หลังจาก Chucky Factory Land ปล่อยอัลบั้มที่สองออกมาในชื่อ Lost in Noir พร้อม 16 เพลงหลากรสชาติของความร็อก ก็น่าจะยังไม่สาแก่ใจพวกเขา เมื่อวงประกาศจัดปาร์ตี้เพื่อเปิดอัลบั้มด้วย พร้อมหยิบทั้ง 16 เพลงในอัลบั้มมาเล่นให้ทุกคนฟังในงานนี้ด้วย ซึ่งมีแก็งเพื่อน Chucky มาแจมด้วยไม่ว่าจะเป็น Nike Polo และแก็งดีเจที่อยากยืดเวลาค่ำคืนความสนุกออกไปให้นานที่สุด ครั้งนี้ก็จัดเต็ม เปลี่ยน CD COSMOS ให้กลายเป็นปาร์ตี้เล็ก ๆ บ้านเพื่อนได้ดูดีมาก ใครไม่ได้ไปวันนั้นก็มาอ่านบันทึกความสนุกได้ที่ COSMOS Voyage อันนี้เลย
31 พฤษภาคม 2567
ประตูเปิดตอน 1 ทุ่ม แฟน ๆ ก็ถยอยกันมาเรื่อย ๆ ท่ามกลางแสงสีวาบหวามที่ย้อมร้านเป็นม่วงน้ำเงินชวนเมามาย ร้านก็ตกแต่งด้วยริบบิ้นระโยงระยาง พร้อมลูกบอลดิสโก้ไซส์กำลังน่ารัก เหมือนงานปาร์ตี้บ้านเพื่อนที่จัดกันแบบง่าย ๆ วันนี้มีแก็งเพื่อน Chucky อีกกลุ่มคือร้าน The Awakening Cat ซึ่งจะมาเสิร์ฟเครื่องดื่มอร่อย ๆ ให้ทุกคนในงาน เราแอบชิม KATT KOLA ซึ่งเป็นคราฟโคล่าโนแอลที่ทางร้านปรุงเอง รสองุ่นก็หอมชื่นใจทุกคำจนเราอดใจสั่งแก้วที่สองไม่ไหว ใครลองสั่งรสแอปเปิ้ลมาบอกหน่อยว่ารสชาติอร่อยแค่ไหน
หนึ่งทุ่มครึ่งปุ๊บ ทุกคนก็ปรบมือต้อนรับ Nike Polo เข้าเซ็ต พร้อม interlude ด้วยเพลง CARE “งานแรกเลยครับ” นิกกี้พูดเรียกกำลังใจตัวเอง ทุกคนก็ส่งเสียงเชียร์กันสุดตัว วันนี้เขามาคนเดียวพร้อมดาต้าพร้อมร้องสด
ประเดิมด้วย MIYAZAKI ที่เหมือนอุ่นเครื่องกันก่อนด้วยบีทหนึบ ๆ กับสไตล์การร้องและการแร็พที่เป็นเอกลักษณ์ของนิกกี้ ก่อนจะต่อด้วย Lay On Me ที่บีทกระแทกใจตั้งแต่ท่อนแรก แม้ออดิโอจะครบรสสุด ๆ แต่หยิบมาเล่นโชว์แล้วเสียงร้องก็แบกดาต้าไปไหวทั้งเพลง ต่อด้วย Amino Acid เรียบเรียงใหม่เพื่อโชว์นี้โดยเฉพาะ เติมบีทนุ่ม ๆ เข้าไปให้มันอัพบีทขึ้นหน่อย นิกกี้ก็ทำใช้เสียงตัวเองสร้างไวบ์ชิล ๆ ขึ้นมา คนดูก็โยกเอวตามเบา ๆ ช่วงท่อนหลังก็อัดเสียงซินธ์เท่ ๆ เข้าไปได้อารมณ์สุด
ก่อนจะถามทุกคนว่า “หรอยม๊าย” ทุกคนก็รับลูกทันทีว่าหรอยยยย ก่อนจะคั่นด้วยเพลงโคฟเวอร์กับ Juno ของ Choker ที่นิกกี้และแก็งชักกี้ชอบเหมือนกัน หยิบกีตาร์ไฟขึ้นมาตีคอร์ดไปด้วยแล้วร้องไปด้วย แม้จะแอบสะดุดในรอบแรกหน่อย แต่ทุกคนก็ส่งเสียงให้กำลังใจจนรอบสองเข้าเพลงได้ดี ทุกคนเองก็ช่วยกันร้องตามด้วย แต่เสียงของนิกกี้เองก็เข้าถึงอารมณ์ในท่อนฮุก สะกดให้ทุกคนฟังจนจบเพลง
นิกกี้ก็อวดเพลงใหม่ที่ยังไม่มีชื่อเพลงให้ทุกคนที่นี่ฟังก่อน บีทก็สนุกมากแถมมีกรูฟที่ร้ายเอาเรื่อง แต่ไรม์ของนิกกี้ก็เทิ้นเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน โดยมีแก็งชัคกี้ค่อยเชียร์อยู่ด้วย ซึ่งเรียกเสียงปรบมือในตอน outro ได้ถล่มทลาย ซึ่งนิกกี้เกริ่นไว้ว่าอาจจะปล่อยในเดือนสองเดือนนี้
อีกหนึ่งเพลงที่นิกกี้ยังไม่ได้ปล่อย ก็มีกลิ่นของความเป็น funk นุ่ม ๆ อุ่น ๆ ดันให้เสียงนิกกี้ยิ่งโคตรอบอุ่นใจ ก่อนจะสลับจังหวะมาบีทสนุก ๆ ของ FANTASIZE ได้เนียนกริ๊บ ซึ่งพอฟังสดแล้วก็ยิ่งทึ่งในสกิลการแร็ปของนิกกี้ที่ก็โคตร lil หลังจบเพลงนี้ นิกกี้ก็บอกว่าเพลงที่เตรียมมาหมดแล้ว ทุกคนบอกว่าให้ร้องเพลงสุดท้ายอีกครั้ง แต่นิกกี้ขอโคฟเวอร์ Chucky Factory Land เพลงหนึ่งละกัน ก็จับกีตาร์ไฟขึ้นมาบรรเลง Superbed Therapy อย่างนุ่มนวล เรียกเสียงปรบมือหนึ่งกรุบกับโชว์แรกของเขา
นิกกี้ลงจากเวทีแป๊ปเดียว Chucky Factory Land ก็เข้ามาในโซนเวทีทันที ไม่ปล่อยให้แฟน ๆ คอยนาน พร้อมบรรเลง Prep Walk ที่เคลือบความอ่อนโยนไว้ในความเดือดเบา ๆ สะกดคนดูทุกคนให้ตั้งใจฟัง ก่อนจะอัพบีทกลองอย่างดุจนทุกคนต้องโห่ร้อง เสียงร้องที่บิลให้คนดูเริ่มไฮป์ตามเรื่อย ๆ แล้วก็ซัดด้วยจังหวะกลองมัน ๆ พาดนตรีซิ่ง ๆ จนคนดูสนุกตาม ต่อด้วยจังหวะทะเล้น ๆ ของ This is Drug ซึ่งใช้กลองกับซินธ์ได้น่ารักมาก ทุกคนก็อยากร้องตามตั้งแต่ฮุกแรกเลย เวอร์ชั่นเล่นสดแบบนี้ก็คือซิ่งเกินออดิโอไปไกลมาก โดยเฉพาะท่อนก่อนฮุกสองที่สลับจังหวะนิดหน่อยให้เราได้หน้าเบี้ยวตามดนตรี
Vivid Call อินโทรที่ชวนล่องลอย ก่อนจะดึงเข้าจังหวะร็อกเท่ ๆ ล้อไปกับไรม์แร็พเท่ ๆ ช่วงท้ายที่ค่อย ๆ เร่งจังหวะให้มันแน่นขึ้นจนเราต้องหยีตาย่นจมูกตามไปตลอดเวลา เรียกเสียงปรบมือดังลั่นร้าน OLDE ที่มีจังหวะนุ่มไม่แพ้กัน แถมยังมีความป็อปที่บรรเลงจังหวะอันเหลือร้าย พวกเขามีพลังบวกชวนยิ้มที่ส่งต่อให้กับคนดูจนต้องโยกหัวตาม BLINKZ เสียงสับกีตาร์ไฟที่มีเสียงกลองคอยบิลอยู่ข้างหลัง กับสไตล์การร้องที่เท่ไม่หยอก ท่ามกลางเสียงซินธ์ที่โดดเด้งไปมา สร้างจังหวะหนึบ ๆ น่าพิศวงได้อย่างดี ช่วงท้ายกับการวู้ฮู้ที่ไม่มีใครต้านทานในการร้องตามได้ ทำให้กลายเป็นไวบ์ที่โคตรดี
อินโทร Hood Gallery ที่โคตรเพลินหูมาพร้อมกับจังหวะกลองที่บิลให้เราต้องโยกตาม โดยเฉพาะท่อน brigde ที่บีบนวดเราด้วยจังหวะสนุก ๆ เกินเรื่องจนยืนเฉย ๆ ไม่ไหวแล้วโยกย้ายอวัยวะตาม เสียงซินธ์นัว ๆ เรียกร้องความสนใจ พร้อมจังหวะ Lost In Noir ที่ผสมจังหวะร็อกเข้ม ๆ เข้ากับเสียงซินธ์หนึบ ๆ แล้วสลับจังหวะไปให้ดนตรีทะมึนจนนัวขึ้นไปอีก เรียกว่าเฮี้ยนตั้งแต่ต้นเพลงยันจบเพลงเลยทีเดียว หลังจบก็ยังมีคนตะโกนตามว่า “เอาอีก” ก่อนจะฟาดจังหวะนัว ๆ
ต่อเลยด้วยเพลง Smashin Mr.Tangerine ซึ่งซัดความร็อกแอนด์โรลเต็มขั้น เบสคือหนึบเกินเรื่องมาก จังหวะที่ต้องคลั่งก็ใส่กันสุดขีด แล้วพอย้อมเซ็ตด้วยสีแดงมันก็ยิ่งเดือดเข้าไปอีก outro ที่ดุดันอีก The Good Going Down Under ขึ้นมาก็เรียกเสียงกรี๊ดได้ทันที ด้วย intro ที่มีความดรามาติกสุด ๆ ด้วยดนตรีและการแผดเสียงอันดุเดือด ความเกรี้ยวกราดที่คุกรุ่นอยู่ในจังหวะนุ่ม ๆ นั้นทำเราหน้าเบี้ยวเลย ท่อนสุดท้ายที่ใส่กันเต็มก็เรียกเสียงปรบมือดังลั่นร้าน
มาถึงเซ็ต 3 เพลงสั้นที่จับมาเรียงต่อกันแล้วโคตรเป็นคอมโบที่ดีต่อใจ GUTS ทุกคนปรบมือตามจังหวะซินธ์นัว ๆ พร้อมด้วยไรม์เดือด ๆ ที่สะกดให้ทุกคนไฮป์ตาม Intermission ที่มีบีทแทร็ป ๆ นิดไฮป์จัดด้วยจังหวะกลองอันหนักหน่วง J.O.Y บีทหนึบ ๆ ชวนโยกหัวตามเบา ๆ โดยมีเสียงร้องขับกล่อมไปเบา ๆ ก่อนวงจะขอบคุณรอบที่ 47 สำหรับคนที่มาเจอกันวันนี้ พร้อมแนะนำชื่อตัวเองแบบไม่ซ้ำกับที่ไหนเหมือนอย่างเคย อย่าไปเชื่ออะไรมาก ฮา
Urgent Order จังหวะรัวกลองที่เหมือนพิธีกรรมอะไรซักอย่าง พร้อมเสียงกีตาร์ที่ปลุกอารมณ์ไม่ให้ทุกคนอ่อม ซึ่งทุกคนก็โยกหัวตามอย่างว่าง่าย ท่อนดรอปที่พาเราลงสุดแล้วซัดเสียงกีตาร์กรูฟหวาน ๆ แล้วขยี้แต่ละคอร์ดลงไปได้หน้าเบี้ยวสุด ก่อนเสียงกีตาร์ประหลาด ๆ ค่อย ๆ ประกอบรูปร่างกันขึ้นมาเป็นจังหวะอบอุ่น ๆ เสียงซินธ์ดุ ๆ กับจังหวะกลองที่เกรี้ยวกราดสวิชอารมณ์เพลงอย่างรวดเร็ว
punkrockdryskin* มาด้วยจังหวะที่เอาเรื่องตั้งแต่ intro สลับช้าเร็วไปมาจนกระตุ้นอดีนารีนเราได้อย่างน่าประหลาด ยังไม่นับครึ่งหลังที่ใส่ความคลั่งลงไปจนจังหวะโคตรมัน สาดความเป็น distortion ใส่จนเราเหวอ แล้วก็กลับมาจังหวะทะเล้นในแบบของตัวเองอีกรอบ ไอ้ความที่คาดเดาไม่ได้กลับกระตุ้นสัญชาตญาณความมันของเราให้ตื่นเต้นตลอดเวลา
Jimmy Smiley อีกเพลงที่เราชอบมาก ซึ่งเอามาเล่นสดแล้วก็โคตรไฮป์ตาม โดยเฉพาะฮุกแรกที่พูดถึงจิมมี่คือโคตรมัน Running on Empty ก็มีจังหวะซิ่ง ๆ ตั้งแต่ intro เลย บีทหนึบ ๆ ชวนเราโยกทั้งเพลง outro ที่ค่อย ๆ ดรอปจังหวะลงก็เท่มาก
มีแต่คนบอกให้เอาอีกหรือเอาใหม่กันรัว ๆ ก่อนจะเริ่มประกาศผู้โชคดีที่เล่นเกมกันในงาน ใครคิดชื่อตัวเองได้โดนใจ Chucky ที่สุดก็รับรางวัลเป็นซีดีอัลบั้มใหม่ไปเลย ซึ่งชักกี้ก็ปรึกษากันอยู่แป๊ปนึง ก่อนจะแถมให้อีกสองเพลงเก่าอย่าง Once I Got ที่ทุกคนชอบจากอัลบั้มแรก จังหวะกลองที่บิลมาอย่างดี โดยมีทุกคนช่วยร้องตามตั้งแต่ท่อนแรก ท่อนฮุกเองก็ดึงความสนุกของทุกคนออกมาได้อย่างดี
หลังจบเพลง วงก็พูดขึ้นมา “ขออนุญาตกลับบ้านนะครับ” เรียกเสียงหัวเราะนิดหน่อย ก่อนจะซัดคอร์ดเบสอันพิศวงของเพลง Thirteen Trigger Things ขึ้นมา ซึ่งวงก็ยังเล่นได้ไฮป์และแน่นเหมือนเดิมเลย outro ก็โดนยืดออกไปเพื่อโชว์สกิลร็อกเข้ม ๆ ให้ทุกคนเหวี่ยงหัวตาม ขยี้อารมณ์เข้าไปทุกห้องจังหวะ
หลังจากเคลียร์เวทีนิดหน่อย ก็ถึงตาของ Takky & Pastaluvu ดีเจทั้งสองคนก็พร้อมจะมาสานต่อความสนุก ซึ่งคนดูก็พร้อมที่จะเต้นต่อแล้วจ้า พวกเขาเรียบเรียงจังหวะ house ผสม ๆ กับความ minimal techo เบา ๆ ให้เราโยกได้พองาม แต่พอขยี้ตาดี ๆ ดีเจคืนนี้คือ ไวกิ้ง Soft Pine และเพื่อนสาวของเขานี่เอง ซึ่งทุกคนก็ปล่อยตัวปล่อยใจกันเต็มที่ เติมให้ปาร์ตี้คืนนี้ปิดไปอย่างสวยงาม
สำหรับ Nike Polo ก็ดูดีเลยสำหรับการขึ้นเวทีครั้งแรก แม้โชว์จะดูไม่ค่อยกระทบกระทั้งเท่าไหร่เพราะมีคนเดียว แต่นิกกี้ก็ใช้จุดแข็งคือสไตล์ของตัวเองถ่ายทอดเพลงของตัวเองออกมาได้ ส่วน Chucky ก่อนมางานนี้ก็ไม่คาดหวังเหมือนกันว่าวงเองก็จะเล่นเพลงทั้งอัลบั้มให้ฟังกว่า 16 เพลงเลย แถมฟังไปถึงกลาง ๆ โชว์แล้วเพิ่งนึกได้ว่าวงเองก็เล่นตามเพลงที่เรียงในอัลบั้มเลย มีสลับ ๆ นิดหน่อยซักสองเพลง แต่พอดูโชว์แล้วก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกชอบเล่นดนตรีของพวกเขามาก ๆ วานผู้จัดจ้างได้ หวังว่าวงจะได้มีเซ็ตหลวงเร็ว ๆ นี้ต่อเลย
ส่วนใครยังไม่ได้ฟัง ‘Lost in Noir’ อัลบั้มใหม่ของ Chucky Factory Land ก็ไปเสิร์ชบนสตรีมมิ่งที่ตัวเองถนัดได้เลยจ้า
ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา