The Crane กับโชว์ครั้งแรกในไทย ที่งาน Monster Music Festival นั้น ยังตราตรึงเราอยู่เลยแม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว อีกหนึ่งศิลปินที่กำลังมาแรงสุด ๆ ในเอเชีย กับดนตรี alternative r&b และสไตล์การแร็ปที่ทรงพลัง การผสมผสานที่ลงตัวของดนตรีตะวันออกและตะวันตกทำให้เพลงของเขามีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด
เป็นอีกปีที่งานเฟสติวัลระดับประเทศของไทย ยังมีโชว์เจ๋ง ๆ จากศิลปินต่างประเทศแทรกอยู่ในไลน์อัพให้เราลองไปค้นพบด้วยตัวเอง แม้จะไม่รู้จักหรือเคยฟังมาก่อน แต่การเปิดใจเพื่อไปดูโชว์ของพวกเขาเลย ก็อาจจะเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของการไปเฟสติวัลด้วย ซึ่งเราอาจได้พบกับวงโปรดวงใหม่ของเราก็ได้
ทีมคอสมอสได้มีโอกาสไปดูโชว์ของเขาในงาน Monster และอยากเก็บบรรยากาศโชว์ของเขามาถ่ายทอดให้ทุกคนอ่าน ว่าทุกคนพลาดอีกหนึ่งโชว์ที่ดีในงานนี้ไปได้ยังไง
2 พฤศจิกายน 2567
เวลา 5 โมงหลังจากยืนดู KIKI และ H3F ไปแล้ว เราก็ยังนั่งรอโชว์ต่อไปอย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่ Ground Stage ซึ่งคิวเรตวงในโซนนอกกระแสเจ๋ง ๆ มาให้เราดูทั้งวัน เรียกว่าแคมป์อยู่เวทีเวทีเดียวเลยก็ได้อยู่
หลังจากบนเวทีเตรียมตัวเสร็จ intro บีทหนึบ ๆ ของเพลง Limo ก็ขึ้นมา พร้อมไลน์กลองมัน ๆ เรียกร้องความสนใจจากทุกคน เพราะ The Crane ก็วิ่งออกมาทักทายทุกคนอย่างกระฉับกระเฉง ก่อนซัดไรม์แร็ปเท่ ๆ ทันที กับจังหวะ r&b ที่เท่ไม่หยอก ท่อนฮุกที่ขับอารมณ์โกรธเกรี้ยวออกมาได้อย่างรุนแรง ก่อนจะตัดจบอย่างเท่
ต่อด้วย Unique Design บีทกับลูกกลองเข้ากันได้อย่างดี พร้อมสไตล์การร้อง r&b เข้ม ๆ สายตาและการสื่อสารของเขาบนเวทีคือเย้ายวนใจสุด ๆ ท่อนฮุกที่มีเสน่ห์ชวนใจละลาย ลูปดนตรีที่เพลินจนเราต้องโยกตัวตาม สลับจังหวะมาเป็นเพลงนุ่ม ๆ บ้างกับ Natural Ability เป็นเพลงแรกจากอัลบั้มเต็ม ซึ่งดนตรีคือน่ารักมาก ได้โอกาสโชว์สกิลร้องบ้างซึ่งเขาก็ทำได้น่าฟัง ถ่ายทอดอารมณ์ได้ถึงใจ ท่อนแอดลิบเองก็เท่เอาเรื่อง
ก่อนจะสลับมา Take Your Time ที่เราชอบมาก กับการแร็ปสไตล์ old school ที่โคตรเทิ้น ท่อนฮุกที่จังหวะติดหูจนเราเผลอโยกไหล่ตาม ก่อน The Crane จะชวนทุกคนโบกมือตาม คนไทยก็ให้ความร่วมมือกันดีมาก สร้างไวบ์ที่โคตรเจ๋งขึ้นมาได้ไฮป์มาก
เขาเองก็ใช้โอกาสนี้พูดคุยกับคนดูนิดหน่อย ว่านี่เป็นโชว์แรกในไทยของเขา ดีใจมากที่ได้มาไทย ในงานมีเวทีเยอะมากแต่ทุกคนก็เลือกที่จะอยู่กับเขาในตอนนี้ ซึ่งเขาก็ขอบคุณทุกคนพร้อมขอเสียงให้ตัวเองหน่อย คนดูก็ส่งเสียงเชียร์กันเต็มที่
ก่อนจะเข้าบีทหนึบ ๆ ของ I Love You More (than adore) กรูฟก็คือได้ใจมาก ผสมกับการร้องที่เข้าถึงอารมณ์ ท่อนฮุกที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างดี PRINCESS เป็นอีกเพลงที่สะกดเราได้ตั้งแต่ท่อนแรก ไรม์ที่เรียบเรียงมาอย่างดี pre-hook ที่โชว์เสียงทรงพลังกับท่อนฮุกที่รัวคำแร็ปได้อย่างเร้าอารมณ์ ก็ทำให้เราตื่นตามาก
ได้โอกาสเขาก็ขอแนะนำตัวอีกที เพราะมีคนดูเข้ามาเพิ่ม (หัวเราะ) พร้อมอธิบายว่าผมชอบทำเพลงมากและมักเขียนเพลงกับเปียโน สไตล์เพลงของเขาเป็น r&b ทำทั้งภาษาอังกฤษและแมนดาริน ต่อให้ฟังไม่ออกก็น่าจะสนุกกับเพลงของเขาได้เหมือนกัน
ก่อนจะพูดเข้าเพลงต่อไปว่า เขาไม่ใช่คนญี่ปุ่นแต่ชอบกินราเม็งมาก วันนึงเขาอาจเขียนเพลง Pad Thai Girl ให้ทุกคนนะ แล้วบีทนุ่ม ๆ ของ Ramen boy กับคำร้องที่เร้าโรมเราอย่างเบามือ ถ่ายทอดอารมณ์เซ็กซี่ได้อย่างเข้าถึงมาก กับการพูดถึงรักครั้งเก่าที่ยังลืมไม่ได้ ท่อนโซโล่ที่ผสมซินธ์เข้ากับกลองที่หนักหน่วงท่ามกลางบีทเหงา ๆ มันให้เพลงนี่ตราตรึงเอาเรื่องเหมือนกัน
The Crane ก็เล่าต่อว่าเพลงต่อไปที่จะเล่นคือเพลงที่เพิ่งปล่อยไป และคิดว่าจะได้ปล่อยเพลงต่อ ๆ ไปจากอัลบั้มใหม่เร็ว ๆ ด้วย และบอกว่าเพลงนี้ชื่อ DISEASE เสียงซินธ์แหลมบาดใจ กับเสียงผิวปากทำให้มันเพลิดเพลินอย่างน่าประหลาด มีกลิ่นอายของร็อก 90 นิด ๆ ท่อนโซโล่ที่เขาก็เต้นตามอย่างเข้าถึงอารมณ์ พร้อมไรม์แร็ปที่พุ่งพล่านในท่อน bringe เองก็ทรงพลังมาก ๆ จนเราจำเพลงนี้ได้ขึ้นใจ
ก่อนจะเข้าเพลงสุดท้าย เขาก็แนะนำสมาชิกอย่างเป็นกันเอง และกว่าเราจะรู้ตัวอีกที ก็มีคนเข้ามาอยู่หน้าเวทีเพิ่มขึ้นเยอะมากจากเพลงแรกแล้ว Don’t Mind เองก็ยังคงดึงดูดเราด้วยลูปบีทแน่น ๆ ไรม์แร็ปและน้ำเสียงยั่วยวนใจสุด ๆ เขายังคงถ่ายทอดอารมณ์ผ่านเสียงร้องและลีลาออกมาได้เข้าถึงอารมณ์เหมือนเดิม
แม้โชว์ครั้งนี้ The Crane พามาแค่มือกลองและ DJ อีกคน แต่ด้วยความสามารถและเสน่ห์ของเขาบนเวทีก็ช่วยให้โชว์ดูน่าติดตาม แต่ละเพลงที่เขาได้โชว์เสียงร้องเองก็ทำให้ตราตรึงอยู่กับเสียงของเขาได้ทุกครั้ง เสียดายแทนคนที่ไม่ได้ดูโชว์ของเขาจริง ๆ จากประสบการณ์ที่ได้ดูศิลปินจากไต้หวันมา บอกเลยว่าแต่ละวงที่ดูล้วนมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนวงไทยเลย และเป็นโอกาสดีที่จะได้รู้จักซาวด์แบบใหม่ ๆ จากงานนี้ หวังแค่ว่าเขาจะยังอยากตามหาแฟนเพลงชาวไทยเพิ่มและทำการตลาดในไทยมากกว่านี้ด้วย
ติดตาม The Crane ได้ที่ Facebook และ Instagram
ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา