หลังจากอัลบั้ม ‘The Greng Jai Piece’ ออกมา Phum Viphurit ก็ประกาศทัวร์ต่างประเทศรัว ๆ ทันที ทำให้เราแอบเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะมาไทยซักทีน้า ฮา
ซึ่งก่อนหน้านี้ The COSMOS ได้คุยกับภูมิในสัมภาษณ์ นั่งฟัง The Greng Jai Piece ทีละเพลงไปพร้อม Phum Viphurit และพูดคุยถึงความฝันอันเรียบง่ายในฐานะคนรักดนตรี ซึ่งทำให้เรายิ่งรักอัลบั้มใหม่ของเขามาก ๆ โดยที่ก็แอบถามในสัมภาษณ์ครั้งนี้แล้ว แต่ภูมิก็ไม่บอกนะว่าจะมีงานนี้ ตอนปล่อยโปสเตอร์คือดีใจสุดขีด
ที่น่ายินดีคือประกาศวันแรกแล้วบัตรก็ขายหมดภายในเวลารวดเร็ว แถมทนกระแสเรียกร้องไม่ไหวจนต้องประกาศวันที่สองตามมา และบัตรก็หมดอย่างไวเหมือนเดิม ทำให้เห็นว่าเขาเป็นที่รักของทุกคนแค่ไหน บอกเลยว่าเป็นอีกวันที่พิเศษมาก ๆ สำหรับแฟนคลับภูมิจริง ๆ อย่ารอช้า มาต้อนรับภูมิกลับบ้านกันด้วยรีวิวแบบจัดเต็มอันนี้กัน ว่าคนที่ไม่ได้ไปพลาดอะไรไปบ้าง
10 มิถุนายน 2566
มาถึงสยาม 6 โมงกว่า Have You Heard? ผู้จัดที่น่ารักของเราก็เปลี่ยนชั้นหก Siam Square One ให้บรรยากาศคล้ายงานวัด เพราะหางบัตรทุกใบจะมีคูปองให้เล่นเกมด้วย โดยหยิบซุ้มปาโป่งกับสอยดาวมาให้สนุกกัน และมีซุ้มอาหารเล็ก ๆ พร้อมซุ้มขาย Merch ของ Phum และซุ้มไวนิลของตัวเองด้วย มีเพลงเปิดคลอด้วยไทยเดิมลูกทุ่งหมอลำยุค 50s-60s มาหมดทั้ง ดาวบ้านดอน, อังคณา คุณไชย สร้างบรรยากาศความไทยไทยให้คนดูเตรียมพร้อม (แอบใส่เพลงของ อรอุมา สิงห์ศิริ เจ้าของแซมเพลง Lady Papaya มาด้วย) แถมยังแทรกด้วยวงต่างประเทศที่เพลงใส่ไลน์ดนตรีไทย ๆ ลงไปอย่าง Kim Jung Mi หรือ Dur-Dur Band
ซุ้มน้ำก็มีกิมมิกเล็ก ๆ ด้วยการขายน้ำสมุนไพรไทยอย่างน้ำเก๊กฮวยอะไรงี้แปะตราสล็อตของภูมิด้วย น่ารักมาก แต่พอซื้อมาดันเอาขึ้นฮอลล์ไม่ได้ แง แถมลืมถ่ายมาอวดทุกคนด้วย เลยต้องกลับไปเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าแล้วขึ้นฮอลล์เคแบงค์สยามพิฆเนศ
แต่บอกเลยว่าฮอลล์สยามพิฆเนศคือชั้นสูงมาก มีความเป็นสโลปลงไปยาว ๆ แถมมีชั้นสองด้วยยังกะโรงละคร บนเวทีก็ตกแต่งด้วยหญ้าซ่อนเส้นไฟไว้กับคัตบอร์ดรูปควายมีนกเอี้ยงเกาะหลัง แล้งพาดด้วยไฟเป็นดวง ๆ เหมือนงานวัด รอบนี้เราได้นั่งริมขวามือของฮอลล์
หลังจากเลทไป 15 นาที ก็เปิดคำแนะนำของฮอลล์ซักที แล้ว Yonlapa ก็ตามขึ้นมา เสียงปรบมือมันโปรเจกต์ได้เพราะมาก ก่อนน้อยหน่านักร้องนำจะพูดขอบคุณทุกคนที่มางานวันนี้ และหวังว่าจะแฮปปี้ ก่อนจะเปิดเวทีด้วย Sweetest Cure เป็นเพลงแรก ตกหลุมรักการสลับจังหวะไปมาได้สมูท ท่อนอัพบีทก็แพรวพราวเต็มหูไปหมด ท่อนดรอปก็อ่อนโยน ก่อนจะแนะนำตัวอีกครั้ง ซึ่งน้อยหน่าก็บอกว่าตัวเองเป็นแฟนเพลงของภูมิเหมือนกัน เลยตื่นเต้นมากที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในวันนี้
ต่อด้วย Why Why Why ที่เสียงน้อยหน่าใสทะลุแผ่นมาก กีตาร์ที่ค่อย ๆ คลออยู่ด้านหลังคือเราตายเลย ท่อนโซโล่ที่เย็นเฉียบเหงาจับใจทุกคีย์ และ Last Trip ก็ซัดด้วยความแสบทรวงของดนตรีไซคีแบบเต็มพิกัด กีตาร์กับกลองก็คือพา vibes ไปสุดเลยจนต้องโยกหัวตาม ยิ่งท่อนโซโล่คือใส่ไม่ยั้ง
จังหวะกลองก็เชื่อมต่อเลย กรูฟคือเด้งสุด ๆ น้อยหน่าบอกว่าเพลงนี้คือสุดท้ายของเราแล้ว แอบงงนิดหน่อยแต่คงเพราะเลทด้วยเลยต้องตัดเพลงหมด ฮือ ก่อนจะเข้า Let Me Go ไม่ได้ฟังเพลงนี้แบบสด ๆ นานมาก รอบนี้คือโคตรเข้ม เท่ทั้งไลน์กีตาร์ทั้งไลน์เบสที่เด้งสุด ๆ เสียดายที่ความเป็นโรงละครคือเราไปกระโดดหน้าเวทีแล้วตะโกนว่า “เล็ทมีโกกกก” ตามน้อยหน่าไม่ได้เนี่ยแหละ ก่อน outro จะแอบแวะเข้าบอสซ่านิด ๆ ได้กวนดี
เพลงจบปุ๊บทีมงานก็พยายามบอกว่าได้อีกเพลง ทุกคนก็ปรบมือสิครับ รออะไร Insomnia จังหวะกลองคือโคตรมัน แล้วกีตาร์ตอนโซโล่ก็ขยี้ใจสุด ๆ จนเราต้องเม้มปากตาม ซักพักเริ่มเดือดขึ้นเรื่อย ๆ แล้วไม่รู้จะไปจบตรงไหน แอบลืมฟังเพลงไปแป๊ปนึงจนต้องทึ่งกับความสามารถของทุกคนเลย ก่อนทุกคนจะปรบมือเพื่อส่งวงลงเวที
พอ 2 ทุ่มปั๊บ Tontakul ก็จัดอินโทรม่วน ๆ ให้เลย แบ็กกิ้งแทร็กของแคนกับเสียงแหล่ก็คือบิลด์อารมณ์มาก ก่อนจะใช้พิณซิ้งกับดนตรี dum&bass เลยจ้า ก่อนจะสวัสดีมิตรรักแฟนหมอลำทุกคน
ก่อนดนตรีอิเล็กทรอนิกจะขึ้นมากับเสียงพิณ จนกลายเป็น synth-pop มัน ๆ ขึ้นมา ก่อนพี่ต้นจะเตือนว่า ที่นี่ไม่ได้ห้ามเต้นนะทุกคน แล้วก็ซัดด้วยจังหวะมัน ๆ ต่อ เสียงซินธ์ก็คือก๋ากั่นสุด ๆ เพลงต่อไปช่วยกันปรบมือหน่อยครับ ก่อนจะชวนทุกคนลุกขึ้นเต้น แล้วใช้พิณก็คือเกาแทนกีตาร์ได้เท่ชิปหาย มีกลิ่นของความ dance-pop ที่ม่วนกว่าเดิม 100 เท่า ก่อนจะมีรูมให้เบสได้โซโล่แบบโคตรหนึบ สนุกจนไฟมันแอบลัดวงจรตาม ฮา ก่อนจะใส่ลูกหมอลำลงไปในท่อนสุดท้ายได้โคตรมัน โยกหัวจนเจ็บคอเลย
“ม่วนมั้ยครับ ขอม่วนต่ออีกเพลงได้มั้ยครับ” ก่อนจะเอาความฟังก์มาผสมกับม่วนของพิณได้อย่างลงตัว เติมแซมฉิ่งลงไปให้ประสานกับเบสได้แซ่บหลาย มีจังหวะในซินธ์แย่งซีนอีก ซัดด้วยเพลง เอิ้น ที่มีความนีโอโซลนิด ๆ เคล้ากับเสียงแหล่ แล้วใช้พิณในการเค้นความเท่ของทุกโน๊ตออกมา โดยเฉพาะในท่อนสุดท้ายที่เสียงพิณหวานบาดใจเว่อ
เสียงแคนกับเสียงซินธ์มันเข้ากันได้อย่างประหลาด ก่อนที่กลองกับเบสจะเติมเข้ามาให้ซิ้งไปเลย มีความเทคโนที่ดุดันมาก มือกลองคือปล่อยพลังสุด ๆ โดยเฉพาะในช่วงโซโล่ ดีใจมาก ๆ ที่ได้มาเล่น ไม่คิดว่าภูมิจะให้มาเล่นในงานวัดของภูมิ ขอเสียงปรบมือให้ภูมิ ทุกคนก็ปรบมือลั่นฮอลล์ ต่อด้วย โฮม ที่เสียงซินธ์คือโดดเด้งไปมา แล้วมีพิณคอยเสริมให้มันม่วนขึ้นไปอีก โดยเฉพาะฮุกที่โคตรเพลินจนต้องโยกหัวตามทุกคีย์ ท่อนไหนที่ขยี้พิณคือซี๊ดปากเลย ช่วงท้ายก็อัดเอฟเฟกกันนัวไปหมด จนเมโลดี้กรีดร้องไปมาได้อารมณ์มาก
เสียงคีย์บอร์ดจี๊ด ๆ ขึ้นมาพร้อมเสียงเบสเด้ง ๆ พร้อมเสียงปรบมือลั่นฮอลล์ พี่ต้นบอกว่าขอเพลงเดียวได้มั้ยให้ทุกคนลุก ก็จะซัดด้วยเสียงแคนได้อีหลีมาก ทุกคนก็คือเต้นกันยับ ยิ่งท่อนดรอปที่เลี้ยงด้วยเบสคือโคตรมัน พี่ต้นก็ขอลงไปเต้นกับทุกคนเลย พร้อมชวนทุกคน เฮ้ยยะเฮ้ยยะ ด้วย vibes คือเกินงานวัดไปไกลแล้วววว ก่อนจะเข้าฮุกสุดท้ายที่ใส่เต็มทุกอย่าง คือม่วนเลยป้ายมาก ก่อนจะมีท่อนโซโล่คีย์บอร์ดที่โคตรเซ็กซี่ โดยมีพี่ต้นเต้นอยู่ข้าง ๆ แล้วจบฮุกสุดท้ายที่เรียกเสียงปรบมือลั่นฮอลล์เลย
ก่อนจะขอเสียงปรบมือให้ภูมิอีกครั้ง แถมเล่าต่อว่าดีใจมากที่ได้มาเล่นเปิด เพราะเคยเรียนที่เดียวกับภูมิด้วย อีสานลำลอง เสียงกลองกับเสียงคีย์บอร์ด กับเสียงแหล่คือเข้ากันได้อย่างประหลาด โดยมีพิณที่เชื่อมทุกดนตรีเข้าด้วยกันจนมันยังมีกลิ่นของความไทยอยู่ แล้วก็ซัดอย่างต่อเนื่องจนจบเพลง
พอ 3 ทุ่มไฟในฮอลล์ก็ดับลงเรียกเสียงปรบมือไป 1 กรุบ ก่อนจะมีเสียงประกาศอินโทร ทุกคนก็โฟกัสผ้าม่านมากว่าจะเปิดตัวยังไง ก่อน Phum Viphurit จะโผล่มาจากข้างฮอลล์แทนแล้ววิ่งขึ้นเวที ฮา พอม่านเปิดก็เจอเซ็ตติ้งแบบงานวัดน่ารักมาก ด้วยรถเข็นขายของ และเครื่องห้อยตั่งต่าง
ก่อนจะเปิดด้วยเพลง Adore ที่ครื้นเครงมาก ๆ ก่อนจะโชว์พลังเสียงของภูมิจนทุกคนกรีด แล้วซักเข้ามาอีกฮุกได้สนุกมาก ๆ กีตาร์คือจี๊ดจ๊าดสุด ๆ ทุกคนก็ตบมือตามภูมิแบบไม่รีรออะไร ก่อนภูมิจะวิ่งไปตีกลองด้วยตัวเองแล้วเร่งจังหวะขึ้น โดยโซโล่กลองไปกับจังหวะ beatbox แถมมีแทรกด้วยลูกเล่นทะเล้น ๆ ด้วย
ก่อนจะต่อด้วย Lady Papaya ที่ภูมิก็สลับตำแหน่งกับมือกลองไปเลย ซึ่งภูมิก็หวดลวดลายในท่อนฮุกอย่างดุดันพร้อมร้องไปด้วย เสียงสับกีตาร์ขึ้นมาโคตรเร้าอารมณ์ ภูมิก็กลับมาจับกีตาร์อีกครั้ง โชว์ลูกเล่นเจ๋ง ๆ ช่วง intro ไปอีก ความเข้าขาเข้าข้อกันมันออกมาผ่านดนตรีทั้งหมดเลย กับ Paper Throne ท่อนเชื่อมก็น่ารักมาก เสียงกีตาร์คือจี๊ดจ๊าดสุด ท่อนโซโล่คือแอบใส่ไลน์หมอลำลงไป ก่อนจะโดดกลับมาจังหวะเดิมอีกครั้ง โคตรเท่ ก่อนภูมิจะสวัสดีอย่างเป็นทางการอีกครั้งพร้อมแนะนำสมาชิกบนเวที แล้วซัดด้วยไลน์กีตาร์ม่วนอีก ๆ รอบได้ทะเล้นสุด ๆ
จังหวะกลองมาแบบนี้ ไลน์กีตาร์แบบนี้ ทุกคนกรีดทันทีเพราะมันคือ Stranger in the Dream ที่ทุกคนคิดถึงมาก ไม่ต้องให้ภูมิชวน ทุกคนก็ตะโกนร้องท่อนฮุกตาม เสียงเบสที่เด้งเดินเบอร์ส่งให้เสียงกีตาร์อิมโพรไวส์ของภูมิในท่อนเชื่อมเก๋สุด ๆ แถมยังเติม outro ลงไปได้มันเกินเบอร์มาก แถมมีฟลูตมาเติมอีก จัดเต็มมาก ๆ
ภูมิก็บอกว่าจะเริ่มเล่นอัลบั้มใหม่แล้วนะ และนี่คือคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของภูมิที่ภูมิเป็นเฮดไลเนอร์เลย ก็เรียกเสียงปรบมือกระหึ่ม ภูมิก็เล่าว่าไม่เคยไปงานวัดเลย แต่ได้ดู มนต์รักทรานสิซเตอร์ ก็เป็นแรงบันดาลใจมาเป็นเพลง Temple Fair แค่ท่อนแรกของภูมิก็คือสะกดทุกคนเลย เสียงกีตาร์ของภูมิเข้ากับจังหวะกลองและแทมโบรีนแบบรถแห่สุด ๆ กลายป็นซาวด์ที่น่ารักมาก จอข้างหลังก็เป็นอนิเมชั่นบนปกที่ขยับไปมา และท่อนโซโล่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย พอฟังกีตาร์ไฟสด ๆ แล้เท่ชิปหายเลย outro ก็ละมุนมาก ๆ ก่อนภูมิจะขอบคุณเป็นเอกอีกครั้ง
ภูมิบอกว่าต่อไปคือ The Greng Jai Please เพื่ออธิบายความหมายของคำว่า “เกรงใจ” ให้เพื่อนต่างชาติเข้าใจ เสียงเบสกับกลองคือโคตรหนึบ บนจอก็เต็มไปด้วยคำไทยสุภาษิตที่ถูกใช้สอนเกี่ยวกับใจคน เช่น อาบน้ำร้อนมาก่อน รู้หน้าไม่รู้ใจ ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี ท่อนเชื่อมก็พาทุกคนปรบมือไปตามจังหวะได้เพลินมาก ก่อนจะซัดด้วยฮุกสุดท้ายแบบเข้ม ๆ ตามด้วยโซโล่กีตาร์ที่จี๊ดใจ
หลังจบเพลง ภูมิก็แอบแซวตัวเองว่างานนี้เปลี่ยนกีตาร์บ่อยสุด เพราะนาน ๆ จะมีงานของตัวเอง ก่อนจะบรรเลง Healing House แล้วเสียงเบสหนึบ ๆ ก็คือแย่งซีนสุด ฮุกสุดท้ายที่ซัดลูกกลองนัว ๆ เข้าไปคือโคตรได้ใจ แต่เสียดายเพราะนึกว่าภูมิจะเป็นคนโซโล่กลองเองซะอีก ฮือ และภูมิก็เปลี่ยนกีตาร์อีกรอบ ฮา แล้วกล่าวขอบคุณทุกคนที่ชอบเพลงของเขา ก่อนจะโบกมือทุกคน ทั้งเพื่อน ทั้งอาจารย์ ทั้งครอบครัว คืนนี้เหมือนได้กลับบ้านมาก ๆ ทุกคนก็ปรบมือเป็นกำลังใจให้ ก่อนจะซัดเข้ามาด้วยฮุกของ Loveing and Letting Go แค่คำแรกก็คือทุกคนร้องตามได้ทันที ยิ่งฟังไปยิ่งรักเพลงนี้มากขึ้น ดูโชว์แล้วนุ่มละมุนกว่าในแผ่นล้านเท่า แถมยังใส่ลูกอิมโพไวส์น่ารัก ๆ ลงไปในโซโล่อีก
พอจบเพลงภูมิก็เดินเข้าหลังเวทีไป พร้อมเปิด home video ชีวิตประจำวันในต่างแดน ที่ไม่ได้นำพาอะไรเป็นพิเศษ น่าจะเป็นฟุตที่เก็บจากทัวร์เพราะเปลี่ยนจากประเทศนึงไปอีกประเทศนึง หรือภาพหลังเวทีหน้าเวที ไปเล่นไลฟ์เฮ้าส์นั่นนี่ ได้เห็นภาพภูมิแบบสบาย ๆ การบูมหลังเวทีว่า “อาหารมาช้า!” หรือถ่ายรูปกับแฟน ๆ ทั่วโลก เอาจริง เหมือนได้เห็นว่าอัลบั้มนี้พาภูมิผ่านอะไรมาบ้าง ก่อนจะจบว่าดีใจที่ได้กลับบ้าน แล้วม่านก็ปิดลงแต่ไม่สนิท ก็แอบเห็นอะไรยุกยิกข้างหลัง ก่อนจะมีคนมาขยับให้ปิดสนิทก็เรียกเสียงหัวเราะได้นิดหน่อย แถมมีเสียงของล้มอีก
พอม่านเปิดมา ภูมิยืนอยู่มีกีตาร์โปร่งในมือกับสาวผมสั้นคนหนึ่ง กีตาร์ตัวเดียวกับเสียงร้องของทั้งสองคนคือสะกดคนทั้งฮอลล์ได้เลย เป็นบัลลาดที่ไพเราะมาก ซึ่งเป็นเพลง The Art of Detaching One’s Heart จากอัลบั้มแรกที่แอบลับแลนิด ๆ โดยเขาก็แนะนำให้รู้จักกับ Jennifer เพื่อนสนิทกัน ระหว่างกำลังจะขึ้นเพลงต่อไป ก็มีคนให้พวงมาลัยดอกดาวเรืองกับภูมิด้วยบรรยากาศน่ารักมาก ก่อนภูมิจะบอกว่าเป็นเพื่อนสมัยอนุบาล ใส่แล้วเหมือนนักร้องลูกทุ่งเลย บอกเลยทำภูมิเสียอาการอยู่ ฮา
ซึ่งช่วงต่อไป ภูมิก็เกริ่นว่าช่วงต่อไปจะเป็น Phum and Friends แล้วนะ แล้วจัดต่อด้วย Tali End ที่นุ่มนวลสุด ๆ ก่อนจะเซอร์ไพรส์ทุกคนด้วยการขึ้นเวทีของ Hugo เลยจ้า เสียงพี่เล็กคือเท่และอบอุ่นมาก นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้โชว์เพลงนี้ด้วยกันเลย เรียกว่ารับส่งอารมณ์กันได้ลงตัวมาก ยิ่งท่อนโซโล่ที่เกากีตาร์ได้ขยี้อารมณ์ด้วย ทำให้เพลงนี้โคตรอิ่ม ก่อนจะให้พี่เล็กแอดลิป outro เรียกเสียงกรี๊ดได้ลั่นฮอลล์สุด ๆ
พี่เล็กก็ต้อนรับภูมิกลับไทย หวังว่าจะไม่ร้อนเกินไป ซึ่งภูมิก็เล่าให้ฟังว่าเจอครั้งแรกเพราะภูมิอยากได้รถถังแบบพี่เล็ก แต่พี่เล็กป้ายยาไม่สำเร็จ ทำให้ติดต่อกันมาจนทำเพลงและดีใจที่ได้ร้องเพลงนี้ด้วยกันบนเวที ก่อนภูมิจะเล่นเพลงของพี่ฮิวโก้ด้วยกัน อินโทรมาเป็น tropical-pop เลย เสียงพี่ฮิวโก้ก็คือเซ็กซี่สุด ๆ ในเพลง บันไดสีแดง ก่อนจะให้ภูมิได้โชว์น้ำเสียงบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าพี่เล็กคือมีเสน่ห์สุด ๆ กับเพลงของเขา เจอท่อนโซโล่ด้วยฟลูตกับเบสเข้าไปคือตาย ก่อนจะอัพบีทขึ้นให้กลายเป็นแทงโก้คือโคตรเดือด ทั้งสองก็ประสานเสียงในท่อนฮุก ที่พี่เล็กคอยคอรัสเสียงเบสให้อย่างเท่ แล้วโชว์ outro ด้วยน้ำเสียงบาดใจอีกรอบ เรียกเสียงปรบมือกระหึ่ม
แถมเซอร์ไพรส์ทุกคนด้วย Wings ที่ทำกับ So! YoON! ซึ่งปรับจังหวะให้กลายเป็นบัลลาดหวาน ๆ ไปเลย แถมภูมิก็อ้อนให้ทุกคนช่วยร้องด้วยนะครับ เวอร์นี้คือออดอ้อนโรแมนติกเหลือเกิน แถมจับใจเกินเรื่องมาก ท่อนฮุกก็คือทุกคนร้องตามได้ทุกท่อนแบบเต็มเสีย ก่อนจะขอเสียงกรี๊ดดัง ๆ ไปให้ So! YoON! ถึงเกาหลีหน่อย ทุกคนก็กรี๊ดกันสุดปอด
หลังจากจะอินโทรอย่างเข้มแล้ว ก็ร้องท่อนแรกของ Softly Spoken ขึ้นมา เรียกเสียงกรี๊ดได้ทันที ระหว่างเพลงก็มีเพื่อน ๆ มาเต้นกันอยู่ในงานวัดข้างหลังด้วย แต่ไม่สามารถเอาตัวเองออกจากไลน์กีตาร์นุ่ม ๆ ของเพลงนี้ได้เลย โดยเฉพาะท่อนโซโล่ที่กีตาร์เด้งสุด ๆ แล้วภูมิก็ชวนทุกคนปรบมือพร้อมกันก่อนจะซัดด้วย intro ของ Hello, Anxiety ทุกคนก็กรี๊ดและร้องตามตั้งแต่ท่อนแรกเลย ดนตรีก็คือคึกคักสุด ๆ เพิ่งได้ฟังเพลงนี้สด ๆ ครั้งแรกก็ยอมเลย เป็นเพลงที่เล่นสดสนุกมากจริง โดยเฉพาะไลน์กีตาร์จี๊ด ๆ ในโซโล่เนี่ย
ก่อนจะจัดต่อด้วยจังหวะสนุก ๆ แล้วเลี้ยวเข้า Lover Boy แบบไม่ให้พักเลย ทุกคนก็คือร้องตามตั้งแต่ท่อนแรกเหมือนกัน ท่อนฮุกก็คือภูมิไว้ใจแฟนเพลงได้เลยแบบกระหึ่มฮอลล์ ก่อนจะเข้ามาร้องด้วยในครึ่งหลัง ทั้งฮอลล์คือดุ๊กดิ๊กกันสุด ๆ ไลน์กีตาร์แบบเพลงนี้ได้ยินกี่ครั้งก็ต้องเต้นอะ ยิ่งเจอคำว่า “I’m your lover boy” ทุกคนก็ตะโกนกันสุดเสียงเลย แต่จะจบไปง่าย ๆ ได้ไง เจออิมโพรไวส์ท้ายเพลงอีกหน่อย ก็ทำให้ทุกคนเต้นกันยับ
แล้วเชื่อมด้วย Long Gone ต่อเลย แถมดนตรียังอัพบีทขึ้นไปอีกด้วย ความไฮป์ยิ่งทะลุปรอทเพราะทุกคนตะโกนสุดเสียงทุก “long gone” เลย ยิ่งเติมไลน์กีตาร์เพิ่มเข้าไปคือโคตรมัน แถมมีโซโล่เบสพร้อมเสียงปรบมือของทุกคนเข้าไปอีก ต่อด้วยลูกเก๋าของมือกลองที่ไม่หวือหวาแต่น่ารัก ก่อนจะชวนทุกคนตะโกนพร้อมกัน “I’ll be long gone” แถมยังสับกีตาร์แล้วใส่อิมโพไวส์สนุก ๆ ลงไปอีก ตอนนี้คือ hype สุด ๆ ไปเลย ก่อนจะตัดจบแบบโคตรเท่ เรียกเสียงปรบมือกระหึ่ม
หลังจบแล้วทุกคนบนเวทีก็วิ่งลงไปเลย จนเหมือนจะจบแล้วคนเลยเริ่มอังกอร์กัน แต่ภูมิก็แอบใจอ่อนเกิ๊น เรียกแป๊ปเดียวมาเลย ฮา แล้วขอบคุณทุกคนก่อนเลยที่นี่เป็นเวทีใหญ่อันแรกของภูมิเลย แถมขอเสียงปรบมือให้ทีมงานเบื้องหลังและทีม Have You Heard ด้วย เสียงคีย์บอร์ดก็สร้างบรรยากาศเหงา ๆ แล้วเข้า intro เพลงสุดท้ายในอัลบั้มอย่าง Welcome Change ที่เสียงปรบมือกึกก้องเหมือนเดิม เพลงค่อย ๆ นวดเราจากจังหวะช้า ๆ เนื้อหากินใจ ก่อนจะดรอปแล้วอัพบีทแบบสุด ๆ ด้วยไลน์กีตาร์เท่ ๆ แถมแอบเติมจังหวะสนุก ๆ ลูกเล่นน่ารัก ๆ ลงไปอีกนิด ครึ่งหลังคือโคตรน่ารักจนเผลออมยิ้มไปตลอดทั้งเพลงเลย แถมยัง outro 3 จังหวะก่อนลง
ก่อนทั้งวงจะมาโค้งให้กับแฟนเพลงทุกคน ภ่ายรูปเป็นที่ระลึก และก็ปิดม่านไปพร้อมเสียงปรบมือลั่นฮอลล์
ในฐานะที่เราเป็นแฟน Phum Viphurit มาตลอดและได้ดูโชว์สุดท้ายก็ก่อนโรคระบาดโน่น ครั้งนี้เลยกลายเป็นโชว์ที่ดีที่สุดที่เราเคยได้ดูเลย แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ว่าอัลบั้ม ‘The Greng Jai Piece’ เอามาโชว์แล้วน่ารักทุกเพลงจริง ๆ แค่เสียดายอย่างเดียวคือคาดหวังว่าจะได้เห็นภูมิโซโล่กลองซักเพลงเหมือนกัน แต่ดูคอนเสิร์ตนี้จบแล้วก็เข้าใจภูมิอย่างหนึ่งนะ ว่ายังไงภูมิก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นคนไทย และเป็นไปได้ก็อยากให้คนไทยเนี่ยแหละได้ฟังและได้ชอบเพลงของเขาเอง ขอยินดีต้อนรับภูมิกลับบ้านอีกเสียง จากบทสัมภาษณ์ของ The COSMOS ภูมิยังดูมีโปรเจกต์อีกเยอะมาก ยังไงเราก็ขอเป็นอีกเสียงที่จะติดตามผลงานภูมิต่อไปน้า
ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา