วันฮาโลวีนปีนี้ หลายคนอาจออกไปหากิจกรรมอะไรสนุก ๆ ทำกัน แต่แฟนเพลง Salad มีนัดกันที่ร้าน CD COSMOS เพื่อไปร่วมปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่จัดขึ้นเพื่อเปิดตัวอัลบั้มแรกของพวกเขาอย่างเป็นทางการในชื่อ 21th Century In A Nutshell อัลบั้มที่รวบรวมสำเนียงร็อกที่หลากหลาย พร้อมขายไวนิลอัลบั้มนี้เป็นงานแรกสำหรับแฟน ๆ โดยเฉพาะ นอกจากการได้ฟังเพลงเกือบทุกเพลงในอัลบั้มแล้ว พวกเขายังทำโชว์พิเศษมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้สมกับชื่องานว่า ‘Unplugged In A Nutshell Listening Party’
31 ตุลาคม 2567
หกโมงครึ่งประตูเปิด คนก็ค่อย ๆ ทยอยมากัน ร้านก็ตกแต่งด้วยเส้นไฟสีขาวไปทั้งเซ็ต ได้อารมณ์บาร์ใต้ดินที่ชูสีแดงกับน้ำเงินฉายบนกำแพงเป็นหลัก พอทุ่มครึ่งวงก็เริ่ม listening party กันเลย ด้วยการเปิดอัลบั้ม 21th Century In A Nutshell ผ่านไวนิลให้ทุกคนได้ลองฟังทุกเพลงก่อน แต่บอกเลยว่าแอบโกงนิดนึงเพราะเครื่องเสียงในร้านมันดีมากเลย ทุกเพลงเลยเข้าหูสุด ๆ
หลังจากครบ 27 นาทีเป๊ะ Salad ก็เข้าเซ็ตเตรียมโชว์ทันทีแบบไม่รอช้า Introlude ที่หนักหน่วงและ slow burn ถึงใจก็ค่อย ๆ วอร์มคนดูไปเรื่อย ๆ แล้วประเดิมด้วย Too Good To Be True ที่ฟังแล้ว เวอร์ชั่นนี้มันหวานอมขมกลืนถึงใจมาก จิน ฟรอนต์แมนของวงก็ขอบคุณทุกคนที่มาวันนี้ พร้อมจัด Fruity Love ต่อเลย ซาวด์คลีน ๆ ไม่มีก้อนหรืออะไรมาสร้างความหวือหวา กับให้อารมณ์ที่หนักหน่วงแต่นุ่มนวลกว่าเดิมอย่างน่าประหลาด
จินก็ถามอีกว่าใครฟังเพลงในอัลบั้มใหม่แล้วบ้าง ทุกคนก็ส่งเสียงเชียร์พร้อมกัน จินจึงขอแนะนำสมาชิกในวงก่อนจะไปต่อกับ A Cubicle Girl ที่มีกลิ่นของความร็อกแอนด์โรลสุด ๆ ไปเลย แล้วเล่นกันสุดเหวี่ยงอยู่ Cordyceps อีกหนึ่งเพลงที่สนุกที่สุดในอัลบั้มนี้เลย พร้อมอิมโพรไวส์ intro เข้าไปอีกให้ได้อารมณ์มากขึ้น
ก่อนจินจะเล่นตัวเองว่า ปกติวงไปเล่นไม่ค่อยพูด แต่วันนี้พูดเยอะมาก (หัวเราะ) เพราะแอลกอฮอล์กำลังเข้าเส้นเลย พร้อมจัด Black Mirror ที่นวดเรายับด้วยกีตาร์ กลอง เบส พร้อมท่อนสาดที่ถึงใจ
หลังจากจบเพลง จิน จึงใช้โอกาสนี้ที่มีแต่แฟนเพลงของวง เล่าให้ฟังว่าคนในวงมีอายุพอสมควร เลยตีความซาวด์ของศตวรรธที่ 21 ในแบบของพวกเขา ทำให้เห็น generation gap ของยุคจริง ๆ มันอาจจะทำให้รู้สึกว่า Salad แนวเพลงเปลี่ยนไป แต่วงถือว่าความซื่อสัตย์ของศิลปินอยากเล่ายังไง ก็เล่าออกไปเลย อย่างจริงใจ
พร้อมบรรเลง CVC ที่ก็ยังทรงพลังเหมือนเดิม จินพูดติดตลกว่า เพลงนี้เหมาะกับเหตุการ The Icon เลย พร้อมเตือนทุกคนว่าอย่าโลภเลยครับ ก่อนจะเล่น Tangerine Dream จาก EP แรกเป็นอีกเพลงที่เราชอบมาก ซึ่งเวอร์นี้ก็ยังเก็บอารมณ์หม่น ๆ เหล่านั้นไว้ได้ครบเลย ปกติเสียงกีตาร์จะบาดลึก แต่อันนี้กลับหนักหน่วงและโบยตีเราอย่างบอบช้ำ
มาถึงเพลงต่อไป จินบอกว่ามีความสำคัญมาก ๆ กับวงเพราะเขียนให้ พี่เก่ง co-founder ของค่าย NewEchoes ที่พวกเขาอยู่ จึงเขียนเพลง Ken’s Song ขึ้นมา สะเทือนใจทุกคนในร้านได้อย่างหนักหน่วง เราเองก็เผลอน้ำตารื้นไปด้วยเหมือนกัน
ก่อนบรรยากาศจะเศร้าไปกว่านี้ วงเลยพูดติดตลกว่าจริง ๆ จะจบแล้ว แต่อยากเล่นให้ฟังอีก 4 เพลงดีกว่า พร้อมจัด The Ferris Wheel ที่เท่เหลือหลาย แล้วบอกให้ กร มือกลองของวงได้โชว์โซโล่กลอง ก่อนจะเข้าอิมโพรไวส์ที่เราเคยฟังในโชว์ก่อน ๆ ได้อย่างโหด แม้เป็นเวอร์ชั่นนี้ก็ยังหนักหน่วงเหมือนเดิม จังหวะท่อนดรอปก็ไฮป์ได้ที่ ทุกคนต่างก็ตบมือตามจังหวะไปด้วยอย่างเมามัน ต่อด้วย Another พร้อม
ก่อนวงจะทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้าชอบเพลงของพวกเราก็อุดหนุนไวนิลได้ แต่คนดูก็ไม่ยอมไป อยากให้เล่นอีก จินเลยบอกว่าจะสปอยเพลงใหม่นิดนึง ซึ่งยังไม่มีแม้แต่ชื่อเพลง ซึ่งกีตาร์เองก็พิศวงกว่าที่คิดมาก มีท่อนสับจังหวะทุกชิ้นที่ดุดัน ก่อนจะตัดจบไปในช่วงพีค
หลังจากเล่นเสร็จ วงก็อยู่คุยกับแฟนเพลงทุกคน ซึ่งหลายคนก็จับจองไวนิลเพื่อให้วงมาเซ็นต์อย่างเป็นกันเอง เป็นงานปาร์ตี้ที่อบอุ่นสุด ๆ Salad เซ็ตคลีน ๆ แบบนี้ก็ให้อารมณ์ที่เจ๋งไปอีกแบบเหมือนกัน อย่างน้อยเสียงไม่ดังเกินไปสำหรับร้านแบบนี้ (หัวเราะ) แต่ต่อให้เป็นเซ็ตเต็มก็น่าจะฟินเหมือนกัน เสียดายที่เขาไม่ได้เล่นเพลง Dunsan อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเล่นสดจะเป็นยังไง
ส่วนใครชอบอัลบั้ม 21th Century In A Nutshell ก็ไปกดไวนิลมาสะสมได้ ติดตามความเคลื่อนไหวที่เพจของวงได้เลยที่ Facebook และ Instagram
ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา