Motifs วง shoegaze จากสิงคโปร์ ที่มีซาวด์ดรีมมี่ชวนฝันแต่ซ่อนความหนักหน่วงไว้ได้อย่างลงตัว ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากซาวด์แตกพร่าจากยุค 80s และ 90s ที่มีกลิ่นของความเป็น post-punk และ dream-pop ผสมอยู่ด้วย อัลบั้มเดบิวของพวกเขาอย่าง remember a stranger ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก จากการพาคนฟังย้อนกลับไปในความทรงจำอันพร่าเลือนด้วยซาวด์อันเป็นเอกลักษณ์
Space Invader วันนี้ ชวนมาทำความรู้จัก Motifs กันก่อนจะไปเจอกับโชว์แรกในไทยของเขาวันเสาร์นี้ ถึงแรงบันดาลใจในการทำเพลงของพวกเขา ความสัมพันธ์เล็ก ๆ ระหว่างพวกเขากับประเทศไทย
สมาชิก Motifs
Elspeth Ong (ร้องนำ, กีตาร์)
JJ Tan (ลีดกีตาร์)
Paul Yuen (เบส)
Badrul Amin (ซินธ์, คอรัส, กีตาร์)
Jolin Chiam (กลอง)
เล่าให้ฟังหน่อย ถึงที่มาของชื่อ Motifs แล้วมารวมตัวกันในโลกของ shoegaze หรือ dream-pop ได้ยังไง
พวกเราทำงานกันหนักมาก ๆ เพื่อให้แน่ใจว่า Motifs ได้ถ่ายทอดสิ่งที่พวกเราชอบบนเวทีอย่างสบายใจ โดยชื่อวงก็อยากให้สื่อถึงความคิดถึง ความปรารถนา ความหลัง ความทรงจำและการสูญเสีย ทุกคนในวงมาเจอกันบนแพล็ตฟอร์มอย่าง soft.com.sg เป็นเว็บบอร์ดที่พวกเราเรียกว่า Tinder สำหรับนักดนตรีที่กำลังหาคนมาฟอร์มวงด้วย
พวกเราสนุกกับการฟังวง shoegaze และ dreampop มาก เลยทำให้พวกเราถ่ายทอดมันอารมณ์ของมันออกมาได้ดี ความนุ่มนวลของความทรงจำพวกนั้น ซึ่งพวกเราก็มีความ introvert ที่ไม่ชอบสร้างซีนใหญ่ ๆ บนเวที แนวเพลงนี้เลยเหมาะกับพวกเราจริง ๆ (สำหรับคนที่ไม่รู้แนวเพลง shoegaze นิยามมาจากที่ศิลปินเอาแต่จ้องก้อนเอฟเฟคของตัวเอง)
ทั้ง 5 คนในวง Motifs มีจุดแข็งและทำงานร่วมกันยังไง ถึงถ่ายทอดดนตรีในแบบของตัวเองออกมาได้
พวกเรามองว่าสมาชิกทุกคนมีความเท่าเทียมกัน ต่างคนต่างมีจุดแข็งที่ทำให้วงของเราแข็งแรง การเขียนเพลงด้วยกันก็ลื่นไหลมาก จากริฟกีตาร์ การคิดคอร์ด หรือการขึ้นเบสเป็นเดโมมาก่อน ล้วนทำให้พวกเราตื่นเต้นมากที่จะได้ทำงานด้วยกัน และช่วยกันใส่ดนตรีของพวกเราลงไป ไม่ว่าจะแจมกันหรือส่งไฟล์ Logic ให้กันก็ตาม พวกเราต่างผลัดกันนำเสนอเดโม หรือช่วยกันทำงานส่วนอื่นของวงทั้ง PR หรืองานจัดการต่าง ๆ
แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับวงเราคือ พวกเราคอยแคร์กันและกันมาตลอด
พวกคุณได้อิทธิพลมาจากซาวด์ shoegaze, post-punk, dream-pop จากยุค 80-90 ศิลปินคนไหนหรืออัลบั้มอะไรบ้างที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเพลงของวง
พวกเราฟังกันเยอะมาก ตั้งแต่ Slowdive – Souvlaki, Alvvays ทุกอัลบั้ม, Cocteau Twins – Heaven or Las Vegas, Julien Baker – Sprained Ankle, Paramore อัลบั้ม self titled, Japanese breakfast – Psychopomp, Beach House และ Daywave
วงอธิบายดนตรีของตัวเองว่า “ความทรงจำอันเลือนลางในหน้าร้อน” (hazy days of summer) ใจความสำคัญที่เราอยากสื่อสารกับคนฟังผ่านดนตรี
เราอยากถ่ายทอดความคิดถึงและความต้องการของคนฟังมาออก แต่สำคัญที่สุดคืออยากให้คนฟังหาความหมายของตัวเองในดนตรีของเราเจอ และเก็บเกี่ยวความรู้สึกพิเศษ ๆ เหล่านั้นเอาไว้ไม่ว่ามันจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
remember a stranger คืออัลบั้มเดบิวของวง เล่าให้ฟังหน่อยว่าได้แรงบันดาลใจเบื้องหลังอัลบั้มนี้มาจากไหน
จริง ๆ remember a stranger ตอนแรกเป็นเนื้อของเพลง spitzer ซึ่งพวกเราตั้งใจจะทำอัลบั้มเต็มตั้งแต่ปี 2019 แต่สุดท้ายเราก็เลือกมันมาเป็นชื่ออัลบั้ม แล้วหาชื่อใหม่ให้กับเพลงสุดท้ายในอัลบั้มตอนปี 2021 ซึ่งชื่อนี้โน้มน้าวคนฟังได้ดีกว่า ช่วงเวลาที่เราเขียนเพลงตั้งแต่ 2019-2021 ทุกคนในวงก็เติบโตขึ้นมาก เพลงส่วนใหญ่จะเขียนจากช่วงวัยรุ่นและประสบการณ์ของ els และ Badrul (เพลง hourglass เลยได้ Badrul มาร้องแทน)
การต้องโตขึ้นก็ทำให้เรามองย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ หรือความรู้สึกที่มีให้ก็สิ่งต่าง ๆ มันเปลี่ยนไปตามประสบการณ์ทั้งสุขและเศร้าของเรา
แล้วปกอัลบั้มล่ะ มันอธิบายคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มนี้ยังไง
มือกีตาร์ของเรา jj ถ่ายรูปนี้ไว้ระหว่างไปเที่ยวทะเลกับครอบครัวที่เกาสง, ไต้หวัน มันทั้งเบลอและเลอะเลือนไปหมด ทำให้คนฟังกลับไปนึกถึงวันธรรมดาสมัยเด็ก ๆ ซึ่งสิ่งที่เราเรียกร้องก็คือวันธรรมดา ๆ เหล่านั้นแหละ
fluorescent คือหนึ่งในแทร็กที่ทุกคนรัก เพราะอะไรทำให้ทุกคนชอบมันมากขนาดนี้
พวกเราเริ่มจากรีฟกีตาร์ที่ทำให้นึกถึงการขับรถไปไกล ๆ เหมือนเป็นซาวด์แทร็กระหว่างขับรถที่ไม่มีจุดหมายปลายทาง คนฟังก็ชอบเพราะมันคือเพลงที่เหมาะจะเปิดระหว่างเดินทาง ทำให้จมอยู่กับความคิดของตัวเอง ความรู้สึกนี้ทำให้พวกเรานึกถึงความทรงจำตอนเด็ก ๆ บางครั้ง เราอยากให้รถที่เรานั่งขับไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีสิ้นสุด ไม่ต้องลงจากรถเพื่อมาเจอความจริง นี่คือเรื่องราวในเพลง fluorescent หวังว่าทุกคนจะชอบที่ต้องติดอยู่ในความทรงจำไปตลอดกาล
แล้วเพลงโปรดของสมาชิกแต่ละคนที่อยากแนะนำให้คนที่เพิ่งรู้จัก Motifs ฟังล่ะ
paul: spitzer, lovelost
badrul: summersad, lovelost
jolin: hourglass, lovelost
jj: lovelost, spitzer
els: summersad, hourglass, lovelost
ซีนดนตรีสิงคโปร์เป็นยังไงบ้าง แล้วมันผลักดันวงดนตรีคุณยังไงบ้าง
ซีนดนตรีสิงคโปร์อาจจะเล็ก แต่ทุกคนในซีนมีใจที่ใหญ่มาก ๆ มันน่าตื่นเต้นมากที่ทุกคนคอยซัพพอร์ตกันและกัน ต่างคนต่างอยากให้ทุกคนประสบความสำเร็จ มันพิเศษสำหรับพวกเรามาก ๆ เพราะทุกคนมีแพชชั่นกับดนตรีจริง ๆ บางคนอาจจะได้ทำงานศิลปินแบบเต็มตัว โดยที่บางคนก็ต้องทำงานประจำไปด้วย แต่มันดีจริง ๆ ที่ได้แชร์ความรักในเสียงดนตรีกับทุกคนในคอมมูนี้
เรามีความสุขสุด ๆ ที่ได้เชื่อและมีสถานที่สำหรับพวกเราทุกคน นอกจากครอบครัวแล้วก็มี Snakeweed Studios (อยากขอบคุณ Mr Leonard Soosay และ Josh Wei) และ KittyWu Records (อยากขอบคุณ Errol, Lesley and dear Izzy) และผู้จัด Esplanade Singapore ที่ทำความฝันของเราให้เป็นจริง พวกเขาให้โอกาสเราได้โชว์ในที่ที่ดีที่สุดของสิงคโปร์กับงาน Baybeats รวมถึงโปรแกรม Mosaic Music Series ที่พวกเราได้เล่นอัลบั้มเดบิวของเรา ที่สำคัญที่สุดคือเราได้เป็นตัวแทนของประเทศไปเล่นในงาน Baybeats x Golden Melody Awards ที่ไต้หวัน มันคือประสบการณ์ที่เกินคาดมากเพราะเราเป็นวงต่างประเทศวงแรกที่ได้ไปด้วย
เราอยากขอบคุณ National Arts Council สภาศิลปะแห่งชาติสิงคโปร์ที่คอยซัพพอร์ตวงอย่างพวกเรามาตลอด ตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงตอนนี้ เราดีใจที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งของซีนเจ๋ง ๆ นี้
สุดท้ายนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนฟังทุกคน เราไม่มีทางได้สัมผัสกับประสบการณ์เหล่านี้เลยถ้าไม่มีทุกคนคอยซัพพอร์ต แชร์เพลงของเรา คอยเชียร์พวกเรา มาเจอเราที่หน้าเวที และคอยซื้อสินค้าของเรา มันมีความหมายกับพวกเราสุด ๆ
วงเตรียมตัวสำหรับโชว์แรกในไทยยังไงบ้าง อยากให้แฟนเพลงไทยได้เจอกับโชว์แบบไหน
พวกเราตื่นเต้นมากที่จะได้เจอแฟนเพลงที่น่ารักจาก ‘land of smiles’ เรารอไม่ไหวแล้วที่จะได้เจอกับความใจดีของคนไทย ที่น่าสนใจคือ els นักร้องนำของเราเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศไทยอยู่ช่วงหนึ่ง เธอมีความทรงจำที่สวยงามกับที่นี่ แอบบอกว่าสติ๊กเกอร์รุ่นแรกของเราคือรูปฟิล์มที่เธอถ่ายที่ประเทศไทย กับรูปภาพที่เราใช้บนโซเชียลของเราด้วยเหมือนกัน เราอยากสร้างความผูกพันธ์กับประเทศไทยสุด ๆ
ที่สำคัญคืออาหารไทยอร่อย ๆ หลากหลายจานที่เราลืมไม่ลง พวกเราอยากสวาปามอาหารไทยแท้ทั้งหมด ทั้งผัดไทย แกงเขียวหวาน ต้มยำ ข้าวผัดสัปปะรด ลูกชิ้นกุ้งและปลา คนในวงก็คาดหวังสุด ๆ ที่จะได้ลองผัดกะเพราที่ร้าน Phad Mark
แล้วเรายังเตรียมโชว์ที่เจ๋ง ๆ ไว้ให้แฟนเพลงด้วยการหยิบทุกเพลงมาเรียบเรียงสำหรับไลฟ์โชว์โดยเฉพาะ
รู้จักวง shoegaze ไทยวงไหนบ้าง สนใจอยากจะทำงานร่วมกับวงไหนเป็นพิเศษไหม
Death of Heather! เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เล่นบนเวทีเดียวกับพวกเขา พวกเขาสร้างความประหลาดใจให้กับชาวสิงคโปร์ด้วยซาวด์อันน่าตะลึง สุดยอด wall of sound พวกเราคือโคตรแฟนของวง Badrul มือคีย์บอร์ดของเราคลั่งเพลง Drown สุด ๆ หวังว่าจะได้แจมเพลงนี้กับพวกเขา ถ้าพวกเรามีโอกาสได้ร่วมงานกับพวกเขาในอนาคตคงจะเจ๋งสุด ๆ !
ทิ้งท้ายอะไรถึงแฟน ๆ ชาวไทยหน่อย
สวัสดี เราคือ motifs และเราแทบรอไม่ไหวที่จะเล่นเพลงของเราให้คุณ! เจอกันวันที่ 21 ตุลาคมที่ blueprint livehouse กับ Death of Heather และ telever
Motifs กำลังจะมาโชว์ที่ไทยครั้งแรกวันเสาร์นี้ พร้อมสองวงร็อกที่จะมาเขย่าเวทีกับ Death of Heather และ Telever ที่ Blueprint Livehouse บัตรราคา 400 บาท กดบัตรได้เลยที่ ▶️ https://www.ticketmelon.com/blueprint/motifdohver ◀️
และติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของวงได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/motifsbandsg
Instagram: https://www.instagram.com/motifsband/
ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา