ความรู้สึกตอนเห็นโพสต์ประกาศว่า Khana Bierbood (คณะเบียร์บูด) วงดนตรีไซเคเดลิกร็อกจากบางแสนกำลังจะกลับมาเล่นที่กรุงเทพฯ พร้อม Hariguem Zaboy (ฮาริกึ่มซาโบ้ย) อัลเทอร์เนทีฟ-นอยซ์ร็อกแบนด์ อีกครั้งเป็นรอบที่ 2 ถัดจากงานเดือนธันวาคมเมื่อปีก่อน สารภาพว่าตื่นเต้นมาก เพราะวงคณะเบียร์บูดหาดูไม่ได้ง่าย ๆ และงานนี้ถือว่าจัดแมทช์การปะทะกันได้ตรงสายเรา มีหรือจะพลาด
8 กรกฎาคม 2566
เราใช้เวลาเดินทางจาก MRT ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ มาถึง Blueprint Livehouse ในโครงการ A-Square ด้วยมอ’ไซที่ลัดเลาะไปตามเส้นสุขุมวิท 26 ไม่เกิน 10 นาที สำหรับสายขนส่งมวลชนคิดว่าน่าจะเดินทางไม่ยากนัก หรือใครที่เคยหลง งงว่าเอ๊ะ? บลูส์ปรินท์อยู่ไหน ตอนนี้ทางไลฟ์เฮ้าส์ เขาก็ได้ติดป้ายตรงชั้นล่าง ด้านหน้าของ Flowhouse เรียบร้อย เพียงก้าวขาขึ้นบันได เลี้ยวซ้ายไปขวา ตรงมาเจอเลย โชคดีที่อากาศวันนั้นไม่อบอ้าวมาก ขณะรอเข้างานก็นั่งเพลิน ๆ กระทบลมเย็นกันไป
ณ เวลา 20.30 น. Khana Bierbood (คณะเบียร์บูด) ก็ตบเท้าขึ้นเวทีและเริ่มบรรเลงเพลง ‘Bad Trip’ จากอัลบั้ม ‘Strangers from the Far East’ ที่แอบสื่อสารกับคนดูด้วยเสียงดนตรีว่าพวกเขาทั้ง 6 หรือ “คนแปลกหน้าจากดินแดนบูรพา” พร้อมเอนเตอร์เทนทุกท่านผ่านซาวด์สไตล์ไซเคเดลิกที่ผนึกกำลังกับหมอลำสัญชาติไทยแล้ว
ต่อจากนี้จะเป็นเพลงในอัลบั้มใหม่เกือบทั้งหมด เช่น ‘La Sas’, ‘Hazy Juicy’, ‘Monolam’, ‘Pai Chrem’ ที่เปลี่ยนเวทีตรงนั้นให้กลายเป็นหน้าฮ่านย่านคลองเตยโดยสมบูรณ์ ทั้งเพอร์คัสชั่นเครื่องเคาะ ลวดลายกีตาร์ ประกอบซินธ์ล้ำ ๆ ที่คลอไปกับเบส ยิ่งความม่วนจอยของเมโลดี้และท่วงท่าสะท้านโลกของมือกีตาร์คือกินขาดมาก ๆ จังหวะนี้ใครไม่ยิ้มมุมปากหรือเต้นตามก็บ้าแล้ว!
ถัดมาเป็นเพลง ‘Plankton Bloom’ ที่เติมสีสันยามค่ำคืนกับ ‘Green Mountain’ เพลงเขาเขียวในตำนาน ต่อด้วย ‘Knight Light’, ‘White Sand’ และ ‘Jeanmaryn’, ‘Starshine’ สังเกตว่าบางเพลงในโชว์จะมีทำนองช้า ๆ พอได้พักเหมือนผ่อนมือรำ แต่ช่วงเทิร์นไดนามิกให้เร่งเร้าขึ้น กระชับขึ้น มันกลับสนุกแบบชวนเซิ้งสุด ๆ และปิดท้ายด้วย Encore อย่าง ‘Chicken Pecking’ ทำเอาคนดูในงานทั่วทุกสารทิศโยกกันเป็นคอไก่ ก่อนส่งไม้ต่อให้อ่อนนุชอันเดอร์กราวนด์
ทันทีที่ Hariguem Zaboy (ฮาริกึ่มซาโบ้ย) ปรากฎตัว พวกเขาก็สวิตซ์คลื่นเสียงจากบรรยากาศของไอร้อนสู่ห้องหับที่เต็มไปด้วยพลังงานอันแผ่ซ่านและอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ทั้ง 4 หนุ่มประเดิม ‘No Services’ กับนอยซ์ซาวด์ที่เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนเพลงตั้งแต่วินาทีแรก ต่อด้วย ‘Pier No.41’, ‘The Dell’ ที่เริ่มเพิ่มความระอุ แม้ระหว่างโชว์ต้องปรับจูนดนตรีเล็กน้อย แต่ก็ไม่คณามือพวกเขาสักเท่าไหร่ เมื่อเสียงขวดเบียร์ของกะลาสีขี้เมา ‘South Pole’ และ ‘Teenage Letter’ เพลงวัยรุ่นเพื่อพลังวัยรุ่นถูกเปิด ผู้ชมก็พร้อมใจกันกระโดดเชียร์อย่างสนุกสนาน
ทางวงยังขนผลงานเพลงจากอัลบั้มชุดถัดไปอย่าง ‘Roomful of Cool’, ‘A Girl from Spiral Morning’, ‘Disconnected World’, ‘This Kind of Meth (Make You Confess)’, ‘Circuit of Conversation’, ‘The High Heel’ มาเสิร์ฟให้เราชิมลาง ตัดรสทั้งจังหวะกลาง ช้า และรวดเร็ว ชวนเอนจอยในอีกรูปแบบที่เราแอบนึกถึง Built to Spill กับบรรดาท่อนหย่อน ๆ ที่ไม่ได้เห็นมานานก็จะกลับมาให้ฟังในอัลบั้มใหม่แน่นอน
และการได้ดูโชว์ของฮาริกึ่มซาโบ้ยถือเป็นประสบการณ์ช่วง Prime Time ที่คุณจะพบเจอผู้คนเบียดเสียดตลอดเวลา ฝั่งเราเองก็ไม่พลาด ขอแทรกตัวเข้าไปในฝูงชนแนวหน้า ยืนนับถอยหลังรอรับความหรรษา ก่อนเพลงชาติ ‘Mind Triggers’ จากอัลบั้ม ‘John Young Sandwich’ จะดังสนั่นขึ้น ตามด้วย ‘T.N.T.B’ และ ‘Live Wires’ บอกเลยเกือบไม่รอด (หัวเราะ) คนข้าง ๆ ก็พยายามสตาร์ทเครื่องซ้ำสลับกับ Stage Dive ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหนกันเนี่ย
ซึ่งในช่วงสองเพลงหลัง ‘(She Loves Her) Expenzive Hairstyle’ และ ‘Christine Thompson’ พวกเขาดึงพลังเฮือกสุดท้ายมาใช้พร้อมดีกรีความพังค์แบบทำลายล้าง ชนิดซิงค์กับเซลล์ไปทั่วร่าง เสียงเครื่องดนตรีสาก ๆ หน้าตู้แอมป์ คู่สปิริตที่มันส์หยดจนต้องเป่าปากนี่เกินคำบรรยายจริงสำหรับงานนี้
อ่านต่อ
H 3 F และ KIKI ความหวังของหมู่บ้านที่อาสามาโชว์ฝีมือให้ชาวฮ่องกงได้ประจักษ์ใน All Ears Asia 2023
แบม นักเขียนน้องเล็กที่ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันกลับมาทำเพจ Listenist