หลังจากที่พาอัลบั้ม Chalawan Sound ไปเจอกับแฟน ๆ ต่างประเทศก่อนแล้ว H3F ก็อยากมอบของขวัญให้กับแฟนเพลงชาวไทยด้วยการจัด Chalawan Sound Party with H3F แบบเป็นกันเองสุด ๆ ด้วยการคัดแฟนเพลง 100 คนที่จะได้มาเจอกันในงานนี้แบบฟรี ๆ ที่ CD COSMOS พร้อมเปิดให้จับจอง Merch ก่อนใคร ๆ ด้วย บอกเลยว่าเป็นงานที่อบอุ่นมาก พร้อมเซ็ตลิสต์ที่วงเตรียมมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ แล้วเอาใจแฟน ๆ ไปอีกขั้นด้วยการพูดคุยถึงที่มาของเพลงทุกเพลงเลยด้วย เรียกว่าใครชอบ H3F จะต้องฟินสุด ๆ แน่นอน
งานวันนั้นจะสนุกขนาดไหน กลับไปวันนั้นกันอีกครั้งใน Voyage ครั้งนี้กัน
1 ตุลาคม 2566
ก่อนจะถึงเวลาเปิดประตู แฟน ๆ ก็มารอกันหน้าร้านแล้ว หลังจากเปิดให้ลงทะเบียนสำหรับผู้โชคดีก็เข้ามากันเต็มร้านเลย ซึ่งวันนี้พิเศษกว่างานอื่น ๆ โดยร้านก็ถูกตกแต่งด้วยไฟส้มชวนอบอุ่น เหมือนไปนั่งฟังเพลงจิบเครื่องดื่มอารมณ์ดีที่บ้านเพื่อน
พอสองทุ่มปุ๊บวงก็เข้าเซ็ตแฟนเพลงก็กระชับเข้ามาล้อมเวทีไว้ทันที “ตอนแรกไม่ล่ก ตอนนี้ล่กแล้ว” ทุกคนก็ปรบมือให้กำลังใจกันทันที ก่อนวงจะซัดกีตาร์ intro ของ Chalawan Funk ขึ้นมา ทุกคนก็โห่ร้องตามด้วยความดีใจ แค่ท่อนแรกก็คือนุ่มนวลสุด ๆ แฟนเพลงก็ขยับตัวตามทุกจังหวะไป โดยเฉพาะท่อนโซโล่ที่เร่งจังหวะได้เข้มสุด ๆ ก็ทำให้อดโยกหัวตามไม่ได้จริง แค่เพลงแรกก็เรียกเสียงปรบมือได้ดังลั่น
ซึ่งก้องเล่าว่า ปกติจะเป็นคนทำเพลงไปให้เพื่อน ๆ ซ้อมหรืออัดเพลงด้วยกัน แต่รอบนี้คือทุกคนช่วยกันแต่งช่วยกันแจม เลยทำให้อัลบั้มนี้แตกต่างจากอัลบั้มก่อน ๆ เพราะน่าจะมีตัวตนของสมาชิกทุกคนในวงอัดแน่นในอัลบั้มนี้
ต่อด้วยเพลง Inner Me ที่มีความบลูส์นิด ๆ ท่อนฮุกที่อัดจังหวะเข้าไปรัว ๆ คือโคตรเท่ท่อนดรอปแล้วซัดโซโล่คือเซ็กซี่โคตร ๆ ลีดกีตาร์ก็คือสะกดทุกคนจนไม่สามารถละสายตาจากก้องไปได้เลย ซึ่งก้องก็เล่าต่อว่าเป็นเพลงที่ปิงขึ้นคอร์ดก่อนแล้วทุกคนก็ช่วยกันเติม เพลงในอัลบั้มนี้ฟังแล้วแก่หน่อยเพราะใช้วิธีแต่งแบบแก่ยังงี้
แล้วซัดด้วย So Long ซึ่งก้องบอกว่าเป็นเพลงโปรดของพี่หม่อมเขานะครับ มีความ 60-70 นิด ๆ ด้วยทางคอร์ดเก่า ๆ ซึ่งพวกเรารู้สึกชอบมาก ด้วยความเป็นเพลงรักเลยอยากให้มันมีลูกเล่นน่ารัก ๆ หน่อย แค่ intro ก็โรแมนติกมาก ด้วยดนตรีที่หวานเยิ้ม ชวนโอบเอวแล้วเต้นไปด้วยกันสุด ๆ ฮุคหลังที่เติมเสียงคีย์บอร์ดหวาน ๆ เข้าไปอีกคีย์คือเอาไปประกอบหนังรักได้แล้ว outro ด้วยเปียโนหวาน ๆ คือเรียกเสียงปรบมือดังลั่นร้าน
ต่อด้วย Catwalk ที่กีตาร์ที่ทะเล้นสุด ๆ จากการได้ Phum Viphurit มา feat ด้วยในเพลงนี้ ซัดกีตาร์ฟังก์ ๆ ส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ให้กระจายไปทั่วร้าน
หลังจบเพลง ก้องก็อธิบายว่าอัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มแรกที่ได้ feat คนอื่น ตอนได้เจอภูมิวันแรก ด้วยความมีกีตาร์ภูมิแล้ว ปิงเลยไปเล่นคีย์บอร์ดแทน พอแจมครั้งแรกทุกคนก็โอเคเลย เพลงนี้ทำสองวันคือวันแรกแจมแล้วชอบเลย วันที่สองคือทำให้แน่ใจว่าชอบจริง ๆ ชอบภูมิอยู่แล้ว พอได้ทำงานด้วยกันถึงรู้ว่าภูมิ open มาก ๆ ทำอะไรออกมาภูมิก็รับฟัง ก่อนจะแนะนำสมาชิกอีกคนของวง เอ็กเจ มือคีย์บอร์ดของวง ส่วนตัวน้องมีวงของตัวเองชื่อ MOON ทำเพลงอยู่ก้องก็ฝากทุกคนติดตาม
ต่อด้วย Remembering You ที่เป็นบันลาดหวาน ๆ กลมกล่อมด้วยกีตาร์กับกลองที่สร้างอารมณ์ราวกับเทพนิยายให้ทุกคนเคลิ้มไปตาม ๆ กัน ซึ่งสองเพลงนี้ไม่ได้หยิบไปเล่นที่ไหนมาก่อน โคตรตื่นเต้น ซึ่งเป็นสองเพลงที่อยากให้มีความเก่า ๆ นิดนึง ซึ่งจริง ๆ จะมีเครื่องเป่าด้วย
ก้องบอกเพลงต่อไปเป็นเพลงโปรดของพี่แม็ค แต่จริง ๆ เป็นเพลงที่ร้องยากสำหรับผมเหมือนกัน ซึ่งเป็นเพลงให้กำลังใจนะครับ Get Back ที่ดึงอารมณ์สุด ๆ มีความดรามาติกในกีตาร์กับเสียงของก้องสุด ๆ แม้จะบอกว่าร้องยากแต่ก็ยังทำได้ดี อารมณ์มาเต็มเหมือนเดิม เสียงปรบมือก็เกรียวกราวเหมือนเดิม
ก้องเล่าว่าคนอัดเปียโนให้คือเจ้าของช่อง Mad Puppet Studio ซึ่งเขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยเรา ก้องบอกว่าเขาเก่งจนหายใจเป็นดนตรีแล้วอะ ก็ชวนเขามาอัดขำ ๆ เขาก็ทำให้ทันที เขาบอกเอาไปใช้ละกันไม่ค่อยชอบเลยว่ะ แต่เราชอบมาก เลยได้มาอยู่ในเพลงทั้ง So Long กับ Get Back เหมือนเขามาจบเพลงให้เราเลย โชคดีที่ได้รวมงานกับแก
ต่อไปเพลงโปรดของก้องบ้าง กับ Tonight ซึ่ง intro มามีกลิ่นของความเป็น r&b สุด ๆ ด้วยเสียงเท่ ๆ ของก้อง ท่อนโซโล่คือขยี้กันสุด ๆ ทั้งคีย์บอร์ดทั้งกีตาร์ไม่มีใครยอมใครเลย ไต่คีย์กันขึ้นไปเรื่อย ๆ จนคนดูหน้าบี้ตาม
แล้วก้องก็พูดขอบคุณทุกคนที่ลงทะเบียนมาเจอกัน วงทำเพลงก็เพราะชอบดนตรีจริง ๆ อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มแรกที่เราทำกับค่ายเพลง ก็ขอบคุณค่าย NewEchoes และทีมงานทุกคนที่ทำให้งานนี้เกิดขึ้น ซึ่งเราไม่เคยทำด้านนี้มาก่อน ยังไงขอบคุณมาก ๆ ที่ทุกคนยังซัพพอร์ตกัน
เสียงเปียโนหวาน ๆ ของ You ก็ขึ้นมา ก้องเล่าว่ามันเป็นเพลงที่คาเฟ่อเมซอนจ้างมาทำ นึกว่าจะมีคำว่ากาแฟหรืออเมริกาโนในเพลง แต่ทีมเขาน่ารักมาก ไม่ต้องมีอะไรเลย You นี่อาจจะไม่ใช่คนรักก็ได้ อาจจะเป็นใครที่สำคัญกับเรา แล้วขับกล่อมทุกคนด้วยเสียงร้องหวาน ๆ ก่อนจะซัดเข้ามาด้วยดนตรีสนุก ๆ ท่อนฮุกที่หวานเยิ้มขโมยหัวใจคนฟังได้หมดทุกคน จบเพลงก็เรียกเสียงปรบมือดัง ๆ ให้รัว ๆ
เพลงสุดท้ายแล้ว คือเพลง Cultivation ก้องก็เล่าต่อว่า มันคือเพลงที่ทำให้เรากล้าทำอัลบั้มนี้ หลังอัลบั้มสอง workflow บางอย่างมันเครียดไปนิดนึง มันเครียดไปทั้งการมาเจอเพื่อน การมาซ้อม อยากหาวิธีใหม่ ๆ ที่เราจะสนุกกับมัน อยู่ดี ๆ พี่เบนจามินก็ทักมาว่า “Bro, do you wanna jam?” ก็ถอดสมองไปเจอเขา แล้วได้เพลงนี้มาเลย ตอนเข้าห้องอัดคือไม่เคยรู้ว่าเสียงพี่เบนเขาจะเข้มดุขนาดนี้ ถามว่าทำไมเขาไม่ร้องแบบนี้ เขาก็บอกไม่กล้าร้องเหมือนกัน เลยเชียร์ให้เขาทำ พอได้มาเจอพี่เบนก็เลยกล้าที่จะทำดนตรีในแบบที่เราอยากทำ ยกเครดิตให้พี่เบนเลย เรียกเสียงปรบมือให้พี่เบนอีกครั้ง
intro ที่โคตรฟังก์ กลมกล่อมด้วยดนตรีจากทุกชิ้นจนเราต้องโยกหัวตามตั้งแต่ท่อนแรก ก่อนจะเข้าท่อนแรกด้วยเสียงเข้ม ๆ ของก้อง ท่อนที่ซัดบลูส์มัน ๆ ก็คือเอาตาย เล่นสดคือโคตรพลัง แล้วก้องก็แร็พท่อนเบนด้วย ครึ่งหลังที่ซัดดนตรีกันแน่น ๆ แบบไม่สนร้านแล้ว คนดูก็คือโยกไปตามตามจังหวะราวกับลัทธิอะไรซักอย่าง outro ที่ซัดเต็ม ๆ จนเรียกเสียงครางของคนดูได้อีก เรียกเสียงปรบมือส่งท้ายกันเกรียวกราว
ก้องส่งท้ายโชว์ด้วยการขอบคุณทุกคนที่มาดู พร้อมฝากอัลบั้มใหม่ Chalawan Sound ด้วยนะครับ เล่นจบแล้ว นอกจากจะได้ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึกแล้ว วงยังตั้งโต๊ะเจอกับแฟน ๆ อีกครั้งแบบเป็นกันเองสุด ๆ ทั้งแจกลายเซ็นต์ ทั้งถ่ายรูป แบบ exclusive สุด ๆ บอกเลยว่าไม่มีงานไหนจัดให้ขนาดนี้อีกแล้วจ้า
กิจกรรมสนุก ๆ แบบนี้จะมีอีกเมื่อไหร่ ฝากติดตามเพจ CD COSMOS และ The COSMOS ไว้เลย จะได้ไม่พลาดนะจ้ะ
ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา