ANDR คือศิลปินที่ทีมงาน The COSMOS ได้ดูโชว์ของเธอตอนไปร่วมงาน LUCFest ที่ไถหนาน ไต้หวัน แล้วหลังจากนั้นก็โดนสะกดเข้าอย่างจังกับเสียงร้องใส ๆ และมีเอกลักษณ์ รวมถึงบีตอิเล็กทรอนิกอาร์แอนด์บี ผสมผสานกับป๊อปและร็อกในส่วนเท่า ๆ กันพร้อมกับความขี้เล่นและลูกเพี้ยน ๆ ในเพลงของเธอทำให้เราติดตามผลงานของเธอมาจนถึงทุกวันนี้
และเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ANDR ก็มาร่วมแสดงในโชว์เคสของ Bangkok Design Week และได้ร่วมงานกับ mindfreakkk ในเพลงสุดน่ารัก ‘Swapping Socks’ เราเลยถือโอกาสชวนเธอมาพูดคุยทำความรู้จักและให้เล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การร่วมงานกับต่างชาติครั้งแรกๆของเธอซักหน่อยใน Space Invader
เริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอนม.ต้นค่ะ ตอนนั้นฟังเพลง Taylor Swift เยอะมากแล้วก็หัดเล่นกีตาร์อะคูสติกเพื่อแค่จะร้องตามได้ แต่พอขึ้นม.ปลายก็เข้าชมรมเพลงร็อกของที่โรงเรียน ฉันเล่นกีตาร์ไฟฟ้าแล้วก็เริ่มร้องเพลงตั้งแต่ตอนนั้น ก็ยังไม่หยุดจนถึงทุกวันนี้ค่ะ มันก็ประหลาดดีที่มองกลับไปเพราะตอนอยู่ชมรมร็อก ฉันก็เอาแต่เล่นเพลงร็อก ซาวด์แบบแบนด์เฉพาะทางไปเลย แต่ตอนหลังก็เริ่มมาฟัง Frank Ocean, Tyler, the Creator, SZA แล้วก็ศิลปินฮิปฮอป R&B คิดว่าอะไรพวกนี้เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลกับเพลงของฉันค่ะ
สิ่งที่ยากที่สุดตอนเริ่มทำเพลง
ฉันหมดเวลาไปกับการหาว่าแต่ละคนเขามีกระบวนการสร้างสรรค์หรือมีวิธีทำยังไงกันนะ ก็เลยเซิร์ชดูในเน็ต ดูสัมภาษณ์ไปเยอะมาก ๆ แต่ก็ชอบดูอยู่แล้วด้วยค่ะ แล้วคำตอบที่ได้ส่วนใหญ่ก็คือ ‘ทำแบบที่เราชอบเลย’ ซึ่งแต่ละคนเขาก็ทำไม่เหมือนกัน เอาแค่คนคนเดียวกันก็ยังทำวิธีต่างกันเป็นร้อย ๆ ดังนั้นมันก็เลยทำให้ฉันโล่งขึ้นมากค่ะเวลาคิดทำเพลงของตัวเอง
ในโปรไฟล์ศิลปินบอกว่าเธอเรียนจบเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์วิศวกรรม แล้วก็วิศวกรรมสมุทรศาสตร์
มันแปลกใช่ไหมคะ (หัวเราะ) คือเพราะก็ใหม่กับซีนนี้ด้วย คิดว่าเขาแค่คงอยากบอกอะไรที่เกี่ยวกับตัวฉันนิดนึง
เรียนทางนี้แล้วเอาเวลาที่ไหนไปทำเพลง เท่าที่เข้าใจเวลาส่วนใหญ่ก็หมดไปกับการเข้าแล็บแล้วก็อ่านหนังสือหมดแล้ว
อืม… เพราะฉันห่วยในวิชาพวกนี้อยู่แล้วก็เลยคิดว่านั่นไม่ได้เป็นปัญหาค่ะ (หัวเราะ) แต่ก็ต้องใช้ความพยายามมาก ๆ ให้มันไปได้ดีควบคู่กัน แค่สิ่งเดียวที่คิดคือ พอเรียนจบเมื่อไหร่นะ จะตั้งหน้าตั้งตาทำเพลงอย่างเดียวเลย ไปคอนเสิร์ตให้ได้เยอะ ๆ เท่าที่จะทำได้เลยค่ะ
ส่วนนึงเพราะที่บ้านคาดหวังให้เรียนทางนี้ด้วยไหม
ก็ด้วยค่ะ… ตัวฉันเองก็ด้วย ก็คือพวกเราต้องพยายามสุด ๆ เพื่อให้สอบติดมหาลัย เวลาเรียนก็ต้องตั้งใจให้จบ แต่พอเรียนจบแล้วก็พอกันที พระเจ้า ฉันล่ะโคตรเกลียดเลย
งั้นตอนเรียน คิดว่าดนตรีได้ช่วยทำให้ชีวิตช่วงนั้นง่ายขึ้นนิดนึงมั้ย
ด้วยค่ะ แต่ตอนเรียนไม่ได้ฟังเพลงเยอะมากขนาดนั้น เหมือนเปิดเป็นแบ็กกราวด์ไปมากกว่า แต่ฉันมีความคิดที่จะเลือกเพลงฉันเพลงมาไว้ประกอบกับสถานการณ์อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในชีวิตเหมือนกันนะ เพราะเวลาเรากลับไปฟัง มันก็จะเอาความทรงจำเหล่านั้นกลับมา เหมือนเป็นคลังพิเศษที่เก็บเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิต เจ๋งดีค่ะ
มาเซ็นสัญญากับค่ายนี้ได้ยังไง
ตอนนั้นยังอยู่มหาลัยเลยค่ะ แล้วฉันก็ลงแข่งงานประกวดแต่งเพลงที่ค่อนข้างใหญ่อันนึงของไต้หวัน เพลงที่ฉันเขียนมันเป็นเพลงที่มีกรูฟแบบทรอปิคัล แล้ว Kain โปรดิวเซอร์ของฉันก็ได้มาดูงานพอดี แล้วเขาชอบการแสดงนั้นมาก เราเลยได้คุยกัน แล้วนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของทุกส่ิง มาคิดดูทุกวันนี้แล้วมันยังประหลาดสำหรับฉันอยู่เลย เหมือนฝันเลยค่ะ
จะอธิบายแนวเพลงของตัวเองยังไง
อธิบายไม่ถูกค่ะ (หัวเราะ) ส่วนใหญ่จะถามคนอื่นมากกว่าว่าซาวด์ของเพลงฉันมันไปตกที่เพลงประเภทไหนได้บ้าง แต่ฉันคิดว่าน่าจะได้แรงบันดาลใจจากอัลเทอร์เนทิฟ R&B เบดรูมป๊อป อินดี้ป๊อป อินดี้ร็อกนิด ๆ ป๊อปร็อกหน่อย ๆ ไม่รู้สิคะ ตอนนี้กำลังทำอัลบั้มเต็มอยู่ คิดว่าน่าจะปล่อยช่วงกลางปี ตื่นเต้นมาก ๆ ค่ะแต่ยังทำอะไรไม่เสร็จเลย (หัวเราะ) ก็ค่อนข้างเครียดอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ฉันพยายามจะผสมผสานแนวเพลงพวกนี้ลงในอัลบั้ม แล้วก็พวกเพลงที่เคยปล่อยออกมาแล้วก็น่าจะรวมอยู่ในอัลบั้มด้วยค่ะ
อัลบั้มจะเกี่ยวกับอะไรบ้าง สปอยล์หน่อย
รู้จักการ์ดโปเกมอนไหมคะ ตอนเด็ก ๆ ฉันชอบสะสมของเล่น เหรียญเล็ก ๆ หรือพวกการ์ด แล้วในเมื่ออัลบั้มนี้จะเป็นเหมือนการเอาเพลงหลาย ๆ แนวมาผสมผสานกัน ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นวิธีนำเสนอที่เหมาะ เหมือนการที่ทำให้แต่ละเพลงมีมอนสเตอร์เป็นของตัวเอง น่าจะประมาณนี้ค่ะที่พูดได้ในตอนนี้ หรืออย่างย่อก็คือ ถ้าคุณชอบโปเกมอน ถ้าชอบสะสมของต่าง ๆ ฉันคิดว่าคุณจะชอบอัลบั้มของฉันค่ะ
ชอบโปเกม่อนตัวไหนที่สุด
Lucario ค่ะ
งั้นมาคุยเรื่องเพลงที่ปล่อยมาแล้วดีกว่า ‘Night Lotion’ พอดีว่าเจอแท็กไลน์เกี่ยวกับเพลงในเว็บแล้วรู้สึกว่ามันแปลกมาก ไอเดียนี้ได้มายังไง
“ร่างกายของเราประกอบไปด้วยไขมัน กระดูก กล้ามเนื้อ และน้ำ และเมื่อฉันใกล้เธอมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้นเท่าไหร่ ฉันสามารถละลายกลายเป็นโลชัน ที่จะติดหนึบอยู่บนตัวเธอและไหลไปที่ข้างหลัง”
โอเคค่ะ (หัวเราะ) เพลงนี้จริง ๆ มันค่อนข้างน่าสมเพชนะ ฟีลแบบ ‘เธอจะหลอมฉันให้เป็นอะไรก็ได้ที่เธออยาก เพื่อที่ฉันจะได้อยู่กับเธอ’ ดังนั้นความรู้สึกเบื้องหลังไลน์นี้จริง ๆ มันค่อนข้างเศร้าค่ะ แล้วก็เพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าชื่อเพลง ‘Night Lotion’ ในตัวของมันเองก็ให้ความรู้สึกวาบหวิวอยู่ เหมือนแบบโลชันที่ทาไปบนตัวเราที่เปลือยเปล่าน่ะค่ะ ดังนั้นคำโปรยมันก็แค่ทำให้ดูเท่ขึ้นมาเฉย ๆ คิดแบบวิทยาศาสตร์ว่าร่างกายเรามันประสอบไปด้วยสารนะ ไม่รู้ว่าคิดยังไงเหมือนกันถึงออกมาแบบนี้แต่ฉันชอบค่ะ
ส่วนดนตรี พาร์ตที่ช้ามันเป็นคล้าย ๆ lo-fi ฉันทำบีตนั้นขึ้นมาเป็นบีตแรก ๆ ที่ลองทำให้ห้องของฉันเอง แล้วพอเอาไปให้ Kain ฟัง เขาก็บิดเอาทั้งส่วนนั้นช่วงกลางเพลงมาทำให้เป็นซาวด์กรูฟ ๆ ฉันไม่ได้คิดไว้ว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้แต่ก็ชอบมันมาก ๆ ค่ะ ฉันชอบเพลงที่มีจังหวะเร็วหน่อยกับเนื้อหาที่เศร้าซึ่งมันดูย้อนแย้งกันดี แล้วเพลงนี้ก็มีเมสเสจแบบนั้นอยู่เยอะค่ะ
แล้ว ‘i don’t lose sleep anymore’ นี่เกี่ยวกับที่ต้องอดหลับอดนอนที่มหาลัยรึเปล่า
เกี่ยวนิดนึงค่ะ (หัวเราะ) จริง ๆ มันคือความคิดที่ว่า เราเป็นคนดีกันแหละเนอะ มนุษย์ทั่ว ๆ ไปที่ไม่ทำร้ายใคร จริง ๆ มันก็มีความคิดที่จะทำอะไรไม่ดี ๆ อยู่แหละ ฉันอยากจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับเวลาเรามีความคิดเวร ๆ แล้วสร้างสถานการณ์จำลองว่าคุณจะทำอะไรก็ได้ แย่แค่ไหนก็ได้ สำหรับฉันฉันอยากเอาเท้ามอมแมมของฉันขึ้นไปเหยียบผ้าปูโต๊ะสะอาด ๆ อะไรแปลก ๆ ที่ทำแล้วมันจะช่วยปลดปล่อยความโกรธของฉันได้ น่าจะเป็นประมาณนี้ค่ะ แต่ในเพลงไม่ได้โฟกัสนะว่าตัวเอกของเรื่องกำลังโกรธอะไรอยู่ แค่ปล่อยให้เป็นไปตามสถานการณ์ที่จะตีความได้เลยค่ะ
ส่วนไลน์เบสในเพลงนี้ จำไม่ได้ว่าได้มายังไง ฉันไม่เล่นเบสแต่บางทีก็จะมีซาวด์เบสที่ชอบ หรือแรงบันดาลใจว่าอยากจะได้ไลน์เบสประมาณนี้ ริฟฟ์ต้องแบบนี้ แต่โทนเพลงทั้งหมดคือ Kain เสกมาให้เลยค่ะ เขาทำให้บีตเน่า ๆ ของฉันเจ๋งขึ้นและฟังดูดีขึ้นมาก ๆ ฉันชอบมันมาก เขาเป็นพ่อมดค่ะ
มิวสิกวิดิโอทำให้นึกถึงเพลงช่วงต้น 2000s ที่ชอบทำสต็อปโมชัน ภาพนิ่งตัดแปะอะไรพวกนั้น
ผู้กำกับ (Kya HUANG) เป็นเพื่อนม.ปลายของฉันเองค่ะ เรารุ่นเดียวกัน แล้วเธอก็กำลับมิวสิกวิดิโอ ‘Swapping Socks’ ด้วย ฉันชอบมันมาก เธอมีพรสวรรค์มากค่ะ
อะไรคือแรงบันดาลใจให้ทำเสียงประหลาด ๆ ในเพลง อย่างอันนี้คือทำเสียงบรื๋อฮัมทำนองไปด้วย
อย่างที่บอกว่าฉันชอบ Frank Ocean กับ Tyler, the Creator แล้วฉันพบว่าศิลปินเหล่านี้เขาชอบใช้ซาวด์แปลก ๆ บางทีก็ไม่ใช่เสียงที่น่าฟังเท่าไหร่ บางอันคือน่าหนวกหูด้วยซ้ำ แต่มันทำให้ฉันรู้สึกดีค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าได้แหกกฎบางอย่างในการทำเพลงไปด้วย แล้วยิ่งกว่านั้นคือการเล่นกับเท็กซ์เจอร์ของซาวด์มันทำให้อารมณ์เพลงไปได้ไกลขึ้น ฉันสามารถแฝงความรู้สึกที่แท้จริงไว้ในซาวด์เพี้ยน ๆ พวกนั้น มันก็จะเป็นความสมดุลระหว่างการมีความคิดสร้างสรรค์แล้วก็เข้าถึงความรู้สึกของคนฟังได้ นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ฉันพยายามทำอยู่ค่ะ แล้วก็คิดว่าในอัลบั้มจะมีอะไรประหลาด ๆ ออกมาให้ฟังอีกแน่นอน
ปกติไปคลับด้วยไหม พอดีว่าแอบได้ยินเอเลเมนต์ในหลาย ๆ เพลง
ไม่ได้เป็นเซียนขนาดนั้นแต่ก็ชอบค่ะ ชอบอัลบั้มใหม่ของ Troye Sivan มาก โคตรดี แล้วหลัง MV ‘Rush’ ออกมาคือฉันยืนหน้าจอแล้วดูวนลูปเป็นชั่วโมงๆมันโคตรเจ๋งแล้วฉันก็อยากทำเพลงอะไรแบบนี้ได้บ้างอาจจะไม่ใช่ในอัลบั้มนี้แต่ฉันก็พยายามเรียนรู้เกี่ยวกับคลับมิวสิกแล้วก็เพลงอิเล็กทรอนิกแต่ฉันก็ไม่ได้ไปคลับบ่อยนะคะไปบ้างบางทีฉันว่าตัวเองอยู่ระหว่างการเป็นคนขี้อายแล้วก็ชอบพบปะผู้คนแล้วบางครั้งก็รู้สึกว่าไปคลับมันทำให้รู้สึกประหม่าแต่ขณะเดียวกันก็สนุกดีค่ะ
แล้วไปร่วมงานกับ mindfreakkk ได้ยังไง
ค่ายเพลงของฉันที่ไต้หวันชื่อ Fortune Coookie Records อยากทำ EP ชื่อ ‘Oversea Calls’ โดยให้ศิลปินต่างประเทศมาร่วมงานกับศิลปินไต้หวัน ดูว่าเราจะทำอะไรออกมาร่วมกันได้บ้าง แล้วเราก็เจอ mindfreakkk ผ่านดิสทริบิวเตอร์ของเราคือ Believe เขาก็แนะนำมายด์มา ฉันชอบเสียงของเธอแล้วก็รูปโปรไฟล์ใน Spotify มาก เธอเหมือนเป็นคาแร็กเตอร์ในเกม Wii เลย แล้วนั่นก็เป็นความเด๋อด๋าแบบที่ฉันชอบ คือเธอก็เพี้ยน ฉันก็เพี้ยน เรารู้สึกเข้ากันได้เพราะความเพี้ยนนี่แหละค่ะ ก็เลยทักไป ดีใจมากที่เธอตอบตกลง การร่วมงานกันเป็นอะไรที่สนุกและราบรื่นมากค่ะ
เรื่องราวเบื้องหลังเพลง ‘Swapping Socks’
เพลงนี้เกี่ยวกับมิตรภาพค่ะ ยิ่งเราเขียนเนื้อมากขึ้นเท่าไหร่ก็เห็นได้ชัดเลยว่าฉันกับมายมีความคิดเกี่ยวกับเพื่อนที่เสียชีวิตไป หรือการที่เราตายขึ้นมาแล้วเพื่อนกับพ่อแม่ของเราจะมีท่าทียังไง แรงบันดาลใจหลักในเพลงนี้ของฉันคือเพื่อนสนิท ซึ่งก็คือน้องสาวของฉัน แล้วน้องชอบพูดว่า ‘ถ้าเธอตายไปแล้วฉันจะทำยังไง’ ก็เป็นเรื่องดาร์ก ๆ แต่ก็มีความตลกในนั้นอยู่ค่ะ ท่อนเวิร์สของฉันจะร้องประมาณว่า ‘อย่าหาทำรีบตายก่อนฉัน อย่าเพิ่งตายนะ’ ส่วนมายด์ตรงกันข้ามเลย จะประมาณว่า ‘ฉันรู้สึกว่าฉันน่าจะตายไปก่อน แต่คนอื่นอย่าเสียใจกับการจากไปของฉันมากจนเกินไปนะ’ ส่วนท่อนฮุกก็เกี่ยวกับช่วงเวลาที่เราได้สนุกไปกับเพื่อนรักของเรา จะอยู่ข้างกันไปตลอด ประมาณนี้ค่ะ
แล้วแฮชแท็ก #Dinosaurgames ใน YouTube นี่คืออะไร
คุณเข้าใจเรื่องราวในมิวสิกวิดิโอนั้นไหมคะ เพราะฉันไม่เก็ตมันค่ะ คือผู้กำกับเนี่ยนางมีไอเดียเส้นเรื่องอยู่ในหัวของนางเอง แล้วตอนที่ถ่ายเนี่ยฉันก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับนางเลย คือเหมือนบอกว่า มายด์เป็นตัวไดโนเสาร์ที่เที่ยวเล่นไปกับฉันในพาร์ตเกม ผจญภัยไปด้วยกัน แล้วพอกลับมาที่โลกของความเป็นจริง เราก็ต้องแยกจากกัน แล้วฉันก็จำเธอไม่ได้ เพื่อนฉันแปลกเนอะว่ามะ แต่แปลกในทางที่ดีค่ะ
รอบนั้นเป็นครั้งแรกที่มากรุงเทพ ฯ หรือเปล่า
ใช่ค่ะ เราถ่ายเพลงนั้นก็เมื่อปีที่แล้ว มันเจ๋งดีนะ ครึ่งนึงถ่ายที่กรุงเทพ ฯ อีกครึ่งนึงที่เกาสง สนุกดีค่ะ
คิดว่ากรุงเทพ ฯ กับไทเปมีความคล้ายกันบ้างไหมพอได้เห็นโลเคชันที่มาถ่ายแล้ว
บางจุดคล้ายนะคะ ถนนหนทาง มีมอเตอร์ไซค์เยอะเหมือนกันเด๊ะ แต่ขณะเดียวกันฉันว่ากรุงเทพ ฯ อากาศ บรรยากาศ แสง มันมีความเฉพาะตัวมาก ไม่มีอะไรแทนได้เลย ต่างมาก ๆ ที่นี่แสงจะมีความส้มอมเหลือง ฉันชอบนะ แค่เดินบนถนนก็รู้สึกมีความสุขแล้ว แต่มันก็ร้อนมาก ๆ ด้วย ส่วนบางที่มีความเป็นวัฒนธรรมร่วมกันอยู่ อย่างที่เยาวราช แต่ฉันคิดว่าผู้กำกับไม่ได้ตั้งใจหรอก ฉันว่าชีแค่เห็นว่ามันสวยแล้วเผอิญว่าออกมาแล้วก็เข้ากับคอนเซ็ปต์ดี
ส่วนตุ๊กตุ๊ก โอ้โห มันบ้ามาก ตอนนั้นเรามาถ่ายกันรวม 4 คน มีฉันแล้วก็ทีมงานอีก 3 แล้วเราก็ต้องถ่ายซีนกรุงเทพ ฯ กันทั้งวัน คืนนั้นพอกินข้าวเย็นเสร็จกำลังจะกลับที่พัก ตากล้องก็บอกให้เรานั่งตุ๊ก ๆ แล้วฉันนั่งอยู่ในคันนึง ที่เหลือนั่งด้วยกัน แล้วเราบอกให้พี่คนขับขับใกล้ ๆ กันจะได้ถ่ายได้ แล้วถนนกรุงเทพ ฯ มันรถขับกันน่ากลัวอย่างนั้นอะ ฉันรู้สึกว่าจะตายได้ในทุก ๆ เสี้ยวนาทีเลยค่ะ (หัวเราะ) แต่ผลลัพธ์คุ้มค่านะคะ ไฟบนตุ๊กตุ๊กสวยมาก ตอนเราเลือกรูปธัมบ์เนล เพื่อนฉันชอบอันนั้นมาก แต่เราคิดว่าคนดูจะต้องคิดว่ามันเป็น MV แบบไซเบอร์พังก์แน่ ๆ เราก็จะหลอกคนดูให้เข้ามาดูกันค่ะ (หัวเราะ)
ใน MV ได้นั่งรถไฟด้วย แล้วตอนมาที่ The COSMOS ก็นั่งแกร๊บมาด้วย คิดว่าชอบอะไรที่สุด
ก็คงต้องเป็นตุ๊กตุ๊กแหละค่ะ ขึ้นง่าย ลงง่าย อันตรายแต่ก็สนุกดี ซิ่งฝ่านรก (หัวเราะ)
หลังจากการแสดงที่ LUCFest แล้วรู้สึกว่าได้อะไรกลับมาบ้าง
อันนั้นเป็นโชว์แรกในฐานะศิลปินเดี่ยวของฉันค่ะ ตอนมีวงพวกเราเล่นกันมาประมาณ 30 โชว์ที่ไต้หวัน แต่ที่ LUCFest ฉันได้เล่นเพลงที่ฉันแต่งเองเพลงครั้งแรก ดังนั้นก็เลยชอบมันมาก ๆ ค่ะ ฉันชอบที่จะได้แสดง ได้เห็นคนดูสนุกแล้วก็โยกไปกับเพลงของฉัน เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ อยากจะขึ้นโชว์อีกหลาย ๆ รอบที่ไหนก็ได้ไปให้ทั่วโลกเลยค่ะ เป้าหมายของฉันเลย
แล้วงานที่ Bangkok Design Week ล่ะ
โห กรุงเทพ ฯ คะ พวกคุณมีคนดูที่เจ๋งที่สุดเลยค่ะ ฉันมั่นใจว่า 90% ของคนที่มาดูไม่รู้หรอกว่าฉันเป็นใคร แต่ว่าทุกคนเอาใจช่วยมาก ๆ ตบมือ ส่งเสียงกรี๊ด น่ารักมาก ฉันสนุกมาก ๆ เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ แล้วก็สถานที่จัดก็พิเศษมาก ๆ ด้วย (อาคารไปรษณีย์กลาง) เขาบอกว่าข้างบนเป็นห้องสมุด ฉันอยากจะขึ้นไปดูนะแต่ยังไม่มีเวลา คิดว่าเดี๋ยวจะลองไปดูค่ะ แล้วทีมผู้จัดก็จัดงานดีด้วย รู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ได้มาเล่นที่งานนี้ค่ะ
ฝากอะไรถึงแฟน ๆ หน่อย
ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีที่นี่ ฉันมีความสุขมาก อยากจะกลับมาให้ได้อีกบ่อย ๆ เลยค่ะ แล้วถ้าอยากรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ เพลงใหม่จะปล่อยเมื่อไหร่ โชว์ครั้งหน้าจะเกิดขึ้นตอนไหน ไปฟอลโลว์ที่อินสตาแกรม @vo.andr หรือเซิร์ชแค่ ANDR เดี๋ยวก็เจอค่ะ
อ่านต่อ
LUCfest 2023 วันแรก ลุยไถหนาน เก็บวงเจ๋ง ๆ พร้อมไปเชียร์ LEPYUTIN ติดขอบเวที
อิ๊ก นักเขียนสายดนตรีที่เกือบจะต้องวางมือ แต่คงหนีไม่พ้นเพราะยังอยากพูดถึงวงและเพลงดี ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ