SIRUP ศิลปินจากญี่ปุ่นที่เคยมาแสดงในเฟสติวัลบ้านเราแล้วถึงสองครั้ง กำลังจะกลับมาอีกรอบใน Japan Expo ในวันที่ 2-4 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ที่ Central World สำหรับแฟน ๆ ที่อยากจะดูโชว์ของเขาอีกครั้งก็ห้ามพลาด ส่วนใครที่ยังไม่รู้จักและอาจจะมีโอกาสแวะเวียนไปที่งานนั้น ก็ขอเชิญมาทำความรู้จักเขาคร่าว ๆ ที่บทความนี้กันก่อน
เล่าให้ฟังหน่อย มาเมืองไทยรอบก่อนหน้าเป็นยังไงบ้าง
ก่อนหน้าที่จะได้มาผมก็ชอบเมืองไทยมาก ๆ อยู่แล้ว แต่พอรู้ว่ามีแฟน ๆ ชาวไทยรู้จักผมก็ดีใจ ผมมาครั้งแรกได้ร่วมเล่นกับ brb. ตอน VERY Festival 2022 พอจะได้มาอีกรอบเพื่อเล่นที่ Big Mountain Music Festival 2023 ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ ตั้งตารอเลยเพราะถือว่าเป็นการมาโซโล่ครั้งแรกด้วย แล้วตอนที่มาเล่นก็ได้เดินเล่นในงาน ผมชอบที่บรรยากาศในงานไม่เชิงว่าเป็นคอนเสิร์ตซะทีเดียว มีบูธหลายอย่างเหมือนเป็นสวนสนุก เป็นอะไรที่ไม่มีในญี่ปุ่น รู้สึกสนุกดีครับ
พอเป็นโชว์เดี่ยวของตัวเองแล้วตื่นเต้นไหมตอนขึ้นไปบนเวที คนมารอดูเยอะไหม
ผมเป็นคนประเภทที่ชอบเวลาแสดงต่อหน้าคนเป็นครั้งแรก เพราะงั้นถามว่าเกร็งไหม ไม่เกร็งแน่นอน ส่วนคนไทยที่งาน Big Mountain ก็ดูเป็นคนตรง ๆ เวลาอยากฟังนักร้องที่ตัวเองชอบก็จะอยู่ ถ้าไม่อยากก็จะไม่อยู่ดูแล้วไปดูวงที่ตัวเองชอบ แต่ผมก็รู้สึกประทับใจที่คนไทยมากันเยอะ ได้เดินออกไปมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดผู้ชมบ้าง แล้วก็ได้แสดงเต็มที่ครับ
ที่บอกว่าชอบเมืองไทย มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ พูดภาษาไทยได้บ้างหรือยัง
ตอนมา VERY Festival รอบก่อนก็ได้ไปเที่ยวบ้างกับ brb. สนุกมากครับ ผมชอบอาหารไทยมาก ชอบกะเพรา ส่วนข้าวมันไก่นี่กินบ่อยมาก บางทีกินสัปดาห์ละ 4 รอบ ส่วนภาษาไทยหัดมาบ้างนิดหน่อย เดี๋ยวลองพูดให้ฟัง: สนุกไหม, อร่อยมาก, ทุกคนสนุกไหมครับ, ผมชื่อ SIRUP
ไปแสดงมาแล้วก็หลายประเทศ แต่ละที่ให้ประสบการณ์เหมือนหรือต่างกับที่ญี่ปุ่นยังไงบ้าง
หลัก ๆ เวลาไปต่างประเทศผู้ฟังก็เป็นคนละกลุ่ม วัฒนธรรมหรือภาษาก็ไม่เหมือนกัน ก็จะได้ประสบการณ์ที่ต่างกันออกไป ผมชอบดูปฏิกิริยาของคนดูเวลาดูโชว์ของผมด้วยเหมือนกัน เพราะแต่ละที่มีรีแอ็กชันไม่เหมือนกัน ญี่ปุ่นเวลาดูเขาก็จะชอบโบกไม้โบกมือ เกาหลีไม่ค่อยโบกกันเท่าไหร่ ไต้หวันก็ก้ำกึ่งโบกบ้างไม่โบกบ้าง บางทีมีเรื่องเกี่ยวกับตำแหน่งการยืนดูด้วย บางทีคนยืนคนละจุดกันก็มีการรีแอ็กที่ต่างกัน แล้วเวลาสังเกตแบบนี้ก็จะได้รู้ว่าควรจะทำโชว์ยังไงให้ประทับใจคนประเทศนั้น ๆ อีกอย่างคือพอเห็นคนโต้ตอบ ในฐานะศิลปินก็เป็นความสุขอย่างนึงที่เห็นคนชอบเพลงของเรา
เพลงของ SIRUP ส่วนใหญ่เป็นนีโอโซล R&B และฮิปฮอป มีศิลปินคนไหนที่มีอิทธิพลกับการทำเพลงบ้าง
ผมชอบฟัง J-pop ตั้งแต่ม.ต้น ซึ่งจริง ๆ J-pop ก็มีหลายแนว แล้วก็มีที่ผสม R&B เข้าไปด้วยอก็ย่างเช่นที่หลายคนรู้จักกันดี Utada Hikaru ผมก็ฟังบ่อย พออายุ 16 ผมก็เริ่มฟังหลากหลายแนวมากขึ้น ทั้ง Stevie Wonders, Alicia Keys, Chance the Rapper พวกเพลงคนดำ โซล นีโอโซล ฮิปฮอป ซึ่งผมก็รู้สึกเคารพแนวเพลงของพวกเขา เลยเอาอิทธิพลจากรากของสิ่งเหล่านี้มาทำเพลงในแบบของตัวเอง พอเป็นคนญี่ปุ่นเลยทำเพลงเป็นภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่เวลาไปร่วมงานกับคนอื่นก็มีใช้ภาษาอังกฤษด้วย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะใช้หลาย ๆ ภาษา เพราะทั้งวัฒนธรรมและดนตรีของแต่ละประเทศก็ต่างกัน ผมอยากเอาทุกอย่างมาผสมผสานกันเพื่อสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาครับ
ไปร่วมงานกับ CODY JON ในเพลง ‘2MANYTIMES’ ได้ยังไง และมี creative process ยังไงบ้าง
ส่วนตัวผมก็เป็นแฟนของ CODY JON อยู่แล้ว แล้วก็รู้จักกับโปรดิวเซอร์ Taka Perry เลยให้ทางเอเจนต์ช่วยประสานงานจนเกิดการร่วมงานกันได้ ที่ผ่านมาก็มีศิลปินหลายคนที่ช่วยชุบชีวิตเพลงยุค 90-2000s Y2K อยู่เยอะ ผมเองก็ฟังเพลงแนวนี้เยอะและได้รับอิทธิพลจากเพลงในยุคนั้นเหมือนกัน CODY JON ก็ชอบ R&B แต่ด้วยความที่อายุมากกว่าผมประมาณรอบนึงเลยลองมาคุยกัน ตอนแรกผมเพลงนี้เขียนขึ้นมา แล้วก็มีการส่งไฟล์ทำเพลงทางออนไลน์ เขียนเนื้อส่งกันไปมา ประสานงานกันจนเกิดเป็นเพลงนี้ ออกมาเป็น Classic R&B เหมือนในยุคนั้น
ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยว่าเพลงนี้เกี่ยวกับการหลบหนีจากการติดอยู่ในวังวนยังไงบ้าง
ตั้งแต่ผมเดบิวต์มาก็รู้สึกว่าแทบไม่ได้พักเลย เลยเหมือนติดอยู่ในวังวนซ้ำ ๆ เดิม ๆ แล้วในยุคสมัยนี้ก็มีข้อมูลข่าวสารมากมาย มีโซเชียลเน็ตเวิร์กเยอะแยะ คนสมัยนี้ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือใครก็จะรู้สึกว่าเหนื่อยล้ากับการรับสารที่มากเกินไป แล้วก็มีความน่าลำบากเยอะมาก ในเนื้อเพลงนี้ก็เหมือนเป็นกำลังใจว่าผมก็รู้สึกเหมือนกัน เป็นส่วนหนึ่งของตรงนี้เหมือนกัน มันอาจจะฟังดูแง่ลบ แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ จะหนีก็ได้ไม่เป็นไร ถ้าไหวก็ดี แต่อย่าไปฝืน
มีเรื่องไหนที่อยากจะเล่าออกมาเป็นเพลงอีกไหม
หลัก ๆ ก็มีสามเรื่อง คือการแสดงความเป็นตัวเอง การใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองอยาก แล้วก็ให้ความสำคัญกับตัวเอง สามอย่างนี้เป็นสิ่งที่ผมสื่อผ่านเพลงมาโดยตลอด ประมาณว่าอยากให้มีความมั่นใจในตัวเอง มี self-esteem ในยุคนี้โลกมีปัญหาเยอะ มีสงครามระหว่างประเทศ ญี่ปุ่นก็มีปัญหาการเมืองสังคม สิ่งเหล่านี้ทำให้คนมีความกังวล ไม่สบายใจ คนเครียดกันเยอะ อยู่ในสังคมแบบนี้มันก็เหนื่อยและลำบากก็เข้าใจแหละ เลยอยากให้เทคแคร์ตัวเองและปลดปล่อยตัวเองบ้าง
อะไรคือสิ่งที่ท้าทายสำหรับการเป็นศิลปินในยุคนี้ของ SIRUP
ประเด็นแรกคือความลำบาก การเป็นศิลปินมันไม่ง่ายอยู่แล้ว ยิ่งในยุคนี้ที่ใคร ๆ ก็เป็นศิลปินได้ เพราะมีสตรีมมิง มี online distribution ก็ต้องมีความพยายามมาก แล้วก็ต้องทำในสิ่งที่คนไม่ชอบจะทำกัน อย่างการโปรโมต การสำรวจตลาด ศึกษา target audience เพื่อให้เข้าถึงผู้ฟังได้มากขึ้น
แต่ในความท้าทายนี้มันก็ทำให้รู้สึกชนะเหมือนกันนะถ้าเกิดทำอะไรสักอย่างสำเร็จ ในยุคนี้มีตัวช่วยในการทำเพลงขึ้นมาเยอะมาก ส่วนตัวผมถ้าสามารถทำเพลงขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง ด้วยจังหวะเวลาของตัวเอง พึ่งพาทุนของตัวเอง และสามารถหากินจากสิ่งนั้นได้ นี่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จมากแล้ว
อยากแนะนำเพลงไหนให้คนที่ยังไม่เคยฟัง SIRUP ได้ลอง
ผมมีโอกาสได้ร่วมแสดงเวทีเดียวกันกับ HYBS แล้วก็ Yented มาแล้ว คิดว่าคนไทยชอบฟังเพลงสบาย ๆ สมูธ ๆ r&b หรือเปล่า อยากให้ลอง ‘Loop’
หรือถ้าปาร์ตี้ ๆ หน่อยก็ ‘Do Well’
ถ้าเป็นแร็ปก็ ‘Need You Bad’
เราจะได้ฟังอัลบั้มใหม่ของ SIRUP กันภายในปีนี้ไหม
ไม่มีแน่นอนครับ (หัวเราะ) คิดว่าในครึ่งแรกของปีน่าจะมีซิงเกิ้ลเตรียมไว้บ้างแล้ว แต่อัลบั้มไว้ก่อน ขอพักครับ
กำลังจะได้มาเล่นอีกครั้งที่ Japan Expo จะมีความพิเศษยังไงบ้าง
ผมว่า Japan Expo น่าสนุกและน่าสนใจ เพราะเราน่าจะได้เห็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นอื่น ๆ เยอะ รวมถึงอนิเมะ เพลง J-pop ผมอยากรู้ว่าคนที่จะมาผมในงานนี้เป็นคนแบบไหน ตอน Big Mountain ผมมีเวลาเตรียมตัวไม่มาก แต่ในรอบนี้มีเวลาเต็มตัวแล้ว คิดว่าถ้าได้สื่อสารกับผู้คนมากขึ้นก็คงจะสนุกสนานมาก ๆ แล้วการที่จะได้กลับมาที่ไทยอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ก็ดีใจมากครับ
ฝากผลงาน
ขอฝาก EP ‘Blue Blur’ ของผมด้วยครับ ผมอยากมาไทยบ่อย ๆ การได้แสดงคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศเป็นอะไรที่แปลกใหม่แล้วก็สนุกกับสิ่งนี้มาก หวังว่าสักวันนึงจะได้มาแสดงโชว์เดี่ยวของผมเองและได้รับการตอบรับที่ดีจากประเทศไทย แล้วก็ขอฝาก SIRUP ต่อจากนี้ไปด้วยครับ ในฐานะศิลปินผมหวังว่าคนที่ได้ฟังเพลงของผมจะรู้สึกแฮปปี้และมีกำลังใจ ไม่ว่าจะฟังในคอนเสิร์ตหรือฟังออดิโอ ผมก็รู้สึกดีใจมาก ๆ ที่คนชอบและทำให้ผมได้เป็นศิลปินในทุกวันนี้ครับ
ติดตามเขาได้เพิ่มเติมที่
Facebook
Instagram
YouTube
Official Homepage
อ่านต่อ
ยินดีต้อนรับสู่ Helsinki Lambda Club!
อิ๊ก นักเขียนสายดนตรีที่เกือบจะต้องวางมือ แต่คงหนีไม่พ้นเพราะยังอยากพูดถึงวงและเพลงดี ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ