ถึงแม้อัลบั้ม LET THEM KID SEE จะออกมาให้ทุกคนเซิ้งกันตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้อัลบั้มนี้ก็มีไวนิลออกมาแล้ว ซึ่ง FORD TRIO ก็ภูมิใจนำเสนอมาก ซึ่งวงเองก็พูดในงานว่าเป็นความฝันหนึ่งในการทำวงเลยที่จะได้มีไวนิลเป็นของตัวเอง โดยจัด FORD TRIO “Listening Party” ที่ชวนแฟนเพลงเดนตายลูกศิษย์สำนักครูก่ายไก่มาสนุกกัน เพื่อเฉลิมฉลองการมาถึงของไวนิล และเพื่อ “ขาย” อย่างตรงไปตรงมา (หัวเราะ)
ทีมคอสมอสเองก็ไม่พลาดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา บอกเลยว่าจัดเต็มเหมือนต่างกับคอนเสิร์ตแถมมีเซอร์ไพรส์มากมายให้แฟน ๆ ทุกคนแบบไม่เหมือนงานไหนมาก่อน พร้อมพูดคุยถึงที่มาหลาย ๆ เพลงที่พวกเราชอบด้วย ชวนย้อนความสนุกของวันนั้นอีกครั้งในบทความนี้ บอกเลยว่าใครไม่ไปคือเสียดายแทนมาก ๆ
31 มีนาคม 2567
เรามาถึงร้าน CD COSMOS ตอน 4 โมงครึ่งก็มีแฟนเพลงมากันประมาณหนึ่งละ โดยวันนี้งานก็ออกแบบเซ็ตเป็นวงกลมล้อมเสาตรงกลางไว้ให้ทุกคนได้เห็นทุกมุม ทุกคนก็นั่งรอกันชิล ๆ ฟังเพลงในร้านคลอไป ก่อนวงจะขอเลื่อนไป 15 นาทีเพื่อรอคนที่ยังมาไม่ถึง
ไม่กี่อึดใจ พอ 5 โมงสิบห้าปุ๊บ วงก็เสียงดังทันที มาถึงก็ซัดกีตาร์บลูเข้ม ๆ ด้วย เห้ยจารย์ ชวนแฟน ๆ นั่งโยกกันแบบไม่ติดเก้าอี้ตั้งแต่เพลงแรก โดยเล่นกันแบบเซ็ตเล็กที่เรียบเรียงดนตรีใหม่หมด หลังจากครึ่งเพลงก็เมดเล่ย์ต่อด้วย Silence ที่กีตาร์ยังสะแด่วแห้วเหมือนเดิมแบบเนียนกริ๊บ โชว์มีความ unplugged เล็ก ๆ วงได้โชว์สกิลกันเต็มเม็ด ๆ เท่มาก
ก่อนฟอร์ดจะทักทายทุกคนที่มาพร้อมขอบคุณทุกคนในวันนี้ โดยเกริ่นว่าปรกติเล่นอย่างเดียวไม่คุยเพราะคุยไม่เก่ง แต่วันนี้อยากชวนทุกคนคุยเพื่อจะได้อินแล้วซื้อไวนิล (หัวเราะ) ต่อด้วยแนะนำสมาชิกทุกคนในวง พร้อมบอกที่มาของไก่บนปกอัลบั้มด้วย ซึ่งเริ่มจากตอนถ่ายชูตติ้งที่ใช้อาร์ตไดเรกชั่นแบบไทยย้อนยุคหน่อย ตอนแรกจะใช้หน้าปกเป็นสมาชิกวงแต่คิดว่าไม่ตลกพอ (หัวเราะ) เลยขอเปลี่ยนหัวคนเป็นหัวสัตว์หน่อย ตอนนั้นกลุ่มแฟนเพลงก็เริ่มแข็งแรงแล้วเริ่มมีคำว่า “คอไก่” เกิดขึ้นมา ตัวฟอร์ดเองก็ดีใจที่มีชื่อด้อมของตัวเอง เลยกลับมาที่หน้าปกอัลบั้มให้เขาลองเอาหัวไก่มาใส่ ตอนแรกไม่มีชื่อตัวละครนี้แต่มันต้องมีสตอรี่อะไรซักอย่าง ตอนนั้นมีครูกายแก้วเป็นไวรัล เราเลยเรียกว่าครูก่ายไก่ขึ้นมา ครูก่ายไก่เป็นโอจีแห่งดนตรีไทยฟังก์ ไปเรียนเบิร์กลี่ แต่เรียนไม่จบแล้วกลับมาทำเพลงไทย
พร้อมพูดถึงชื่ออัลบั้มว่าแปลตรงตัวว่า “ทำให้เด็กมันดู” เราทำวงนี้มา 6 ปี แต่ก่อนหน้านั้นก็ทำกันเล่น ๆ มาหลายปี จนถึงเวลาเอาจริงได้แล้ว ก็เลยเล่นให้เด็กมันดูเว้ย พวกเราเก่งมั้ยเล่นแล้วเด็กจะอึ้งมั้ยก็คงไม่รู้ มีกิมมิกคือชื่ออัลบั้ม ถ้าคนเก่งอังกฤษมาดูก็รู้ว่าเราไม่เก่งจริงหรอก แต่เราอยากเล่นอยู่ดี
ก่อนหมอจะเล่าถึงเพลง Slience เพลงนี้เป็นเพลงท้าย ๆ ที่มาในอัลบั้ม ใช้คอนเซปต์ของฝรั่งที่เอาเพลงสองเพลงมาเชื่อมกัน มันมีเพลง เสียงดัง ละ ก็เลยทำเพลงนี้ ทั้งที่ความเงียบเป็นสิ่งที่ทำให้เราสงบ แต่มันกลับทำให้เราเปราะบางไม่ปลอดภัย ฟอร์ดเสริมว่ารีเลทกับนักดนตรีที่เสียงดัง แต่ถ้ามันเงียบก็อาจทำให้เราสับสน
ส่วนเพลง เสียงดัง ตอนนั้นเราอยู่ที่บ้านของ Varis โปรดิวเซอร์ของเรา พร้อมบอกให้ทุกคนปรบมือให้แต่เขาไม่มาเพราะไปดู Star Wars (หัวเราะ) เราทำเพลงใหม่ด้วยกัน วันนั้นหมอกินบราวนี่เมาแล้วคุยกันสนุกมาก พอคุยเสียงดังมาก ๆ หมอก็พูดว่าโทษทีกูเสียงดังไปหน่อย หมอกลับไปบ้านก็โพสต์สตอรี่ร้องเพลงนี้ “ขอโทษทีที่เสียงดัง ฉันเสียงดังเมื่อสุขใจ” เลยกลายมาเป็นเพลงนี้ พร้อมขึ้นดนตรีมาอย่างม่วน โชว์ไลน์เบสเด้ง ๆ เข้าไปอีก พร้อมขับความไซคีออกมาในครึ่งหลังอยากแสบทรวง
มาถึงเพลง เปล่าเลย กับ HATSUDAI ฟอร์ดเล่าว่าตอนปี 2022 ฟอร์ดได้ไปเล่นที่งาน Tokyo Beyond ก็เลยได้ไปญี่ปุ่นกัน เฉลิม พี่ในค่ายก็บอกว่า จะไปเล่นที่ญี่ปุ่นก็ต้องทำเพลงโปรโมตคนญี่ปุ่นมั้ย ฟอร์ดก็ตกลง แล้วส่งเดโมให้ ทำให้เกิดเพลง เปล่าเลย ขึ้นมา ได้ fest กับ ฮาชิโมโต คาโอรุ จากวง Helsinki Lambda Club โดยชวนเขามาอัดเพลงที่ไทย และเขาชอบประเทศไทยอยู่แล้ว ตอนแรกไม่แน่ใจว่าจะเข้ากันได้มั้ย แต่พอได้ทำงานด้วยกันก็ประทับใจซึ่งกันและกัน
ตอน FORD TRIO ไปเล่นที่ญี่ปุ่น คนดูก็เคร่งครึมกว่า เอาจริงเอาจัง แต่มันน่าแปลกมากที่ไปเล่นก็ไม่มีใครรู้จักเรา (ฟอร์ดบอก เหมือนที่ไทยเลย เรียกเสียงฮาได้อีกหนึ่งกรุบ) แต่เหมือนเขาส่งอารมณ์อะไรกลับมา ไปเล่นก็ได้อะไรอยู่นะ เราก็ประทับใจในการไปใช้ชีวิตที่เมือง Hatsudai มาก เราได้เจอคนที่ใจดี ไปนั่งร้านกาแฟก็มีคนอยากรู้จักคนไทย เขาก็มาทักทายคุยด้วย เรารู้สึกว่าคนเอเชียจะมีความรีเลทกับเมโลดี้หรือกรูฟบางอย่าง เลยหยิบมาใส่ในอัลบั้มนี้ด้วย เป็นสิ่งที่คุณกำลังจะได้ยินต่อไปนี้
พร้อมปล่อยรีเวิร์บกีตาร์ม่วน ๆ ของ Hatsudai ออกมาอัดแน่นเต็มร้าน ทั้งสี่คนก็เข้าขากันสุด ๆ ด้วยการบิล intro ที่ชวนหน้าเบี้ยวมาก พร้อมใส่ลูกแจ๊สเบา ๆ ลงไปโชว์ฝีมือหน่อย แล้วเชื่อมเข้า เปล่าเลย ทันทีด้วยกรูฟดนตรีมัน ๆ จนทุกคนอดโยกหัวตามไม่ไหวจน สมเป็นงานรวมตัวแก็งคอไก่ คอย ๆ นวดไปก่อนจะซัดซาวด์ร็อก ๆ ในท่อนท้ายได้แบบไม่เกรงใจใคร นึกว่าอยู่ในคอนเสิร์ตเต็ม ๆ
ต่อด้วยเพลง KINJAI ฟอร์ดเล่าว่าเราเคยชินกับคำนี้ในมุมของเรื่องราวดี ๆ เรื่องราวกินใจ แต่เพลงนี้ความหมายจริง ๆ แต่งขึ้นมาด้วย desensitize เช่นการรู้ข่าวอะไรก็ตามแต่เราไม่ได้รู้สึกแบบเดิมแล้ว เช่น ถ้าเห็นข่าวรถชนบ่อย ๆ เราก็อาจจะไม่ตกใจอะไรแล้ว ส่วนตัวผมได้อ่านข่าวช่วงนึงก็รู้สึกว่าทำไมมันดูไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับทุกคนเลย กินใจก็เหมือนโดนกัดกินใจจนหมด เวลาเจอเรื่องร้าย ๆ เราก็อยากจะช่วยเขา แต่เหมือนเรายังเห็นแก่ตัวนิดนึง
เสียงกีตาร์ที่โหยหวนสะกดทุกคนได้ตั้งแต่ intro ก่อนจะซัดเข้ามาด้วยจังหวะฟังก์นุ่ม ๆ ซัดกันตูมตามเอาเรื่องเลยในตอนท้าย ก่อนจะเชื่อมเข้า WARNYA ซึ่งยังรักษาระดับความร็อกไว้ได้อย่างดี ทุกคนก็โยกหัวตามอย่างพร้อมเพียงเหมือนเดิม ทั้งสี่คนก็ใส่เต็มทั้งอารมณ์และจังหวะสนุก ๆ เรียกว่าตั้งใจเล่นกันสุด ๆ เหมือนดูคอนเสิร์ตเลย outro ก็เอาตายไปเลย เรียกเสียงปรบมือดังลั่นร้าน ก่อนวงจะสปอยด์เพลงใหม่สั้น ๆ แถมกีตาร์ยังม่วนชวนเซิ้งสุด ๆ
อีกสองเพลงที่สำคัญกับอัลบั้ม LET THEM KID SEE มาก กับ RADUB ซึ่งเพลงนี้ขึ้นมาหลังจากทำ เปล่าเลย เสร็จ เพลงนี้เกี่ยวกับตอนนั้นไถโซเชียลไปเรื่อย ๆ มันจะเป็นยุคหนึ่งที่ทุกคนอยากเป็นคนดี อวดว่าเราได้ช่วยคน จนรู้สึกว่าทำไมเราแม่งเลวจังวะ ทำไมไม่เห็นอยากช่วยใครเลย หรือเราเป็นคนไม่ดีวะ เราเลยเขียนเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อบอกตัวเองว่า อย่าไปคิดว่าตัวเราอยู่สูงกว่าคนอื่นเขา เราก็ระดับเดียวกันหมด
กับ 1-100 เพลงนี้เขียนด่าพี่ เฉลิม ครับ (หัวเราะ) เขาสั่งแก้เพลงผมเยอะอะ อัดอั้น จริง ๆ มันเป็นการนับเลขเพื่อให้เราใจเย็นเวลาโกรธใคร ถ้าในเพลงเราโกรธเจ้านายของเรา ก็ต้องคอยนับ 1-100 ในใจแทน ก่อนจะขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่มาเจอกัน และก่อนจะจบโชว์ฟอร์ดขออ่านเครดิตในอัลบั้มนี้ให้ทุกคนฟังก่อน อยากให้ทุกคนช่วยปรบมือให้กับชื่อแรกไปจนถึงชื่อสุดท้ายเหมือนรับปริญญา เพราะทุกคนทำให้อัลบั้มนี้เกิดขึ้นมาได้
แล้วก็โชว์ยิงยาวด้วย U-DO เวอร์ชั่นนี้มีเครื่องเป่ามาเติมความอบอุ่นให้ด้วย แต่ดนตรีก็ยังสนุกเหมือนเดิม กรูฟคือต้องโยกหัวตามทุกจังหวะไปเลย ก่อนจะ outro แบบเข้าถึงอารมณ์บลูส์สุด ๆ แถมมีจังหวะที่ปะทะกันของกีตาร์กับเครื่องเป่าอีก โคตรพิเศษ แล้วลากเข้า intro RADUB อย่างเข้าถึงอารมณ์ ก่อนจะขอเสียงปรบมือให้ รอย ROYSENBERG แล้วก็ซัดเข้าดนตรีอย่างม่วน ท่อนเซิ้งเดะก็ยังไฮป์คนดูได้ทุกครั้ง คนที่ยืนอยู่ถึงกับต้องเต้นตามเลยทีเดียว วงก็ใส่กันเต็มทุกห้อง เป็นภาพที่น่ารักมาก
ก่อนจะสลับจังหวะมา ใครฟัง ที่สนุกไม่แพ้กัน ความม่วนจอยที่ดี แค่รอบนี้มีคนมาฟังเพลงนี้กันเต็มร้านเลย outro ที่บิลอารมณ์อย่างบ้า ก่อนจะสับกีตาร์เข้าเพลง ทิ้งเบอร์ อย่างฟังก์ พร้อมขอให้แฟนเพลงช่วยปรบมือ ทุกคนก็ตบมือตามจังหวะอย่างเพลิน ฮุกก็ใส่ลูกเล่นเติมห้องจังหวะอะไรไปได้อย่างเฉียบ สมกับคำว่าเล่นให้เด็กมันดูจริง ท่อนโซโล่ก็ใส่กันนัวเกิน เพิ่มห้องความไฮป์เข้าไปให้ทุกคนโยกกันจนปวดคอไปเลย ต่อด้วยเพลง Loyalty ที่กีตาร์แหลมแสบดากสุด ๆ กลองก็บีบคั่นจังหวะอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งท่อนฮุกก็คือเหยียบมิดความซิ่งไปเลย ทุกคนก็อดใจไม่ไหวต้องโยกหัวตามไปเรื่อย ๆ จนจบเพลงแบบลั่น ๆ
ฟอร์ดถอนหายใจเฮือกใหญ่ของซาวด์เด้ง ๆ ฉบับไทยฟังก์เข้ามา แบบศิษย์เอกครูก่ายไก่มาเอง หลังจากบิล intro กันม่วนได้ที่ ก็ซัดจังหวะกลองของ 1-100 ขึ้นมา ก่อนจะชวนทุกคนเซิ้งกันด้วยการชูมือขึ้นลงไปตามจังหวะด้วยกัน แล้วซัดกีตาร์ซิ่ง ๆ ขึ้นมา ทุกคนก็ตะโกนตามว่า แต่แนแนแน่ว ลั่นร้าน และทุกคนก็จอยบทุกรอบ สมเป็นท่าไม้ตายของวงจริง ๆ ก่อนเจมจะโซโล่กลองอย่างบ้า แล้วทุกชิ้นก็ผสานกันแบบใส่กันเต็มทุกอย่างที่มี เป็นจังหวะที่โคตรบันเทิง แถมยังงัดจังหวะหมอลำสามช่าขึ้นมาเรียกกำพรืดไทย ๆ ออกมาอย่างม่วน ฮุกสุดท้ายทุกคนก็ตะโกนร้องตามอย่างลั่น
หลังจบแล้วก็มีแฟน ๆ ตะโกนว่าขออีกเพลง แต่เหมือนวงก็เตรียมมาไว้อย่างดีแล้ว ก็ซัดเพลง เห้ยจารย์ อีกรอบขึ้นมา ซึ่งไดนามิกที่กำลังได้ที่ก็ทำให้ทุกคนตะโกนร้องตามตั้งแต่คำแรกเลย วงก็ระบายความฟังก์นุ่ม ๆ ไว้อย่างเท่ ท่อนโซโล่ก็ซัดกันนัวเหมือนเดิม ต่อด้วย ขอบอก ที่ใส่ความบลูส์ลงไปได้อย่างสนุกมาก แถมฟอร์ดก็โชว์แร็พอย่างเทพ และ outro ไปอย่างเท่
ฟอร์ดถามว่าใครจะขอเพลงอะไรอีกมั้ย ทุกคนก็ตะโกนแข่งกันจนฟังไม่ได้ศัพท์ ก่อนฟอร์ดจะจัดเพลง Ghost Story ให้ ซึ่งก็ยังเล่นได้แน่นเหมือนเดิม
เป็นคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มที่พิเศษมาก เล่นกันจัดเต็มเหมือนคอนเสิร์ตเต็ม ๆ แถมเพลงยังลับแลขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะโซโล่ที่โหดมาก ๆ จนคนหน้าเบี้ยวกันทั้งร้าน ก่อนจะไปเพลงสุดท้าย ฝนและฉันเท่านั้น ก็มี interlude เล็ก ๆ กีตาร์สองตัวก็คือล้อเล่นกันอย่างเพลิน ไลน์กีตาร์ของฟอร์ดมันเท่แค่ไหนก็สังเกตได้จากปากเม้มจนจะแตก ดนตรีก็ใส่กันเต็มกราฟ ท่อนโซโล่ทุกคนก็เอากันตาย
กว่าจะรู้ตัวอีกที เวลาก็เลยจากตารางเวลามาไกลมาก หลังจบทุกคนก็แวะมาอุดหนุน merch ของวงกันแน่น พร้อมต่อคิวกันเข้าไปขอลายเซ็นต์และทักทายกันอย่างเป็นกันเองจนจบงาน ศิลปินก็อิ่มอก แฟนเพลงก็อิ่มใจสุด ๆ เพราะโชว์วันนี้เองก็เรียบเรียงใหม่ได้น่าสนใจมาก ๆ หลายเพลงคือเรียบเรียงใส่ลูกเล่นใหม่ ๆ เพื่อแฟนเพลงเดนตายทั้งหลายโดยเฉพาะ จบงานแล้วขอฝากตัวเป็นด้อมคอไก่เต็มตัวกันทุกคนชัวร์ และเป็นอีกวันที่ดีมาก
ส่วนใครอยากจับจองแผ่นไวนิลอัลบั้มนี้ของ FORD TRIO สามารถติดต่อหลังไมค์ได้ที่เพจ CD COSMOS เลยจ้า
ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา