Deer Mx ดูโอ้อิเล็กทรอกนิกชาวเม็กซิกัน ที่เบสฮ่องกง แต่มาอยู่ค่ายไทย คุยกันก่อนไปดูโชว์แรกของพวกเขาในไทย

by McKee
637 views
Deer Mx Mexican Hong Kong Jafar Records electronic

Jafar Records หนึ่งในค่ายน้องใหม่ที่รวบรวมวงร็อกสำเนียงเฉพาะตัวไว้ ไม่ว่าจะ Salad วงดูมร็อกสุดโรแมนติก และ LEPYUTIN วงร็อกสายเดือด แต่ยังมีวงร็อกอีกหนึ่งเบอร์ในค่ายที่เราอยากให้ทุกคนสัมผัสโชว์ของพวกเขาซักครั้ง คือ Deer Mx

ดูโอ้วงอิเล็กทรอนิกจากเม็กซิโกที่โดดเด่นด้วยหน้ากากกวาง ซึ่งผลัดถิ่นมาฟอร์มวงกันที่ฮ่องกง พวกเขาเรียกแนวดนตรีของตัวเองว่า trip-rock industral pop ที่สาดซาวด์สังเคราะห์ใส่เราอย่างเดือดดาล แต่ยังพรรณนาคือวันสิ้นโลกในเมโลดี้ทุกตัวได้อย่างงดงามไร้ที่ติ โชว์ของพวกเขาไม่เหมือนศิลปินคนไหนในไทยแน่นอน

Space Invador วันนี้ เรามาทำความรู้จักวงอิเล็กทรอนิกที่น่าตื่นเต้นที่สุดในไทยตอนนี้ กับเหตุผลที่เขาเลือกเซ็นสัญญากับค่ายไทย EP ล่าสุดของพวกเขา และการมาโชว์ที่ไทยครั้งแรกของพวกเขา

Adriana Falcón (ซ้าย) Miguel Bastida (ขวา)

ประสบการณ์ในการย้ายจากเม็กซิโกมาอยู่เอเชียทำให้เราอยู่ในจุดที่พิเศษมาก ๆ พวกเราเริ่มมองตัวเองผ่านแว่นของวัฒนธรรม ทั้งในมุมมองแง่บวกและมุมมองแง่ลบเมื่อนำทั้งสองวัฒนธรรมมาซ้อนทับกัน Portraits ซึ่งเป็น EP แรกของพวกเราอธิบายช่วงเริ่มต้นของวงไว้ ทั้งภาพฝันที่วาดไว้และความจริงที่ต้องเจอกลายมาเป็น 4 เพลงแรกของเรา สำรวจการต้องย้ายบ้าน สิ่งต้องห้าม อาการซึมเศร้าและความปรารถนาอันแรงกล้า

และใน There’s No Future อัลบั้มแรกของพวกเรา ก็ลองสร้างบทสทนาของความพหุวัฒนธรรมขึ้นมา โดยเฉพาะความหลงใหลในวรรณกรรมของเราที่หยิบ The Divine Comedy (บันทึกการเดินทางท่องนรกของดันเต้) หรือ The Liao Zhai Tales (ตำนานรักโปเยโปโลเย ซึ่งเป็นวรรณกรรมอมตะของจีน) มาผสมกับคอนเซปต์วันสิ้นโลกสุดสยองขวัญและแฟนตาซีในเนื้อเพลงของเรา

Adriana กับผมเรียนสายดนตรีคลาสสิกมา ผมเรียนศาสตร์การประพันธ์เพลงคลาสสิก (classical composition) ทำให้ผมชอบการใส่เครื่องสายและเครื่องทองเหลืองลงไปในเพลงของพวกเรา เหมือนอย่างเพลง Omen หรือ Running ใน EP ล่าสุดของเราก็มีองค์ประกอบพวกนี้อยู่ ปกติเราจะฟังแต่เพลงที่เราชอบและก็ฟังวนไปอยู่แบบนั้น แต่พอเราเริ่มเขียนเพลงกันเอง ทุกเพลงที่เราได้ฟังมันถูกปั่นผสมในหัวเราโดยไม่รู้ตัว จนกลายเป็นแนวเพลงของเราเอง

เมืองนี้มีอิทธิพลต่อเนื้อเพลงของเรามากกว่าฝั่งดนตรี บางเพลงที่เราเขียนขึ้นมานั้นก็มาจากประสบการณ์ที่เราเจอในเมืองนี้ เมืองฮ่องกงเองก็ช่วยพัฒนาโปรเกจต์ของเราเหมือนกัน บางอย่างที่ยากกว่านี้สองสามเท่าถ้าเป็นที่เม็กซิโก แต่สิ่งที่ช่วยเราได้มากที่สุดคือการได้ดูโชว์ของศิลปินรุ่นใหม่สองวง วงหนึ่งจากอิเดีย อีกวงจากเอสโตเนียที่มาทัวร์ในเอเชีย เราได้เพอร์ฟอร์แมนซ์ของพวกเขาซึ่งมีความมืออาชีพมาก ๆ ทำให้เทคนิเชี่ยนของเรากลายเป็นสมาชิกอีกหนึ่งคนที่สำคัญมากของวง บางโชว์เราพาฝ่ายแสงไปด้วยซ้ำ สองวงที่มาเล่นในฮ่องกงเป็นแรงบันดาลใจให้กับความเป็นศิลปินของเรามาก มากกว่าเมืองที่เราอยู่ด้วยซ้ำ

เราว่าทุกคนในซีนดนตรีใต้ดินเอเชียอาจจะเห็นด้วยจนถึงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราทำเพื่อเสิร์ฟคนในซีนและตลาดเล็ก ๆ สถานการณ์แบบนี้อาจจะท้าทายสำหรับศิลปินโลคอล แต่มันกลับซับซ้อนเกินไปสำหรับศิลปินต่างชาติที่เป็นชนกลุ่มน้อยในเอเชีย แม้มุมมองจากตะวันตกจะยังครอบงำเมืองอย่างฮ่องกงที่สวมแว่นของแนวคิดล่าอาณานิคมตลอดเวลา (ทำให้ไม่อยากอุดหนุนคนต่างชาติ) แต่กระแสคนรุ่นใหม่ก็กำลังเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้อยู่ เราไม่ใช่ฑูต ไม่ใช่นักการเมือง ไม่ใช่รัฐบาลอังกฤษ เราเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญ นักศึกษา เป็นแค่คนชนชั้นล่างที่ปากกัดตีนถีบจนได้เรียนได้ทำงาน แต่น่าเสียดายที่คนในเมืองนี้ก็ยังไม่ยอมรับความหลากหลาย ทำให้ชาวฮันในเมืองขาดพัฒนาการในเชิงศิลปะและดนตรี ภาษา และวัฒนธรรมที่แตกต่างทำให้ยากต่อการต่อยอด นี่คือเหตุผลที่ทำให้ซีนดนตรีในฮ่องกงมันถูกแบ่งแยก แต่ยังไงเราก็จะไม่หยุด และไม่รับความเห็นต่างใด ๆ ทั้งสิ้น เราจะเดินทางและเสาะหาเพื่อนร่วมทางที่พร้อมจะซัพพอร์ตงานของเราตั้งแต่เริ่ม เราแฮปปี้มากที่ได้รู้ว่าทุกสิ่งที่เราทำ เราเริ่มทำกันมาตั้งแต่ศูนย์จริง ๆ ไม่มีเพื่อนและครอบครัวคอยซัพพอร์ต ทำให้ตอนนี้เรารู้สึกดีที่ตอนนี้มีคนที่อยู่เคียงข้างเราเต็มไปหมด

ทุกเพลงคือผลพวงจากวิกฤตโลกโรคระบาดทั้งหมด ซึ่งทำให้คนเข้าไปอาศัยอยู่ในโลกเสมือนจริงแทน แต่มีแค่ไม่กี่คนที่กลับมาเชยชมสิ่งที่โลกใบนี้เป็น ดาวดวงนี้อาจจะเป็นสถานที่เดียวที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ได้จริง ๆ แต่มีน้อยคนมากที่จะคิดแบบนี้ เรามีเวลาบนโลกใบนี้ไม่นานเหมือนกับพวกไดโนเสาร์หรือสัตว์ในฟอสซิล ซึ่งงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามนุษย์จะต้องสูญพันธุ์ซักวันแน่นอน โลกของพวกเราก็จะถูกกดดันให้เปลี่ยนไปสู่ความงดงามที่มันควรจะเป็น อัลบั้มนี้อยากเล่าเรื่องพวกนี้เพราะความสวยงามสำหรับมนุษยชาติไม่ใช่ปัญญาประดิษฐ์ที่สมบูรณ์แบบหรือภาพสวยหรูบนโซเชียลมีเดีย ความสวยงามคือความอกสั่นขวัญแขวนของความเป็นจริง ความตื่นตนกที่ได้เห็นความโศกเศร้าถูกบันทึกลงผืนผ้าใบ ความโกรธเกรี้ยวที่ถูกบันทึกลงในเพลง

จากที่เราอยากสรรเสริญการมีชีวิตอยู่และโลกใบนี้ เราเรียนรู้เรื่องราวของสิ่งมีชีวิตและประสบการณ์ส่วนตัว EP เปิดตัวด้วยอินโทน เครื่องสายที่ดุดัน และเสียงร้องอันทรงพลังที่วิวรณ์ต่อคีตะของอัศวินแห่งแสง เปิดด้วย Rollin การเดินทางสู่ตำนานอิยิปต์และด้วงมูล (ฮีโร่ของเรื่อง) ไปถึงการวิพากษ์โลกเสมือนจริงในเพลง In the Name Of… พาเราไปสู่เสียงคร่ำครวญของ Omen และกลับสู่อ้อมกอดอันบ้าคลั่งของพระแม่ธรณีใน Running ปิดท้าย EP ด้วยความงดงามและความมืดมิดของ outro ในเพลง Fables of Humanity ที่ชักจูงคนฟังไปสู่การสูญพันธุ์อันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะไปสู่จักรวาลใหม่ในเพลง All I Did

ช่วงที่เราเริ่มตั้งวง เราศึกษากันเยอะมาก Miguel เคยแต่งเพลงคลาสสิกและเพลงบรรเลงมาก่อน แต่ไม่เคยทำเพลงจริง ๆ Adriana ไม่เคยออกนอกกรอบมาก่อนเพราะเรียนดุริยางคศาสตร์ (Faculty of Music) มาโดยเตรง และเราไม่มีเครื่องดนตรีเลย มีแค่คีย์บอร์ดกับกีตาร์โปร่ง เราเพิ่งมี iPad เพื่ออัดเสียงและโหลดแอปซินธ์กับกลองมาใช้ทีหลังด้วย ทุกอย่างดูเรียบง่ายและเราต้องเข้าใจว่าอุปกรณ์เรามีแค่นี้ เลยต้องศึกษาเพื่อนำซาวด์ในแบบของตัวเองออกมาให้ได้ เราฟัง Unkle และ Massive Attack เยอะมาก เพลงแรกของเราทั้งนุ่มนวลชวนทะมึนแต่เป็น downtempo ซึ่ง Miguel ชอบมันมากเพราะมันมีเครื่องสายและดนตรีทดลองในนั้น

เราเป็นคู่หูกัน และก็มีมือกลองเข้ามาเติมทีมในเวลาไม่นาน เราอยากใส่ความเป็นร็อกลงไป แต่ชีวิตก็เปลี่ยนไปทุกวัน และเราต้องปรับตัวตาม เราได้เจอคนเยอะมากทั้งโปรดิวเซอร์หรือนักดนตรี เราได้เรียนรู้อะไรมากมายจากพวกเขา ทำให้เพลงเราเปลี่ยนไปมากในหลายปีมานี้

เครื่องมือทั้งหลายที่เรามี เป็นเหมือนทางเลือกเมื่อเราคิดว่าจะอัดเสียงยังไงดี จะเล่นยังไงให้ดี หรือจะทำโชว์ให้เจ๋งยังไงบ้าง เราคอยถามเพื่อนศิลปินของเราหรือคนที่เรียนสาขาอื่น ๆ ตลอดเวลาว่าจะทำแสงกับวิชวลแบบนี้ยังไง หรือแก้ปัญหาเสียงหรือเทคนิคบนเวทียังไง เราแนะนำให้ทุกคนเปิดใจและกล้าที่จะขอความช่วยเหลือคนอื่น การได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ ๆ หรือการถามคนที่เก่งกว่าเราช่วยให้เราประหยัดเงินได้ และนั่นสำคัญกับศิลปินอิสระมาก

พวกเราแฮปปี้มาก ๆ ตอนพวกเราเพิ่งตั้งวง การจะมองหาคนที่เชื่อในโปรเจกต์ของพวกเราและพร้อมที่จะช่วยเหลือเรามันท้าทายมาก ทำให้ทุกก้าวสำคัญกับเรามาก การได้มาอยู่กับ Jafar สอนอะไรเรามากมาย ทั้งการทำงานกับทีมใหม่ และยังเป็นโอกาสที่เราจะได้เติบโตในซีนดนตรีเอเชีย เรารู้สึกขอบคุณโอกาสนี้มาก ๆ มันยืนยันว่าแม้คุณจะมาจาก Latin America ก็ได้รับการยอมรับและเป็นส่วนหนึ่งของซีนนี้ได้เหมือนกัน เราดีใจในสิ่งที่พวกเราได้ทำ และยินดีที่จะได้พาค่าย Jafar ไปสู่ระดับสากล

ในอนาคตอันใกล้ เราจะรักษาสัมพันธ์ที่ดีกับซีนดนตรีไทยให้ดี เราอยากให้การไปเยือนประเทศไทยครั้งนี้สร้างโอกาสอีกมากมาย เราอยากให้ Jafar พาเราสำรวจความเป็นไปได้อีกมากมายในการเข้าไปในตลาด SEA ซึ่งพวกเราก็หวังว่าจะมีโอกาสเข้าถึงคนฟังใหม่ ๆ ด้วย

เราเองก็ต้องเปิดใจและต้องพลิกแพลงให้ได้เหมือนทุกวันนี้ เราไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของซีนดนตรีไหน ๆ ตรงกันข้าม เราใช้ความคิดสร้างสรรค์ของเราเป็นเข็มทิศและไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดที่จะไม่ได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ

นี่คือครั้งแรกที่พวกเราได้ไปเล่นที่กรุงเทพในฐานะส่วนหนึ่งของทีม Jafar พวกเราตื่นเต้นกับประสบการณ์ครั้งนี้มาก โดยเฉพาะความจริงที่ว่าทุกสิ่งจะดูใหม่สำหรับพวกเรา และพวกเราอยากส่งต่อพลังงานและบรรยากาศมัน ๆ ให้กับคนดู เมืองไทยมีแต่วงเจ๋ง ๆ และพวกเราเป็นเกียรติมากที่จะได้เป็นส่วนเล็ก ๆ ในหน้าประวัติศาสตร์ซีนดนตรีเอเชีย

เตรียมตัวมารับพลังและใส่เสื้อผ้าที่สบายตัวหน่อย เพราะเราอยากให้ทุกคนโดดไปกับเพลงของเรา

โชว์แรกในไทยของ Deer Mx ที่มาพร้อมกับ 2 วงที่เดือดาลไม่แพ้กันอย่าง DOGWHINE และ LEPYUTIN รวมสำเนียงร็อกหลากหลายสไตล์ไว้ในงานเดียว เจอกันวันอาทิตย์นี้ที่ 26 พฤศจิกายน ที่ Blueprint Livehouse บัตรราคา 350 บาท ซื้อบัตรได้เลยที่นี่ https://bit.ly/3QxQ69n

และติดตามความเคลื่อนไหว พร้อมฟังเพลงใหม่ ๆ ของพวกเขาก่อนใครได้ที่ Facebook, Instagram และ Twitter

+ posts

ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy