Ryuichi Sakamoto | Opus นมัสการสุดท้ายขอมอบให้ทุกคนที่ยังรักในเสียงดนตรี

by McKee
1K views
Ryuichi Sakamoto Opus Merry Christmas Mr. Lawrence The Last Emperor Doc Club House Samyan

ผ่านไปหนึ่งปีพอดี กับการจากไปของคีตกวีคนสำคัญของวงการดนตรีแห่งยุคอย่าง Ryuichi Sakamoto (ริวอิจิ ซากาโมโต) เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2023 ซึ่งทั่วโลกก็ตอบรับและพร้อมใจกันไว้อาลัยให้กับการสูญเสียครั้งนี้ ซึ่งเราเองก็เสียใจจนถึงกับส่งบทความ “Art is long, life is short.” จดหมายเปิดผนึกถึงคนที่ยังไม่ได้รู้จักหรือฟังเพลงของ Ryuichi Sakamoto ออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อระบายความเสียใจของตัวเอง

แต่หลังจากนั้นไม่นาน การมาถึงของหนังเรื่อง Ryuichi Sakamoto | Opus ก็ต้องทำให้ทุกคนต้องทึ่ง กับภาพยนตร์คอนเสิร์ตที่บันทึกโชว์เดี่ยวเปียโนครั้งสุดท้ายของ Sakamoto เอาไว้ แม้วาระสุดท้ายเขาก็ยังเลือกที่จะทิ้งบางสิ่งที่เขารักที่สุดในชีวิตเอาไว้ให้กับโลกใบนี้

เราได้ดูเรื่องนี้ตอนงาน Japanese Film Festival 2024 ที่ผ่านมา บอกเลยว่านี่อาจจะไม่ใช่การแสดงที่ดีที่สุดของ Sakamoto แต่เขาก็ยังทำมันอย่างเต็มที่ด้วยร่างกายที่กำลังโรยรา ด้วยความตั้งใจที่อยากจะถ่ายทอดสิ่งที่เขารักจริง ๆ ออกมา จนเราสัมผัสได้และต้องเสียน้ำตาในเพลงท้าย ๆ ของโชว์

ตอนนี้ Documentary Club นำเข้ามาฉายแล้วทั้งที่ Doc Club และ House Samyan ถ้าคุณรัก Ryuichi Sakamoto คุณจะไม่พลาดหนังเรื่องนี้แน่นอน แต่เราอยากพูดถึงเบื้องหลังว่าทำไมมันถึงเป็นอีกโชว์ที่พิเศษสุด ๆ จนไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

หกเดือนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต กลางเดือนกันยายน 2023 ตัว Sakamoto เองที่รู้ว่าความตายกำลังจะมาถึงไม่ช้าก็เร็ว ร่างกายที่ทัวร์คอนเสิร์ตไม่ไหวอีกต่อไป อย่าว่าแต่กลับไปขึ้นเวทีอีกครั้งเลย เขาจึงตัดสินที่จะแสดงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจากไป โดยขอความช่วยเหลือจาก Neo Sora ลูกชายของเขาที่กำลังเตรียมตัวถ่ายหนังยาวเดบิวของตัวเอง และด้วยคำขออีกแรงจาก Norika Sora ผู้จัดการตลอดชีวิต และคู่ชีวิตของ Sakamoto แต่ยังไงครอบครัวก็ต้องมาก่อน

ทุกคนอาจคาดหวังว่าคอนเสิร์ตสุดท้ายของศิลปินระดับโลกอย่าง Ryuichi Sakamoto จะต้องหวือหวา จัดเต็มทั้งแสงสีเสียง อลังการณ์และยิ่งใหญ่ไม่เป็นรองใคร แต่สิ่งที่เราได้ดูในหนังเรื่องนี้มันกลับเรียบง่ายและอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด มีแค่เขากับแกรนด์เปียโนตัวหนึ่ง พร้อมดวงไฟไม่กี่ดวง และทีมงานอีกสามสิบชีวิตที่ซ่อนอยู่หลังกล้องในสตูดิโอ NHK Broadcasting Center’s 509 ซึ่ง Sakamoto คิดว่าเป็นสตูดิโอที่มีอะคูสติกดีที่สุดในญี่ปุ่น และถ่ายทำด้วยเทคโนโลยีทุกอย่างที่โลกนี้มี พร้อมทีมงานหนังและทีมดนตรีจากทั่วโลกที่มาช่วยถ่ายโชว์สุดท้ายนี้

Sakamoto ต้องเลือก 20 เพลง ที่ครอบคลุมการทำงานตลอด 5 ทศวรรษของเขาไว้ ตั้งแต่ป๊อปชุ่มชื่นใจ สกอร์หนังที่ทุกคนตกหลุมรัก ไปจนถึงงานแอมเบียนและงานทดลองสุดขีดที่ท้าทายคนฟัง การทำงานเป็นไปอย่างเชื่องช้า ด้วยสุขภาพของ Ryuichi เอง และความมืออาชีพของ Sora ที่เขียนชูตติ้งบอร์ดแบบมืออาชีพ การออกแบบแสงและเงาอย่างปราณีตและตารางการถ่ายที่ค่อนข้างเข้มงวด เพื่อไม่ให้กระทบขีดจำกัดร่างกายของ Sakamoto ในช่วงนั้นด้วย ทำให้วันหนึ่ง Sakamoto จะอัดได้แค่ 2-3 เพลงเท่านั้น

Sora ให้สัมภาษณ์ตามมาทีหลังว่า หลาย ๆ เพลงที่พ่อของเขาเล่นไม่ได้ดีเหมือนเดิม อาจเพราะว่าผลข้างเคียงของยาที่ใช้ประคองอาการของเขา แต่ Sakamoto ก็ได้พูดหลังจากที่ถ่ายจบว่า นี่คือโชว์ที่เขาพอใจมาก ๆ แล้วด้วยร่างกายของเขาตอนนั้น ซึ่งเขาเองก็รู้สึกใจหายเหมือนกันที่นี่อาจจะเป็นโชว์สุดท้ายของเขาแล้วจริง ๆ

อย่างที่บอกไว้ตอนต้น นี่คือภาพยนตร์คอนเสิร์ตขาวดำที่เป็นการโชว์เดี่ยวเปียโนที่ตัดสลับมุมกล้องไปมา โดยใช้สเปซของความสว่างและความมืดมาช่วยเล่าเรื่อง การมีอยู่และการไม่มีอยู่ของ Sakamoto ในแต่ละช่วงของหนังก็สื่อสารอะไรบางอย่างได้มากมาย หนังพยายามตัดทอนทุกอย่างที่ไม่จำเป็นเพื่อให้ทุกคนได้โฟกัสกับโชว์ของ Sakamoto เท่านั้น ทำให้ถ้าไม่ได้รู้จักทุกเพลงในหนังอาจมีโอกาสทำให้หลุดไปบ้าง แต่พอได้ฟังเพลงที่ชอบแล้วก็ชวนตื่นตันใจสุดขีด

เพลงที่เลือกมาก็ล้วนเลือกมาจากหลาย ๆ ช่วงชีวิตของเขา หลายเพลงคือลับแลมาก ๆ ไม่มีโอกาสได้ชมในคอนเสิร์ตทั่วไป ซึ่งถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ให้กลายเป็นเปียโนอีกที

เพลงส่วนใหญ่ถูกหยิบมาจากโชว์ Playing the Piano 12122020 ซึ่งขายตั๋วออนไลน์ให้คนเข้าชมช่วงโรคระบาด ประกอบด้วยหลายเพลงดังที่เขาเคยเรียบเรียงเป็นเปียโนไว้แล้วอย่าง Andata, Aubade และ Aqua แต่เราแอบกรี๊ดในใจตอนเขาเล่น tong poo จากอัลบั้ม BTTB ที่ทดลองสุด ๆ แถมยังมีเพลงประกอบหนัง Tony Takitani ที่อาจจะไม่ได้โด่งดังในหมู่นักดูหนังฝั่งไทย แต่เอามาเรียบเรียงในโชว์นี้ได้อย่างงดงามมาก

สามเพลงสุดท้ายคือเมดเล่ย์ที่เราดีใจที่สุด ทั้ง The Last Emperor, Triloon 1, Happy End และปิดท้ายด้วยเพลงฮิตตลอดกาลอย่าง Merry Christmas Mr. Lawrence ไม่แน่ใจว่าเขาถ่ายทั้ง 4 เพลงนี้ในวันเดียวกันรึเปล่า แต่การที่ได้เห็นโชว์ค่อย ๆ บีบคันทางดนตรีขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง Mr. Lawrence ที่เราเห็นชัดเลยว่า Sakamoto ทั้งเหนื่อยและดูเจ็บปวดในการกดและคีย์ลงไป เราก็ห้ามน้ำตาตัวไม่ไหวจริง ๆ

โดยเฉพาะ end credit ที่เป็นเพลง Opus ที่เปียโนถูกตั้งไว้โดยที่ไม่มี Ryuichi Sakamoto อีกแล้ว มันทำให้เราใจหายอย่างบอกไม่ถูก และหลังจากนั้นการกลับไปฟัง Merry Christmas Mr. Lawrence อีกกี่ครั้งก็ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

หลังหนังจบ ก็ไม่พ้นที่จะต้องขึ้นข้อความที่ Sakamoto ทิ้งไว้ให้ทุกคนอย่าง “Art is long, life is short.” ซึ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของหนังเรื่องนี้อย่างรุนแรง ด้วยความเชื่อที่ว่าคนที่จากไปแล้วจะยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเราจนกว่าวันที่ทุกคนจะลืมเขาไป ทำให้เราเชื่อว่า Ryuichi Sakamoto จะต้องอยู่เคียงข้างคนที่เขารักไปตลอดกาล เพราะผลงานของเขาจะทำให้คนฟังเพลงทุกรุ่นจะยังคงทึ่งในความสามารถของเขาตลอดไป เหมือนที่เราจะกลับไปดู Opus อีกรอบที่ Doc Club ให้ได้

Ryuichi Sakamoto | Opus ฉายแล้ววันนี้ที่ Doc Club และ House Samyan

Ryuichi Sakamoto Opus Merry Christmas Mr. Lawrence The Last Emperor Doc Club House Samyan
+ posts

ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy