็ก: น่าจะเป็นเรื่องของการชอบใกล้ ๆ กันมั้ง เรื่องเพลงด้วย เรื่องวิถีชีวิตด้วย ในวงที่อยู่ด้วยกันมามันมีความบ้าน ๆ ใกล้ ๆ กัน ไม่มีใครคิดต่างไปเยอะ หรือทะเยอทะยานที่มากกว่าหรือน้อยกว่า มันค่อนข้างพอดี ๆ กัน เหมือน attiude ตรงกันครับ มันเลยไปด้วยกันได้เรื่อย ๆ ไม่ต้องไปก้าวกระโดดหรืออยากจะดัง อยากจะไวอะไรแบบนั้น แรก ๆ อาจจะเป็น เราต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้นะ เราต้องยิ่งใหญ่ แต่พอทำไปเรื่อย ๆ ประมาณ 5-6 ปีช่วงอัลบั้มสอง รู้สึกแล้วว่าเพลงเราก็คงได้ประมาณนี้แหละ เราก็ทำมันไปเรื่อย ๆ ให้มันมีความสุขดีกว่า คุยกันรู้เรื่อง เลยอยู่กันได้

ตุ้ย: ตอบซะยาว (หัวเราะ)

เล็ก: มันไม่เชิงว่าไม่เคยมีเรื่อง ผมก็เคยเหมือนจะออกเพราะไม่มีเวลาให้วง ต้องกลับไปอยู่ต่างจังหวัด เวลาซ้อมก็น้อย ออกจากวงน่าจะดีกว่า แต่ทุกคนตกลงว่าวงนี้ยังไงก็ต้องห้าคนนี้ ถ้าจะเปลี่ยนสมาชิกก็เปลี่ยนชื่อวงดีกว่า ทุกคนก็พยายามที่จะพูดคุยกันเยอะ ๆ

ตุ้ย: มันมีเรื่องของการปรับตัวด้วย สมัยก่อนอยู่มหาลัยที่กรุงเทพก็ได้เจอกันบ่อย พอมันจบก็ต้องแยกย้ายพี่เล็กกลับบ้าน เราก็หาวิธีปรับให้มันเข้ากัน ให้วงมันเดินต่อไปได้

เม้ง: มันก็เป็นเพื่อนกันด้วย ก็พูดกันตรง ๆ ก็สำคัญ มันก็มีกระทบกระทั่งกันบ้าง

เม้ง: ทุกคนก็แยกย้ายกัน

ตุ้ย: โรคระบาดก็สามสี่ปีนะ จริง ๆ เพลงมันเสร็จแล้วแต่ทำอะไรไม่ได้

เล็ก: ช่วงก่อนที่จะโรคระบาดสองสามปี เรารู้สึกว่าเราเล่นเพลงเดิม ๆ เยอะ แล้วอัลบั้มไม่เสร็จซักที เลยตั้งกฎขึ้นมาว่าเราต้องทำอัลบั้มนะ ถ้าไม่ทำอัลบั้มเราจะไม่รับงาน รู้สึกเราพูดออกอากาศซักงานหนึ่งว่าจะไม่เล่นแล้วถ้าอัลบั้มไม่เสร็จ พอทำอัลบั้มใกล้เสร็จก็เป็นช่วงโควิดเข้ามา อัลบั้มล่าสุดเลยล่าช้าไป

ตุ้ย: การทำงานของวงเราว่าเหมือนเดิมนะ Desktop มันคือการมาคลุกรวมกัน มาแจมกัน (เม้ง: อิมโพรไวส์กัน) พอมันได้เอกฉันบางอย่างก็ค่อยสรุปเป็นเพลงนี้นะ บางทีมันก็มีข้อดีเสียแหละครับ มันต้องมาทำด้วยกันถึงจะได้ออกเป็นเพลง ก็อาจะทำให้นานขึ้นหรือไวขึ้นด้วยซ้ำ

เม้ง: อัลบั้มใหม่มันมีความดูผู้ใหญ่มากขึ้นเนอะ ในสัดส่วนของเพลงด้วย ความสุขุมอะไรบางอย่างในช่วงวัยที่มันเปลี่ยนไป อัลบั้มก่อน ๆ จะมีไดนามิกของเพลงที่หนักหน่วงใส่กันไม่ยั้งประมาณหนึ่ง (หัวเราะ) พอเป็นอัลบั้มใหม่เหมือนมันผ่านห้วงเวลาทั้งหมดมาแล้ว เราควรจะแบ่งสัดส่วนและไดนามิกของแต่ละคนยังไงบ้าง

เล็ก: ตอนอีพีกับอัลบั้มสองอัลบั้มสามจะเป็นซาวด์ดนตรีที่ใช้เอฟเฟกเยอะ พยายามคิดค้นเสียงที่แปลกใหม่ ซาวด์ดีเลย์เยอะ ๆ ค่อยข้างที่จะคิดกันเยอะแล้วอยากเล่น เราอยากทำอะไรให้มันใหม่เข้าไว้ ก้อนเอฟเฟกก็จะเยอะมาก (หัวเราะ) แต่อัลบั้มล่าสุดจะต่างออกไป คือเราอยากเล่นให้มันง่าย ลดรูปให้มันน้อยลง ๆ แต่ได้ซาวด์ที่เล่นแล้วรู้สึกว่าใช่สำหรับวงจริง ๆ มีความนิ่งมากขึ้น

เล็ก: ก็จะเปลี่ยนนะ ไดนามิกและแนวทาง วิธีการเล่นของอัลบั้มเก่า ๆ ก็จะเปลี่ยนไป รู้สึกเหมือนกันว่ามีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

เม้ง: แล้วเรายิ่งรู้สึกได้อีก ตอนที่ไปทัวร์เล่นอะคูสติก มันก็ได้อะไรบางอย่างจากตรงนั้นมาอีก ด้วยน้ำหนัก ด้วยสเปซที่เราเล่นกัน ได้หายใจกันมากขึ้น

Desktop Error i n d e l i b le s t a i n rock SO::ON Dry Flower

เล็ก: ด้วยครับ ซาวด์มันก็เป็นไปตามช่วงอายุเหมือนกันนะ วิธีการเล่น

ตุ้ย: เหมือนอัลบั้มนี้ซาวด์มันก็จะแห้งกว่าอัลบั้มอื่น ๆ dry sound หน่อย

เล็ก: อัลบั้มล่าสุดที่เราทำกันมาคือเราเข้าห้องอัดสองรอบ รอบแรกเราใช้ไม่ได้เลย (หัวเราะ) ตอนนั้นคือเป็นช่วงพี่โคเอชิกลับไปอยู่ญี่ปุ่น เราก็ต้องทำกันเองนะ พอเราเข้าห้องอัดเหมือนทำกันไป เสียตังแล้วอะ หลายคิวด้วย สุดท้ายก้อนนั้นทั้งหมดไม่ผ่านเลย สุดท้ายก็ต้องให้พี่โคเอชิมาช่วยดูอยู่ดี เป็นโปรดิวเซอร์ร่วม (co-producer) ให้กับอัลบั้มเรา แกอยู่ไกลละ แล้วเราต้องตัดสินใจในการทำกันเอง แค่ช่วงเข้าห้องอัดแกมาดูด้วย

เล็ก: มันต่างกันเหมือนผู้เล่นไม่มีโค้ชอะ เราอัดเราเล่นกันเองก็คิดว่ามันดีแล้วอะ เราชอบแบบนี้อะ แต่พอถอยออกมาฟังจากมุมมองคนฟังเขาก็จะมีมุมมองอีกแบบหนึ่ง ซึ่งนั่นเป็นในส่วนดีของวงที่ควรจะต้องมีโปรดิวเซอร์หรือซาวด์เอนที่ปรึกษาได้ มีการตัดสินใจบางอย่าง เช่นผมกับเบิร์ดเล่นไลน์เนี่ย แล้วผมไม่เอาแต่เบิร์ดจะเอา ถ้ามีคนกลางที่ช่วยตัดสินได้มันจะเชื่อได้มากกว่าที่วงมาทะเลาะกันเอง

เล็ก: น้ำตก ครับ เวอร์ชั่นที่เราทำมันมีกลอง แต่คุยกันพี่โคเอชิบอกว่าไม่ต้องมีกลองดีกว่า ก็ตัดออกหมดเลย

ตุ้ย: ให้มันเป็นน้ำตกจริง ๆ มีแต่เสียงซ่ากับเสียงโลวของเบสและกีตาร์ผสมผสานกัน ก็มีเสน่ห์กว่ามีกลอง พอจินตนาการออกมั้ยว่าถ้ามีกลองจะเป็นยังไง (หัวเราะ) ถ้าเอาไปใช้ในโชว์ก็อาจจะดีเหมือนกัน แต่ยังไม่เคยทำ น่าทำเหมือนกัน

เล็ก: มันไม่มีสิ้นสุดหรอก (หัวเราะ) คิดไปเรื่อย ทำไปเรื่อย

เบิร์ด: ปรากฎการณ์ตอนที่เราประกาศทัวร์ ตอนอัลบั้มเสร็จแล้ว เราไม่เคยทำอย่างนั้นด้วยแหละ พวกเราตื่นเต้นมาก ทำวงดนตรีทำอัลบั้มออกไปทัวร์ทั่วประเทศ เดินทางเอง บริหารค่าใช้จ่ายกันเอง ตื่นมาตุ้ยก็จัดการบัญชี ช่วยกันคนละไม้คนละมือ มันดีมากเลย อัลบั้ม i n d e l i b le s t a i n นี่ให้อะไรกับพวกเราเยอะมาก เป็นประสบการณ์ที่เข้มข้นกว่าอัลบั้มอื่นด้วย เราไม่เคยทำทัวร์แบบนี้เลย

เม้ง: พี่เล็กก็ดีลกับสถานที่ตั้งแต่เหนือจรดใต้ (หัวเราะ) ได้เห็นผู้คนได้เห็นอะไรด้วย

ตุ้ย: เม้งก็ได้แฟนมาคนหนึ่งด้วย (ทุกคนหัวเราะ) ไปจีบเขาอยู่อุตรดิตถ์เฉย

เล็ก: ถ้าถามว่าอยากเล่าอะไรเกี่ยวกับอัลบั้มนี้ อันนี้เบื้องลึกเลยนะเนี่ย (หัวเราะ) มันก็อาจจะย้อนกลับไปที่คำถามแรกว่าทำไมยังอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ เพราะทัศนคติค่อนข้างตรงกัน วิธีการคิดคือเราทำทัวร์แล้วจะไม่ทำทัวร์ซ้ำ ถึงจุดจุดหนึ่งที่ทุกคนหันหน้ามามองกันแล้วแบบพอเหอะ เลยอยู่กันได้ยาว

เล็ก: ตอนนั้นเราเป็นเด็กเนอะ Desktop Error คือเด็กสุดในค่าย ตอนนั้นมีวง Goose มี อัศจรรย์จักรวาล เราไปก็ไม่ได้คิดเรื่องแปลกใหม่อะไร แค่อยากเล่นดนตรีทำเพลงตามหน้าที่ แต่ที่สังเกตคือ SO::ON ที่พี่โคเอชิยังอยู่คือมีความทดลองจริง เราไม่ค่อยได้เห็นบ่อย ๆ ศิลปินสมัยเนี่ยการที่จะเอาวงเมืองนอกมามันต้องวงเดิม ๆ มันต้องเป็นวงป็อปอะไร แต่ยุคนั้นคือ SO::ON เอาแต่วงที่ผมไม่เคยฟังเข้ามา แล้วทดลองกันแบบสุด ๆ อะ พออยู่ไปนาน ๆ ได้ไปเล่นกับวงโน่นวงนี่ มีงาน SO::ON 6-7 ครั้ง ถึงเข้าใจว่า เราอยู่ SO::ON นะเว้ย สุดยอดว่ะ ไอ้เหี้ย

เม้ง: สำหรับผมผมตื่นเต้นทุกครั้งนะ กับสิ่งแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นใน SO::ON ทุกวงที่พี่โคเอชิพามา ได้ไปดูแกทำด้วย ก็จะได้ยินเสียงที่มันลึกลงไป แต่กลับได้ยินบางอย่างที่เขาพยายามดันขึ้นมาให้เราฟังด้วย มันแปลกใจ มัน exotic อะ เด็ก ๆ ก็จะงง ๆ (หัวเราะ)

ตุ้ย: SO::ON มันสร้างรสนิยมทางดนตรีที่มีอิทธิพลกับศิลปินรุ่นหลัง ๆ เหมือนกัน ตอนนั้นยังไม่มีใครเหมือนวง Goose เลย สร้างอิทธิพลหลาย ๆ อย่างมาก ช่วงนั้นดนตรีทดลองไม่มีใครกล้าทำ

เล็ก: ต้องตอบว่าพี่โคเอชิไม่เคยป้อนหรือบังคับให้พวกเราทำอะไรเลยนะ บางทีพี่โคเอชิต้องการให้เราเล่นง่าย ๆ แต่เป็นตัวเรามากกว่า แกก็ไม่ได้อยากให้เล่นอะไรที่มันฝืน แต่พอเราอยู่นี่ได้เห็นบ่อย ๆ ฟังบ่อย ๆ เห็นวิธีการทำงานของวงโน่นวงนี่ ได้ลองฟังเพลงที่แกเอามาให้ฟัง มันก็เป็นไปเอง จนเราทำเอง กีตาร์มันไม่ใช่แค่ดีดนะ มันมีวิธีเล่นตรงหัวตรงท้ายเล่นเสียงให้มันแตกต่างออกไป พูดถึงเอฟเฟกกีตาร์มากมาย เล่นได้หมด เราไม่ได้มองเป็นทฤษฎีดนตรีอย่างเดียว แค่ให้ซาวด์ที่ออกมาจากเสียงอะไรก็ได้มันกลมกล่อมเป็นเพลงได้ เขาก็ยินดีที่จะให้มันเป็นแบบนั้น ถ้าเปรียบกับการทำอาหารก็คือไม่ต้องมีสูตรหรือเมนู แค่ทำออกมาให้อร่อย ไม่ต้องบอกว่าเราเป็นร็อกหรืออะไรก็ได้

เม้ง: ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของแชร์กันด้วย เฮ้ยมึงฟังวงนี้ยังวะ ฟังเพลงนี้ยัง เรามาแชร์กันว่าเราฟังอะไรกัน อัพเดตกัน

ตุ้ย: เหมือนคนบ้ามารวมตัวกันแต่คุยกันรู้เรื่อง (หัวเราะ)

เล็ก: เดี๋ยวนี้มันต่างออกไปนะ เด็ก ๆ ก็ทดลองกันเยอะ แค่มันไม่มีค่ายแล้วปะ วงชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้น (The COSMOS: ความเป็นคอมมูนิตี้มันหายไปรึเปล่า) เออ เรื่องนี้สำคัญนะ งาน SO:ON ที่คนมันเยอะสมัยก่อน เพราะงานมันไม่เยอะ พอมีงานหนึ่งใน finder บน myspace คนมันเลยง้างกันไว้เลยกูต้องไป คนมันเลยรวมตัวกันง่าย ทั้งคนฟังเพลง วงการหนังช่างภาพ พอมีงาน SO:ON ทีก็มารวมตัวกัน คุยกัน ก็สร้างสรรค์มากมาย ยุคนั้นก็เติบโตทุกด้านเลย มันรวม ๆ กัน

ตุ้ย: แต่ก่อนโซเชียลมันไม่ได้เยอะเหมือนตอนนี้ สมัยก่อนคนมันต้องไปเจอกัน ยุค myspace กูต้องไปคุยกันต่อหน้าไปเจอกัน การที่คนมันได้ไปเจอกันมันเกิดอะไรได้ง่ายกว่าการพิมพ์คุยหรือฟังกันผ่านหน้าจอ พอเจอกันมันทำสิ่งที่สร้างสรรค์ได้เยอะกว่ายุคนี้ แล้วคนบ้ามารวมตัวกันมันทำไรได้เยอะ ความเห็นเรานะ เดี๋ยวนี้คนมันตัดสินกันเร็ว คนสมัยก่อนเห็นอีเว้นต์อะไรก็ต้องรอมาดูมาฟังก่อนถึงจะตัดสินใจว่าชอบไม่ชอบ มันเป็นเสน่ห์ของงานสมัยก่อนมั้ง ความลึกซึ้งมันต่างกัน

เม้ง: รูปรสกลิ่นเสียงอะ มันทัช

ตุ้ย: ผมว่ามันดีนะ มีวงที่สร้างเพลงเจ๋ง ๆ ออกมาเยอะมาก เห็นน้อง ๆ หลายคนออกไปเล่นต่างประเทศด้วย มันเจริญเติบโตดีขึ้นมาก ๆ ออกสู่ตลาดโลก

เล็ก: วงน้อง ๆ เก่ง ๆ เยอะมาก ด้วยตัวเพลงก็เป็นไปตามยุคสมัย มีป็อปไม่ป็อป อาร์ตไม่อาร์ต ทำตามกระแสหรือเป็นตัวเอง อะไรที่เป็นดนตรีผมคิดว่าทุกอย่างดีหมด ถ้ามีแนวทางของตัวเองก็ทำไปเถอะ ไม่มีผิดมีถูก เรื่องเพลงมันไม่แย่ มีวงหลากหลาย เด็กทุกคนก็คงมีความฝันมีความครีเอตเป็นของตัวเอง

แต่ถ้าพูดถึงอยากพูดในแง่ของคนฟังมากกว่า ที่ผมคิดว่าเปลี่ยนไป คนออกมาดูดนตรีซื้อบัตรแต่ละทียังไงก็ยังน้อยอยู่ 10-20 ปีที่แล้วบัตรราคา 200 ผ่านมาก็ยังราคาเท่าเดิม แล้วมันจะอยู่กันยังไงวะ (หัวเราะ) ทั้งคนที่ทำเพลงอยู่ ก็อยู่ยาก อาหารก็ไม่ได้จานละ 20 เหมือนตอนนั้นไง ขนาดบัตรคอนเสิร์ตที่จัด ๆ กันถ้าเทียบกับราคาเมื่อ 20 ปีที่แล้วก็เพิ่มมานิดเดียว แล้วคนดีกลับน้อยลง น่าจะเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่า อย่างที่ตุ้ยบอก ได้ดูจาก Youtube หรือ Live Facebook ก็มีให้ดูหมดแล้ว ก็เลยออกไปดูดนตรีจริง ๆ น้อยลง เศรษฐกิจด้วยเนอะ เศณษฐกิจบ้านเรามันก็เหี้ย ไม่มีตังแล้วกูจะออกมาดูพวกมึงยังไงวะ เศรษฐกิจโหดอยู่ เข้าใจคนจัด โคตรเหนื่อยอะ (หัวเราะ) เข้าใจแฟนเพลง วงการนี้มันก็เจ็บจริงอะ ถ้าไม่ใช่เพลงตลาดจริง ๆ

ตุ้ย: คนฟังก็หน้าเดิม ๆ (หัวเราะ)

เล็ก: อันนี้ในความคิดผมนะ คนไทย 70 ล้านคน มีคนรู้จัก Desktop Error ประมาณสองสามหมื่น และเป็นแฟนเพลงประมาณห้าพันผมก็ว่าเยอะแล้วนะ (หัวเราะ) แค่นี้ก็สุดยอดแล้วนะ ขอแค่ห้าพันคนพอละที่ฟังเพลงกูบ้าง (หัวเราะ) (The COSMOS: ห้าพันคนนี้ตามไปดูทุกโชว์ก็ดีใจแล้ว) อยู่ได้ทั้งชาติแล้วครับ (หัวเราะ)

Desktop Error i n d e l i b le s t a i n rock SO::ON Dry Flower

เล็ก: DOGWHINE ครับ เชียร์ Hariguem Zaboy, Barber Dead ส่วน Solitude Is Bliss นี่เขาดีอยู่ละ โทน ๆ เราอะไรเงี่ย

เบิร์ด: Soft Pine ก็เท่นะครับ เปรี้ยวดี

เม้ง: Deathof Heather, Solitude Is Bliss คุณภาพ JPBS ครับ

เม้ง: ผมว่าความทั่วถึงก่อนเลย แต่ละแนวทางดนตรีถ้ามันถูกกระจายออกไปทั้งสื่อทั้งอะไรก็แล้วแต่ ให้คนได้ฟังกันทั่วถึงกว่านี้ ทุกอย่างมันจะดีกว่านี้ เหมือนซัพพอร์ต Local อะครับ เรามีทุเรียนดี ๆ ก็แค่พรีเซ็นต์ว่ามันเป็นผลไม้ที่น่าสนใจ มันอยู่ลึกแต่เข้าถึงได้นะ ดนตรีมันมีเยอะมากเลย คนเก่งมันเยอะมาก

ตุ้ย: ผมคิดว่า soft power มันขาดคนที่มีความเป็นกลางของแต่ละแนวเพลงที่ช่วยผลักดันวงการ (เม้ง: สิ่งเดียวกันเลย) เราไม่ได้อวยแค่วงตัวเองนะ ทั้งวงหมอลำลูกทุ่ง วงคลาสสิก วงอีสาน ทุกแนวเพลง แต่ละประเภทเพลงควรจะมีคนที่ไม่เห็นแก่พวกพ้องตัวเอง แล้วช่วยผลักดันวงใหม่วงเก่า วงที่ทำงานจริง ๆ เป็นที่ตั้ง ดันเขาให้ไปถึงระดับโลก มันคงช่วยซีนดนตรีได้เยอะ แม่งต้องเป็นคนที่เจ๋งจริงอะ ต้องกล้าปฎิเสธ

เล็ก: สุดท้ายก็ไปจบที่วงที่ตัวเองชอบส่วนตัวอยู่ดี เลยบอกว่ามันยากไง (หัวเราะ) พิณมั้ยหรือแคน ดนตรีหมอลำ มีดนตรีไทยอะไรที่ฝรั่งได้ดูแล้วชอบเลย จริง ๆ รำกลอนหรือหมอลำแถวบ้านผมแม่งโซโล่พิณหรือแคนเจ๋ง ๆ เยอะมากเลยนะ แต่เขาไม่มีที่เล่น เขาเล่นตามงานบวชสู่ขวัญอะไรเงี่ย แต่เขาเล่นได้อะ ถ้ามีการประยุกต์ให้มีจังหวะเข้าถึงคนทุกคนได้ ผมมองว่าตรงนี้คือ soft power ดนตรีของไทยมากกว่า

เม้ง: เหมือน The Paradise Bangkok Molam Internation Band ครับ อาจารย์คำเหมา เขาไปสุดมาก ทัวร์ยุโรป โห นั่นแหละคือ soft power ของจริง

เล็ก: วงเขาเป็นแค่ส่วนหนึ่งนะ จริง ๆ มีอีกเยอะมาก ที่ไม่ใช่แบบประยุกต์ด้วยนะ แบบ original ตามบ้านนอกมีอีกเยอะเลย (เม้ง: ทุเรียนไม่ได้มีแค่หมอนทอง) อะไรวะ (หัวเราะ)

เล็ก: อยากสุขภาพดีครับ (หัวเราะ) อยากเล่นดนตรีไปถึงซักอายุ 60 แล้วก็ทำอัลบั้มกับ Desktop ไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องดังไปมากกว่านี้ก็ได้ ขอแค่เล่นแล้วมีความสุข แล้วมีแฟนเพลงในระดับที่ได้เล่นโชว์แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ถ้ามีโอกาสก็ไปทัวร์เมืองนอก ไปอเมริกา อยากไปยุโรปซักครั้ง แค่นี้ก็พอแล้ว

เม้ง: ขอซักแมทช์หนึ่งครับ (หัวเราะ) ไปทัวร์ซัก 2 เดือน เหมือนที่ทำกันเอง ไปกระจายความอะไรบางอย่าง ไปสื่อสารกับคนข้างนอกด้วยที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าประเทศไทยมีวงแบบนี้อยู่

เล็ก: มีแน่นอนครับ มีแพลน ๆ ไว้แล้ว น่าจะมีอีกอัลบั้มหนึ่งแล้วเป็นคอนเสิร์ตยี่สิบปี (The COSMOS: ยืนยันเลยนะครับ) ยืนยันเลยมั้ย ประเด็นคือกลัวอัลบั้มไม่เสร็จอาจจะกลายเป็นคอน 21 ปี 22 ปี ไม่เป๊ะหรอก (หัวเราะ) ขยับไปหน่อยหนึ่ง

เล็ก: ผมว่าไม่ต้องฝากแล้ว น้อง ๆ น่าจะเก่งกันหมดแล้ว ขอแค่ทำเพลงแล้วก็รู้ว่าเราต้องการอะไร แล้วทำไปให้ถึงจุดนั้น โดยที่ไม่ต้องสนคำพูดใคร ฉันจะทำเพลงที่เลี้ยงชีพเราได้ก็มุ่งไปให้ถูกทาง หรือฉันจะทำเพลงลึก ๆ ในแนวของฉัน ขอแค่ฉันมีความสุขก็ทำไป สุดท้าย สองทางนี้มันจะบาลานซ์กันเอง ทำไปเรื่อย ๆ เราจะรู้เองว่ามันจะไปเป็นแบบไหน


ติดตามข่าวสารและเพลงใหม่ ๆ ของ Destop Error ได้ที่ Facebook และ Instagram

Desktop Error i n d e l i b le s t a i n rock SO::ON Dry Flower
+ posts

ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy