เรียกว่าทัวร์กันวันต่อวันเลยทีเดียว สำหรับการมาเยือนไทยครั้งแรกของ Anxious วงดนตรีโพสต์-เมโลดิกฮาร์ดคอร์สัญชาติอเมริกันที่ล่าสุดพวกเขาพึ่งเซ็นต์สัญญากับค่าย Run For Cover Records พร้อมออกอัลบั้มเต็มในชื่อ ‘Little Green House’ และประกาศ South East Asia Tour ตามมา โดยปักหมุดที่กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่สามรองจากประเทศเกาหลีและฟิลิปปินส์
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณสองทีมผู้จัดจาก Wildest Youth และ Holding On Records ที่พาพวกเขาข้ามฟากมา แม้โชว์ต่อไปของวงที่สิงค์โปรจะต้องบินไฟล์ทตีห้าก็ตาม ตัวผู้เขียนเองก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ดูวงสายนี้อีกเมื่อไหร่ พอทราบข่าวคราวประกอบกับอารมณ์ที่พี่งอินหลังจากใช้เวลาฟังหลาย ๆ ผลงานวอร์มรอ ในเย็นวันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม 2566 เราก็รีบปรี่มาหน้างานแบบไม่สนว่าจะเจอคนรู้จักมั้ย จะยืนกอดคอร้องเพลงกับใครได้บ้างหรือเปล่า
Opening Acts ประเดิมที่ Hut Boy วงดนตรีที่ปล่อยผลงานออกมาไม่กี่ซิงเกิลแต่น่าจับตามอง กับเพลง ‘Only Friend’ ที่เผยความในใจอย่างจี๊ด ๆ ว่าไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนนี่หว่า ต่อด้วย ‘เป็นได้ทุกอย่าง’ งานเพลงคัฟเวอร์จาก URBOYTJ ในเวอร์ชั่นป๊อปพ่วงอิเลเมนท์ดุ ๆ ถัดมาพวกเขาจะเทใจกันเซย์ ‘Goodbye’ ผ่านดนตรีเนิบช้าคลออิเล็กทรอนิกบีทพาเศร้า แล้วต่อด้วยเพลงใหม่ชื่อ ‘มองโบ๋’ ที่วงบอกว่านำมาเล่นที่งานนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งมีทั้งจังหวะชวนออกสเต็ป แร็พไฟลุก และเนื้อหาสุดเซ็งตามประสาวัยรุ่นอกหักที่สาวดันไปชอบไอหนุ่มทรงโก๋มากกว่า ก่อนฮัทบอยจะจบโชว์ด้วยเพลง ‘Spicy’ ซิงเกิลรสชาติเผ็ดร้อนกับเมโลดิกคอร์ดน่าขยับ สลับกับกระเดื่องกลองเน้น ๆ เผอิญวงไม่ยอมปล่อยคนดูไปง่าย ๆ ซะงั้น เพราะดันมีคนตะโกนขึ้นไปว่า “เอาอีก…เอาอีก” เลยจัดหมอลำสามช่าให้อีกหนึ่งแมทช์ อะไรไม่รู้ แต่สนุกมาก
และทันทีที่ Muggle Lad เปิดตัว พวกเขาก็ไฮป์คนดูแบบไม่รีรอด้วยเพลง ‘Pinky Pie’ ซิงเกิลแรกของวงกับจังหวะกลาง ๆ พร้อมเนื้อหาสไตล์อีโมร้องตามได้ แน่นอนว่าระหว่างโชว์พวกเขายังหันมาทวีคูณความซาบซ่าผ่านออริจินอลแทร็กสลับการคัฟเวอร์ผลงานของบรรดาศิลปินมีชื่อ อย่างวง Lit ในเพลง ‘My Own Worst Enemy’ และ The Story So Far ในเพลง ‘Roam’ โดยไม่ลืมหยิบ ‘Deal’ จาก No Pressure มาเอาใจวัยรุ่นป๊อปพังก์ทุกสมัย ก่อนฝากริทึ่มหนัก ๆ ในเพลง ‘Fifa’, ‘Like I Told’ และ ‘ถ่ายรูป’ ที่สุดท้ายก็มีคนบอดี้เซิร์ฟตามคำขอ
มาถึงคิวพี่ใหญ่ของงาน Pistols99 เปลี่ยนหลอดไฟสีฟ้าของ Blueprint Livehouse ให้กลายเป็นสีแดงประจำลัทธิซิธและเปิดตัวด้วย ‘The Imperial March’ ธีมเพลงของ Darth Vader วายร้ายแห่งจักรวาลสตาร์วอร์ ไม่นานนักร้องนำก็แหกคอตะโกนว่า “วันจันนนนทร์” ระบายความเบื่อหน่ายที่ไม่ว่านักศึกษาหรือวัยทำงานก็ต้องเผชิญเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์จบลง ต่อกันที่ ‘Welcome to Bangkok’ กับจังหวะเพลงสนุกสนานควบกีตาร์โจ๊ะ ๆ อย่าง ‘A KID OF THE NATION’ รวมพลังวัยรุ่นประชาธิปไตยและ ‘Stupid Love Song’ เพลงรักริทึ่มเร็วที่พวกเขานำกลับมารีอะเรนจ์ใหม่เล็กน้อย ตอนนั้นอยากวิ่งใส่มากแต่ไม่มีใครเปิดนี่แหละ (หัวเราะ) ช่วงสาดเพลง ‘เบื่อโรงเรียน’ คนดูและเพื่อนพ้องก็เริ่มส่งเสียงเชียร์ เห้ยเห้ย! โว้วโอ! เป็นระยะ ก่อนปิดเซ็ตด้วยสามเพลงสุดเร้าอารมณ์ อาทิ ‘การลาออกครั้งสุดท้าย’, ‘เราจะมีชีวิตที่ดี’ และ ‘Coming Of Age’ ที่พากันสาดท่อนเบรคดาวน์พร้อมดนตรีช่วงท้ายอย่างไม่ประนีประนอม
เวลา 22.05 น. โดยประมาณ Anxious หรือ 5 หนุ่มจากรัฐคอนเนคติกัตก็เรียงแถวเดินขึ้นเวที พวกเขาหยอกล้อเราด้วยริฟฟ์กีตาร์ ‘Opposition’ ของวง Magnitude อีกหนึ่งวงหนักสาย straight edge ก่อนนักร้องนำจะพูดออกไมค์ว่า ”Move up…move up” เรียกให้ทุกคนเคลื่อนตัวมาแนวหน้า ขณะที่ Jonny Camner กำลังโหมจังหวะกลองข้าสู่เพลง ’Your One Way Street’ คนดูก็เครื่องติดตามเสียงดนตรีไปแล้ว ภาพที่เราเคยเห็นในคลิปการแสดงสดต่าง ๆ บนยูทูปมันไม่เกินจริงเลย ทั้งเอเนอจี้ของสมาชิกวงตั้งแต่เริ่มโชว์ เสียงฮัมเพลงตลอดทาง หรือกระทั่งผู้ชมที่วิ่งพล่านสลับกันขึ้นลงเวที
ไม่กี่วิถัดมาก็เป็นตา ‘In April’ ที่หันไปอีกที Tommy Harte มือกีตาร์ฝั่งปีกซ้ายคนดูก็ทิ้งตัว stage-dive บวก crowd-surfing เรียบร้อย ตามด้วย ‘Small’ ที่เซ็ตนี้ Sam Allen มือเบสพร้อมโชว์ท่าทูสเต็ปแบบ OG คู่ซาวด์สนุกเร้าใจ ซึ่งเพลง ‘Sunsign’ ถือเป็นช่วงชวนให้พักเท้าแล้วมาโยกหัวในจังหวะกลาง ๆ คลอเสียงประสาน เมโลดี้ไลน์ ริทึ่มกลอง และท่อนเบรคดาวน์ที่เราชื่นชอบ จบเพลงพวกเขาก็กล่าวขอบคุณแฟนชาวไทยว่า “This is our first time in Thailand, Thank you guys so much for being here”
จังหวะเสียงตะโกน “This is Speechless” และเพลง ‘Call From You’ ดังขึ้น บรรยากาศในห้องก็เริ่มร้อนระอุอีกครั้ง ริฟฟ์กีตาร์สับ ๆ สไตล์เมโลดิกฮาร์ดคอร์ ที่เสริมกับความป๊อปของท่วงทำนองอย่างกลมกล่อมนี่ติดหูไม่ไหว แม้จะผ่านมาครึ่งเซ็ตแล้ว วงไม่มีท่าทีว่าแรงจะตกเลย เคล็ดลับคงหนีไม่พ้นน้ำเปล่าที่เต็มอยู่ขอบสเตจกับร่างกายที่ผ่านการกระโดดมานับครั้งไม่ถ้วน ไอคนดูอย่างเราก็เริ่มเหนื่อยละ แต่สมองก็บอกว่า สู้ดิวะ! ถึงจะโดนตอกแขนม่วงไปหนึ่ง
ในช่วงเบรคระหว่าง ‘Afternoon’ กับท่อน “Treasure in your eyes…” และเพลงช้าสโลวแจม ‘You When You’re Gone’ ที่ส่งไม้ต่อให้ Dante Melucci มือกีตาร์ปีกขวารับหน้าที่คอรัส ส่วนตัวแอบสัมผัสได้ว่าทุกคนตั้งใจมาเชียร์จริง ๆ สักพักพวกเขาก็ประเดิมริฟฟ์จากเพลง ‘Growing Up Song’ ณ ตอนนั้นฝูงชนกลับมาลุกฮือแล้วช่วยเสริมท่อน “I don’t care at all, I don’t care at all” กันยกใหญ่ พอสิ้นเสียงไปได้ไม่นาน คนดูก็เฮสนั่นขอเพลงเพิ่มอีก 1 เพลงถ้วน และพวกเขาก็กลับมาเสิร์ฟ ‘The Long Spring’ หนึ่งในซิงเกิลจาก Compilation ’America’s Hardcore Volumn 5’ ที่รวบรวมผลงานของศิลปินสายทุบในค่าย Triple B Records ด้วยซาวด์สุดเร่งรัดกับการรัวกลองแน่น ๆ ปิดท้ายโชว์ที่โคตรชุบชูหัวใจและเติมพลังวัยรุ่นจนเอ่อล้นในค่ำคืนอันแสนอ่อนล้าได้อย่างเต็มเปี่ยม!
สำหรับใครที่พลาดก็ไม่ต้องเสียใจไป สามารถรับชมวิดีโอการแสดงสดของ Anxious จาก Palesights ได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลย
แบม นักเขียนน้องเล็กที่ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันกลับมาทำเพจ Listenist