Safeplanet Departure Concert ไม่เหมือนคอนเสิร์ตไหน ๆ ในหลาย ๆ ความหมาย นอกจากเซ็ตลิสต์ที่อธิบายการเติบโตของวงเอง รวมถึงโปรดักชั่นแสงสีเสียงยังจัดเต็มด้วยคอนเซปต์ของความไซไฟตระการตา แต่มันยังเป็นค่ำคืนสำคัญที่เต็มไปด้วยความหมายสำหรับแฟน ๆ เพราะนี่เป็นโชว์สุดท้ายของ ยี่ ในฐานะมือเบสคนสำคัญของวง ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำตามความฝันส่วนตัวหลังร่วมสร้างสรรค์ผลงานมากว่าสิบปี บรรยากาศในฮอลล์จึงอบอวลไปด้วยความสนุก และสายสัมพันที่วงและแฟนเพลงมีต่อกันและกัน
ทีมคอสมอสได้รับเชิญให้ไปร่วมงานและถ่ายทอดรอยยิ้มและคราบน้ำตาของคอนเสิร์ตครั้งนี้ มาให้ทุกคนอ่านอีกครั้ง เราขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่าคงไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกอันอบอุ่นและการจากลาในคอนเสิร์ตออกมาเป็นตัวอักษรไว้ได้ทั้งหมด แต่บอกเลยว่านี่คือคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดของวง Safeplanet เลยทีเดียว
28 กันยายน 2567
เรามาถึงตอน 6 โมงครึ่ง คนก็กำลังทยอยเข้าฮอลล์กันเรื่อย ๆ ด้วยข้อจำกัดของสถานที่กับจำนวนคนเราก็เข้าใจที่มันจะจัดการแถวได้ยากหน่อย แต่ชาวเซฟก็ไม่ได้บ่นอะไรค่อย ๆ ต่อแถวเข้าฮอลล์กันไป แถวแลกบัตรก็เยอะด้วย เลยไม่ช้าเท่าไหร่ ข้างในก็มีแถว merchaindise อีกอันที่คึกคักมาก เรามาถึงของก็หมดไปหลายอย่างแล้วเหมือนกัน แข่งกันกับแถวเบียร์ฝั่งตรงข้าม แต่เราตรงดิ่งเข้าฮอลล์ไปเลย
งานเรทนิดหน่อย แต่เข้าใจว่าเพื่อให้คนเข้าฮอลล์กันได้ครบทุกคน โดย interlude โชว์ก็ออกแบบไฟได้ไซไฟสุด ๆ โดยหยิบความเป็นเอ็มวีตัวล่าสุดมาใช้ Safeplanet ทั้งสามก็ค่อย ๆ เดินขึ้นมา เวทีถูกแบ่งเป็น 3 ห้องตามตัวตนของทั้งสามคน ราวกับเป็นยานอวกาศ ห้องยี่ซ้ายสุด(จากมุมคนดู)จะดู cozy หน่อย เก๋ ๆ ชวนผ่อนคลาย ห้องดอยฝั่งขวาก็จะเขียว ๆ ป่า ๆ ชวนสดชื่นพร้อมนกแก้วเจ้าประจำ ห้องเอตรงกลางก็จะกึ่ง ๆ homeoffice ดูจริงจังแต่ยังแฝงความขี้เล่นด้วยตัวการ์ตูน
ก่อนวงจะประเดิมด้วยด้วยเพลงแรก เหมือนวอร์มทุกคนให้พร้อมก่อน ต่อด้วยจังหวะกลองสนุก ๆ ของ โอยา ขึ้นมาก็เรียกเสียงกรี๊ดได้ทันที ทุกคนก็ตะโกนตามว่า “โอยา…โอยา” ก่อนจะย้อมทุกห้องด้วยสีแดงเย้ายวน ด้วยไฟในห้องแต่ละห้อง ซึ่งก็ออกแบบไลท์ติ้งตามโคมไฟอะไรได้น่ารักดี ยี่ก็ใช้สกิลนิ้วโชว์ไลน์เบสเท่ ๆ หน่อย ก่อนเอจะเติมด้วยไลน์กีตาร์น่ารัก ๆ ดอยก็ซักจังหวะอบอุ่นด้วยกลองต่อ ขับกล่อมแฟนเพลงด้วย ดวงตะวัน ทุกคนก็ตะโกนตามตั้งแต่ฮุกแรก
จบไปสามเพลง เอก็เพิ่งทักทายทุกคนซึ่งวงก็ตื่นเต้นมาก ขอเสียงปรบมือทุกคนก็ให้ความร่วมมือสุด ๆ พร้อมขอบคุณทุกคนที่มาแถมยังซื้อเมิร์ชกันด้วย ยี่บอกว่าอยากจัดคอนเสิร์ตนี้มานาน ตอนแรกจะจัดงานเล็กกว่านี้แต่โอกาสนี้เข้ามาพอดี ดอยอธิบายว่าอยากจะให้ทุกคนเห็นว่าตอนเราทำเพลงกันเองจนพบซาวด์ของวงบรรยากาศมันเป็นยังไง โดยบอกว่านี่คือเซ็ต Original Sound of Safeplanet
ก่อนจะจัด ระบาย ที่ทั้งสามกล่องก็กลายเป็นแดงเขียวน้ำเงินตามลำดับ หลังจากนั้นยี่กับเอก็มารวมกันที่กลองดอย และก็แจมกันอย่างมัน โดยสลับจังหวะดนตรีไปเรื่อย ๆ อย่างเข้าขา ยี่จัดไลน์เบสเท่ ๆ ระหว่างกลับมาประจำตำแหน่งพร้อมกับเอ พร้อมเล่น ตัดสินใจ ขึ้นมา เป็นอีกหนึ่งเพลงที่เราชอบมาก ซึ่งทุกคนก็ตะโกนร้องตามพร้อมโยกกันทั้งฮอลล์
ดอยเล่าว่าเมื่อกี้คือเพลงอัลบั้มแรก ส่วนบั้มสองเราพยายามหาซาวด์ใหม่ ๆ ช่วงโควิด ได้ทดลองทำอะไรมากขึ้น เอบอกว่าเพลงต่อไปอยากให้เพลงมีมีบันลาดเปียโน แต่จะเล่นเวอร์ชั่นพิเศษให้ฟัง พร้อมร้อง ปล่อยมือ ออกมา เรียกเสียงกรี๊ดมากมาย ซึ่งครึ่งแรกใช้เสียงเปียโนอย่างเดียวจนดึงอารมณ์ออกมาได้ดี ท่อนสองที่ดนตรีเข้ามาเต็ม ทุกคนก็ตะโกนร้องตามทั้งเพลงที่เหลือเลย ต่อด้วยจังหวะกลองเข้ม ๆ ของ วันที่สวยงาม ที่เล่นไฟจัดเต็มมาก ๆ ต่อด้วย กอดความเจ็บช้ำ เลยแบบไม่ปล่อยให้แฟน ๆ หยุดร้องตาม
ซาวด์สังเคราะห์ค่อย ๆ สร้างบรรยากาศลึกลับ ก่อนห้องของทั้งสามคนจะค่อย ๆ ยกตัวขึ้น เรียกเสียงกรี๊ดและจอมือถือขึ้นมาเพียบ พร้อมจัดเพลง ห้องกระจก ที่สนุกมาก โดยเฉพาะฮุกสุดท้ายที่ทุกคนก็ส่งพลังคืนให้วงกันสุดเสียง บนห้องยกสูง เอ ก็บอกว่ามุมนี้คือเห็นคนดูสวยงามมาก พร้อมขอเสียงให้ยี่หน่อย ซึ่งทุกคนก็กรี๊ดกันสุดเสียง
ก่อนจะบรรเลงไลน์กีตาร์นุ่ม ๆ แล้วกระชากด้วยกลองเข้าเพลง Daydream ระหว่างนั้นห้องทั้งสามก็สลับลำดับขึ้นลงไปมา สร้างความตื่นตาให้โชว์เพลงนี้สุด ๆ วงไม่ให้เสียเวลาเล่น ไม่เคยรู้ เพลงใหม่ล่าสุดต่อเลย ส่วนตัวรู้สึกชอบทิศทางใหม่ของวงเหมือนกัน เอามาเล่นสดแล้วโคตรเท่ หลังจากนั้น ยี่ก็ทักทายทุกคนอีกครั้ง พร้อมขอบคุณทุกคนที่ชอบเพลงนี้ เอก็ขอบคุณคนฟังทุกคนที่ทำให้คอนเสิร์ตนี้เกิดขึ้นได้ พร้อมบอกว่าเพลงต่อคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้มีแฟนเพลงเยอะขึ้น ชวนร้องเพลงนี้รอบสุดท้ายไปด้วยกัน
ก่อนจะขึ้น intro คำตอบ ที่ทุกคนกรี๊ดเลย ก่อนจะปล่อยวิชวลออกมาเพื่อบิ้วเข้าเพลง สิ่งที่เธอฝากไว้ ด้วยเวิร์ดดิ้งเท่ ๆ พร้อมใช้จอยิ่งวิชวลได้สวยงามมาก ผสมไลท์ติ้งสนุก ๆ ไฮป์แฟนเพลงได้ดีมาก ต่อด้วย ทุกสิ่ง ซึ่งเปิดวิชวลคนสีเขียวเต้นไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเป็นสมาชิกทั้งสามร่างยักษ์พร้อมยิงเลเซอร์จากตา พร้อมพลุระเบิดมาแบบไม่ตั้งตัว ปิดเพลงอย่างตื่นเต้น
แล้วบนเวทีก็มืดสนิท อยู่ดี ๆ ก็มียานอวกาศโผล่มากลางฮอลล์ ส่องแสงสีรุ้งไปทั่วฮอลช์ พร้อมยิงเลเซอร์ไปมาตามคีย์ดนตรีเรียกความสนใจของทุกคนให้หันไปกลางฮอลล์ ก่อนจะมีเลเซอร์บีมส่งทั้งสามคนลงเวทีกลางฮอลล์ พร้อมเพลง แสงสว่าง ที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้สวยงามมาก
ยี่ก็อธิบายว่านี่คือ mini stage ของวง เอเสริมว่าเวทีนี้ได้ใกล้ชิดกับแฟนเพลงมาก ก่อนดอยจะบอกว่าเหมือนรวมญาติที่ทุกคนใส่เสื้อ safe มาเจอกัน แล้วจัด ถ้าเธอได้รู้ ที่เวอร์ชั่นนี้ก็น่ารักดี ลดกลองลงและเน้นอารมณ์มากขึ้น ซึ่งทุกคนก็ช่วยร้องตามทั้งเพลงเหมือนเดิม ต่อด้วย อย่างน้อย ที่ลีดด้วยกีตาร์โปร่ง ลดรูปลงจนได้ฟีลที่แตกต่างไปเลย ท่อนสุดท้ายก็เติมกลองเข้าไปอีกนิดให้มันกลมกล่อม
เพลงต่อไป เอเล่าว่าแต่งเพลงนี้ช่วงโควิด เป็นช่วงที่ท้อสุด ๆ เพราะคิดว่าอาจไม่ได้เล่นดนตรีแล้ว แต่อย่างน้อยเราก็เคยมีความหมายกับทุกคน ซึ่งสุดท้ายก็ได้กลับมาเจอกับทุกคนเหมือนเดิม เพลงต่อไปนี้ก็มอบให้ทุกคน เพราะเชื่อว่าทุกคนต้องต่อสู้กับแรงกดดันมากมาย ก่อนจะบรรเลงกีตาร์เพลง Youth ขึ้นมา ต่อด้วย เพียงเธอ ที่เสียงร้องก็คือกระหึ่มฮอลล์เหมือนกัน
แล้วเวทีเล็กดับไฟลง จอบนเวทีใหญ่ก็ขึ้นฟุตที่วงได้ไปเล่นที่ต่าง ๆ ขึ้นมามากมายล้อไปกับเสียงแฟนเพลงตะโกนว่า Safeplanet หลังจบงาน ทั้งสามคนก็ขึ้นเวทีไปประจำตำแหน่ง ก่อนจะระเบิด intro เท่ ๆ ของเพลง พริบตา พร้อมเวทีที่ยกขึ้นอีกรอบ ต่อด้วยฟังก์กรูฟมัน ๆ ของ ในเมื่อใจ ที่อัพบีทขึ้นมาหน่อย วิชวลแสงสีระยิบระยับกับท่อนฮุกที่กระตุ้นให้ทุกคนตะโกนตาม เพลงนี่เลยลงตัวสุด ๆ
เอก็ชวนคุยอีกด้วยการถามว่าทุกคนโอเคมั้ย แต่ทุกคนก็บอกเมื่อย ซึ่งดอยก็ชวนทุกคนเต้นเพลงต่อไปเพื่อส่งน้องยี่ ซึ่งระหว่างกำลังจะเข้าเพลงต่อไปก็มีคนเป็นลมขึ้นมา แต่วงก็เทคแอ็คชั่นเร็วมาก รีบหยุดเล่นและเปิดไฟให้ทีมงานมาช่วยทันที แล้วทุกคนก็ได้สนุกกับ ไม่เคยเปลี่ยน ต่อ ซึ่งวิชวลก็มีสีสันตระการตาเหมือนกัน
เอบอกถึงคอนเสิร์ตจะมีสปอนเซอร์แต่วงก็ทำกันเองเกือบทั้งหมดกับทีม Saturate ที่ร่วมงานกันมาตลอด แต่ทั้งหมดคือเงินของแฟนเพลงทุกคน พร้อมขอบคุณแฟนเพลงที่ช่วยจัดงานนี้ขึ้นมา พร้อมบอกว่าเพลงต่อไปทุกคนช่วยชุบชีวิตมันกลับมา เพลงปล่อยไป 3 ปีแล้ววงชอบมาก แต่ทุกคนทำให้กลับมา ยี่ชวนปรบมือตามจังหวะ intro ก็แกรนสุด ๆ ข้างกาย
ก่อนเอจะขอเอาใหม่เพราะเท้าไปโดน pre-set แถมแซวไปถึงงาน YEW ที่ขอใหม่ได้ เราก็ขอใหม่ด้วย เรียกเสียงปรบมือและกรี๊ดจากทุกคนแก้เขินกันไป แล้วก็เล่นเพลงนี้ได้อย่างดีเหมือนเดิม
มาถึงช่วงสำคัญ ยี่แกล้งแซวว่าขอไปหาเอได้มั้ย เอก็ตอบติดตลกว่าประตูไม่ได้ล็อก ทั้งสามคนก็มารวมกันที่ห้องเอ พร้อมเกริ่นเลยว่าไม่เศร้านะ ๆ ก่อนจะขอบคุณสปอนเซอร์ทุกคน พร้อมขอบคุณทีมงานทุกคนทุกภาคส่วนเลย ให้เครดิตกันเต็มที่มาก น่ารักมาก ๆ พร้อมขอบคุณแฟนเพลงทุกคนที่มาส่งน้องยี่เป็นครั้งสุดท้าย ขอเสียงปรบมือให้แฟนเพลงทุกคน
เอกับดอยก็เล่าให้ทุกคนฟังว่า ดอยกับยี่เรียนดนตรีเชียงใหม่ด้วยกัน จนเอกับดอยทำวงด้วยกันแล้วแตกพอดี แต่มีเดโมอยู่ชุดหนึ่งเลยชวนยี่มาซ้อมเพลงด้วยกัน ตอนนั้นมี กล่องดำ, โอยา และ ระบาย ซ้อมกันครั้งเดียวยี่ก็ตกลงคำชวนเข้าวงเลย ซึ่งครบ 10 ปีพอดี ก็อยากให้ยี่ไปตามทางของตัวเอง เชื่อว่าทุกคนจะซัพพอร์ตกันต่อไป ซึ่งดอยก็ร้องไห้ก่อนเลย ทำเอาแฟนเพลงทุกคนน้ำตาแตกไปตาม ๆ กัน
ยี่ก็ขอบคุณทุกคนที่มาส่งกัน เป็นการจากลาที่สวยงามที่สุด ขอบคุณที่พาสามคนมาไกลขนาดนี้ถ้าไม่มีแฟนเพลง พร้อมขอบคุณเอกับดอยที่ชวนเข้าวง เขาเองมีความสุขที่ได้เล่นดนตรีด้วยกันมาตลอด อวยพรให้พายานลำนี้ไปได้ไกลกว่านี้ พร้อมจะไปเชียร์ทุกงาน ดอยยืนยันว่าจะทำ Safeplanet ต่อไป
เอชวนมาร้องเพลงส่งท้าย กับ ดินแดน ที่ทรงพลังมาก ๆ ท่อนฮุกก็คือกระแทกอารมณ์สุด ๆ พร้อมทุกคนก็เปิดแฟรชมือถือสร้างทะเลดาวกันอย่างพร้อมเพียง โดยมีโปรยกระดาษรูปดาวกับยานอวกาศลงมา ปิดคอนเสิร์ตไปอย่างสวยงาม พร้อมถ่ายรูปรวม เอบอกว่ารอบหน้าจะไปที่ใหญ่กว่านี้แน่นอน
ถึงงานเลี้ยงจะมีวันเลิกรา แต่เราก็กลั้นน้ำตากับความเปลี่ยนแปลงไว้ไม่ได้ทุกครั้ง เราเองอาจไม่ได้เป็นเซฟบอยแต่พอได้ไปยืนอยู่ตรงนั้นก็แอบน้ำตาคลอเหมือนกัน นึกไม่ออกเลยว่าแฟนเพลงที่เรียกตัวเองว่าเซฟบอยเซฟเกิร์ลจะรู้สึกยังไง แต่เราเข้าใจทุกคน ไม่ว่า ยี่ จะไปทำวงไหนต่อก็พร้อมฟัง ส่วน Safeplanet ที่มีกันสองคนก็อาจจะดึงซาวด์ใหม่ ๆ ออกมาได้เหมือนกัน ก็ติดตามกันต่อไป ช่วยติดตามทั้งสามคนต่อไปด้วยน้า
ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา