One Click Straight วงป๊อปร็อกสี่ชิ้นจากฟิลิปปินส์ที่ตั้งขึ้นตั้งแต่มัธยมโดยกลุ่มพี่น้องและเพื่อนซี้ที่สนิทกันมากและหลงใหลในดนตรีเหมือนกัน พวกเขาส่งต่อสำเนียงร็อกที่บันเทิง ด้วยกลิ่นอายของความเป็น pop-punk และ power-pop ที่ดุดันและมันถึงใจ แถมยังเลือกหยิบบีทที่ติดหู หรือซาวด์อิเล็กทรอนิกเท่ ๆ มาผสมลงไปในเพลงของตัวเองได้อย่างมีเอกลักษณ์หาตัวจับยาก
โดยเฉพาะอัลบั้ม self-titled ของพวกเขาที่มีแนวดนตรีหลากหลายและโดดเด่นในการพาเพลงร็อกของพวกเขาไปสู่ซาวด์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งก็เข้าหูทีม The COSMOS มาก ๆ จนอัลบั้มของพวกเขาได้ติดอยู่ในลิสต์ Top 23 International Album ประจำปี 2023 ด้วย จึงเป็นโอกาสดีมาก ๆ ที่แฟนเพลงชาวไทยจะได้รู้จักกับวงใน South East-Asia เพิ่มขึ้นอีกซักวง
Space Invader วันนี้เราอยู่กับ Tim Marquez หนึ่งในสมาชิกจากวงที่พูดคุยกับเราผ่านอีเมล์ถึงอัลบั้มล่าสุดของพวกเขา การตามหาตัวตนของตัวเองผ่านเสียงดนตรีใหม่ ๆ และเหตุผลที่พวกเขาอยากติดอยู่ในลิสต์อัลบั้มเจ๋ง ๆ แบบนี้
สมาชิก One Click Straight
Toffer Marquez (เบส, คีย์บอร์ด)
Sam Marquez (กีตาร์)
Tim Marquez (กลอง)
Joel Cartera (กีตาร์)
ขอบคุณที่อยู่กับเราวันนี้ พวกเราชอบอัลบั้ม self-titled ของวงสุด ๆ ตอนที่คุณได้เห็นว่าอัลบั้มติดลิสต์ Top 23 รู้สึกยังไงกันบ้าง
Tim: เอาตรง ๆ พวกเรารู้สึกดีมากที่ได้รู้ว่าอัลบั้มของพวกเราได้รับการตอบรับที่ดีจากต่างประเทศ มันเหมือนมือที่คอยลูบหลังปลอบเรา คอยเตือนเราว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นมาถูกทางแล้ว ทำให้เห็นว่าโลกมันกว้างใหญ่มาก และต่อให้เราไม่ได้รับการตอบรับที่น่าพอใจจากที่ที่เราอยู่ แต่มันต้องมีซักคนข้างนั่นที่เข้าใจในสิ่งที่เราตั้งใจทำ
เล่าให้ฟังหน่อยว่าชื่อวง One Click Straight มีที่มายังไง และความหมายกับวงยังไงบ้าง
Tim: ถ้าเล่าแล้วมันจะตลกมาก เพราะพวกเราจำไม่ได้ (หัวเราะ) พวกเราฟอร์มวงกันมานานกว่า 15 ปี จนความทรงจำตอนตั้งชื่อวงมันเลือนลางไปแล้ว มันมีที่มามากมายที่ผมพอนึกออกว่าทำไมวงเราถึงต้องชื่อนี้ แต่คนในวงเล่าให้ฟังว่าผมตื่นขึ้นมาวันหนึ่งแล้วบอกทุกคนว่าวงพวกเราแม่งต้องชื่อ ONE CLICK STRAIGHT ว่ะ (หัวเราะ)
กว่า 10 ปีที่พวกคุณทำเพลงด้วยกัน ซาวด์ของ One Click Straight เติบโตขึ้นยังไงบ้างในมุมมองของทุกคน
Tim: ผมคิดว่าซาวด์ของพวกเราเติบโตขึ้นเหมือนที่คนคนหนึ่งจะเติบโตขึ้นมาได้ อัลบั้มนี้มาจากความมืดมนและความท้อแท้ในช่วงโรคระบาด และเรื่องส่วนตัวมากมาย นั่นคือเหตุผลที่ซาวด์ของพวกเราดูเกรี้ยวกราดและจริงใจที่สุดในอัลบั้มทั้งหมด พวกเราคือป๊อปที่ดุดันที่สุดที่พวกคุณจะได้ฟัง (หัวเราะ)
ด้วยความที่สมาชิกเป็นพี่น้องกันด้วย มันกลายเป็นข้อดีข้อเสียในการทำวงยังไงบ้าง
Tim: ผมว่าความได้เปรียบที่อยู่ในวงที่มีทั้งพี่น้องและเพื่อนซี้ตั้งแต่เกิด (fetus-hood) ก็อาจจะกลายเป็นข้อเสียได้เหมือนกัน เพราะเราไม่ต้องคอยเอาใจกันและกัน เราพูดกันแบบตรง ๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม ทะเลาะกันได้ถ้าจำเป็นต้องทำ อยู่กับผลลัพธ์ แต่ผมคิดว่ามันช่วยให้เราไปถึงจุดที่เราอยู่กันตอนนี้ได้ ความเชื่อใจที่เราสร้างจากความจริงใจมันเห็นได้ในวิธีการทำงานและดนตรีของเรา สุดท้ายแล้ว พวกเราก็แค่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดกับวงและสมาชิกทุกคนเท่านั้น
อัลบั้ม One Click Straight คือยุคใหม่ของวง ช่วยเล่าความท้าทายที่เจอเบื้องหลังการทำอัลบั้มนี้ให้ฟังหน่อย
Tim: สิ่งที่ท้าทายพวกเราในการทำอัลบั้มนี้ที่สุดไม่ใช่การทำเพลง พวกเรามักจะหมกมุ่นและสนุกไปกับการทำเพลงทุกครั้งอยู่แล้ว แต่ปัจจัยภายนอกต่างหากที่กดดันเรามากที่สุด พวกเราเข้าใจความเป็นไปของอุตสาหกรรมดนตรี แต่มันขึ้นอยู่กับว่าพวกเราทำใจยอมรับมันได้ดีแค่ไหน มันคอยถามพวกเราเสมอว่าสิ่งที่เราทำไม่ใช่สิ่งที่คนจะฟังไม่ใช่หรอ? มันยิ่งตลกตรงที่ค่ายของเราเป็นค่ายเพลงป็อป ไม่ได้มีแนวเพลงซับซ้อนอย่างที่คนอื่นคิด แต่เราก็เรียนรู้ที่จะยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบงานของเราและนั่นโอเคมาก
แล้วคอนเซปต์ของอัลบั้มนี้คืออะไร ทำไมถึงเลือกจะใช้ชื่อวงมาเป็นชื่ออัลบั้ม
Tim: นี่คือประสบการณ์การทุกอย่างที่เขาเค้นออกมาแล้วในฐานะวงดนตรี ตอนที่พวกเราทำอัลบั้มนี้ เรารู้อยู่ตลอดเวลาว่าอัลบั้มนี้จะต้องชื่อเดียวกับชื่อวง (self-titled) พวกเราคิดว่าเข้าใจในเอกลักษณ์ของวงมาตลอด แต่ครั้งนี้เนี่ยแหละที่เราเข้าใจมันจริง ๆ เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเราถึงทำเพลงแบบนี้ และทำไมวงของเราถึงเลือกทางนี้ การกลับมามีความมั่นใจในวงอีกครั้งคือสิ่งที่เราอยากสำรวจต่อ ไม่มีอะไรจะหยุดเราจากสิ่งที่เราอยากทำได้อีกแล้ว
ในอัลบั้มนี้มีแนวเพลงที่หลากหลายมาก การทำงานในสตูดิโอเข้มข้นแค่ไหน
Tim: พวกเราโตมากับแนวดนตรีทุกแนว แต่เราเริ่มทำเพลงพังก์กันมาก่อนตอนวัยรุ่น เรามีความดื้อที่จะไม่ทำแบบที่คนอื่นเขาทำติดตัวมาด้วย และผมคิดว่าอัลบั้มนี้จะไม่พยายามรำลึกหรือยึดติดกับแนวดนตรีใด ๆ ทั้งสิ้น พวกเราช่วยกันผลักเพดานของซาวด์และการใช้เครื่องดนตรีที่ไม่เข้ากัน เช่นการหยิบจับดนตรีคลาสสิกหรือกีตาร์โปร่งมาผสมกับดนตรีอิเล็กทรอนิกร็อกดู
Untitled 01 และ Untitled 02 น่าสนใจมาก ๆ ในแง่ของซาวด์และการทดลองของวงเอง พวกมันได้แรงบันดาลใจมาจากไหน
Tim: พวกเราตกหลุมวัฒนธรรมเรฟ (Rave) ยุค 90′ และแดนซ์มิวสิกซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับวงมาตลอด พวกเราอยากสร้างอะไรบางอย่างที่มีเอเนอร์จี้หรือน่าตื่นเต้นแบบนั้น
Wake Me Up พูดถึงคนวัย 20s ที่กำลังตามหาตัวตน ธีมนี้มันพัฒนาขึ้นมาในอัลบั้มนี้ได้ยังไง
Tim: ผมคิดว่ามันมาจากอุปสรรคความขับข้องใจของคนทำเพลงยุคนี้ ที่มันยากมากในการเป็นตัวของตัวเองไม่เหมือนใคร ถ้าไม่ได้เป็นไวรัลทั้งหมดที่ทำมาก็ไม่มีความหมาย ถ้าตัวเลขไม่ถึงเป้าก็แปลว่าเพลงของคุณห่วย มันคือวัฒนธรรมที่อยากให้ทุกคนก้าวข้าวมันให้ได้
Some Kind of Girl เป็นอีกเพลงที่น่าสนใจมาก เราเรียกว่ามันคือเพลงรักได้ไหม
Tim: Some Kind of Girl คือเพลงที่สื่อสารออกไปตรง ๆ ว่าอยากเป็นเพื่อนกับคนที่เจ๋งที่สุดในระแวกนี้ ผมเชื่อว่า Sam ขึ้นริฟมาก่อน ผมก็ใส่ริฟแบบ UK garage ลงไปแล้วมันเท่มาก สุดท้ายเราทำให้มันออก jangle pop, rave ซึ่งแปลกใหม่มากกับวง
MV ยังถูกปล่อยมาในวันวาเลนไทน์ด้วย เบื้องหลังการถ่ายทำเป็นยังไงบ้าง
Tim: MV ของ Some Kind of Girl เกิดขึ้นมาจากไอเดียของ Sam ด้วยความที่มีบัดเจทจำกัดจากเงินสะสมของวง เราเลยตกลงจะทำวีดีโอ DIY กัน พูดถึงชีวิตของสองเพื่อนซี้ Tonet และ Yones คู่แฝดที่เจ๋งที่สุดในเขตนี้ เราได้ Miguel Matreo มาถ่ายภาพนิ่งให้ พร้อมมือตัดต่ออย่าง Steven Victor ที่กำกับและคอยถ่ายวีดีโอด้วย เราต้องสร้างอะไรที่เจ๋งด้วยงบที่น้อยนิด ซึ่งพวกเราชอบผลลัพธ์ของมันมาก ๆ ด้วยข้อจำกัดอะไรทำให้มันมีเสน่ห์ ทุกคนที่มาทำงานด้วยกันมีแพชชั่นกับการถ่ายมาก ถึงจะเหมือนกับงานนักศึกษา ไม่ได้ดีเด่อะไรมาก แต่ยังไงเราก็ชอบที่ได้ทำอะไรแบบนี้มาก
แล้วแต่ละคนชอบเพลงไหนในอัลบั้มบ้าง
Sam: ส่วนตัวผมชอบ MRT เพราะเนื้อหามันเข้าถึงง่าย เนื้อเพลงก็น่ารัก โปรดักชั่นและการเรียบเรียงก็มีความเป็นวงมาก ๆ ปราณีตด้วยรสนิยมอย่างดี
Tim: ผมชอบเพลง nonzerosumgame มันเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างเพลง Gulo ไป MRT ซึ่งท้าทายสุด ๆ เพราะทั้งสองเพลงมีดนตรีที่ต่างกันอยู่มาก เพลงนี้เหมือนเป็นสะพานเชื่อมไว้ และชื่อเพลงก็ได้มาจากชื่อซีรีส์คอนเสิร์ตของพวกเราที่เคยใช้ในชื่อ NONZEROSUMGIG
Joel: Untitled 01 คือเพลงที่ผมอยากให้ทุกคนลองฟังจากอัลบั้มนี้ ด้วยบีทที่ติดหูกับเนื้อหาที่โกรธเกรี้ยว
Toff: เนื้อเพลงของ Dahan Dahan มันทำงานกับผม เพราะบางครั้งเราต้องปล่อยให้ชีวิตมันเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น
มีโมเมนต์อะไรที่น่าจดจำจากการทำอัลบั้มนี้บ้าง
Tim: พวกเราทดลองและหาวิธีต่าง ๆ เพื่อให้ได้ซาวด์ในอัลบั้มนี้ เหตุการณ์ที่ผมชอบที่สุดตอนเราอัดกระเดื่องในเพลง MRT ด้วยกระเป๋าเดินทาง (suitcase drum kick) ซึ่งทำให้เราได้ไดเรกชั่นของกลองในเพลงนี้มา หรือตอนที่ใช้เศษเหล็กเพื่อหาเสียงในเพลง Untitled 01 เพื่อทำให้มันฟังดู industrial มากขึ้น
แล้วก้าวต่อไปของวง One Click Straight ล่ะ
Tim: ผมคิดว่าเราคงต้องสู้ต่อไปในสงครามที่จำเป็น ทำโชว์ที่ช่วยสร้างคอมมูนิตี้ให้โตขึ้นได้ แน่นอนว่าเราอยากมีโชว์มากขึ้นและอยากทำโชว์ซีรีส์ NONZEROSUMGIG ในประเทศไทยด้วย เราอยากเชื่อมต่อกับคนฟังที่เข้าใจเรา ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
พวกเราไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับวงการดนตรีฟิลิปปินส์เท่าไหร่ ตอนนี้ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง
Tim: ผมคิดว่าตอนนี้อุตสาหกรรมดนตรีฟิลิปปินส์ก็กำลังบ่มเพาะอะไรบางอย่างอยู่เหมือนกัน ผมพูดถึงศิลปินที่คุณจะไม่ได้เห็นบนชาร์ตเพลงเลย แต่ก็ยังมีเพลงดี ๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้ชาร์ตเหล่านี้อยู่เหมือนกัน เพลงที่ทั้งจริงใจและน่าฟัง เรารอให้คนฟังในเอเชียหาเราเจอไม่ไหวเหมือนกัน ผมก็คิดว่าดนตรีในประเทศนี้ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ค่อย ๆ มีคุณภาพและมีมาตรฐานที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ นั่นคือเหตุผลที่พวกเราดีใจมากที่คุณ (คนอ่าน) ได้ฟังเพลงของเรา พวกเราพยายามสุดชีวิตเพื่อให้คนอื่นได้รู้จักสิ่งที่ศิลปินฟิลิปปินส์กำลังทำอยู่
มีโอกาสที่แฟนเพลงชาวไทยจะได้ดูโชว์ของพวกคุณที่นี่มั้ย
Tim: อาจจะเป็นปีนี้ก็ได้ พวกเราทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ไปโชว์ที่นั่นแน่นอน
ฝากอะไรถึงแฟนเพลงชาวไทยที่อ่านมาถึงตอนนี้หน่อย
Tim: Khob-kun-krub!! (ขอบคุณครับ) พวกเราดีใจที่คุณฟังและคอยซัพพอร์ตดนตรีของพวกเขา พวกเรารอไม่ไหวแล้วที่จะได้ไปประเทศไทยและได้สนุกกับทุกคนในโชว์มัน ๆ ของพวกเรา
ฟังอัลบั้มใหม่ล่าสุดของพวกเขาได้ที่นี่ พร้อมติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของวงได้ที่ Facebook และ Instagram
ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา