am i moon คืออัลบั้มเดบิวต์ชุดแรกในนาม View From The Bus Tour โปรเจกต์เดี่ยวของ ‘เฟนเดอร์-ธนพล จูมคำมูล’ ศิลปินที่ใครหลายคนอาจคุ้นหน้าคร่าตาเขาในฐานะนักร้องนำและมือกีตาร์วง Solitude Is Bliss โดยเลือกสื่อสารผ่านดนตรีโฟล์กและอะคูสติกกีตาร์เป็นหลัก ประกอบกับการใช้คำร้องที่เฝ้ามองโลกดั่งผู้สังเกตการณ์อย่างเข้าอกเข้าใจ คล้ายพระจันทร์ที่คอยรับฟังผู้คนยามเหม่อลอยหรือใครสักคนที่เราคิดถึงในช่วงวิตกกังวลกลางค่ำคืน
ผลงานชิ้นนี้ยังเปรียบเสมือนสมุดบันทึกการเดินทางด้วยเสียงเพลงที่เป็นทั้งแรงขับเคลื่อน การเยียวยารักษา และการจูงมือพาเราก้าวเดินไปข้างหน้า ตลอดระยะเวลาสิบปีกับสิบบทเพลงที่เราขออาสาชวนทุกคนมานั่งพิงเบาะรถทัวร์ สวมหูฟัง และปลดปล่อยตัวเองสู่ความสงบสุขในหัวใจไปพร้อมกับเราในบทความนี้
“am i moon, as far as the sun goes soon,
I invented my tunes to harvest its heat,
and listen to its hum….”
ข้อความข้างต้นเป็นประโยคหนึ่งที่ปรากฎอยู่ในหนังสือ Booklet ที่แนบมาพร้อมซีดีหน้าปกรูปพระจันทร์กลมโต แววตาเลิ่กลั่กที่ค่อย ๆ ย่นหน้าผากขึ้น ราวกับว่า ฉันเป็นพระจันทร์ที่คู่ควรต่อการถวิลหาและไขว่คว้าหรือเปล่า? แต่เมื่อเราได้รับรู้เรื่องราวที่ถูกร้อยเรียงอย่างมุ่งมั่น ก็พอคลายข้อสงสัยถึงคำเปรยและที่มาที่ไปของผลงานชุดนี้ได้
มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าหากเรามีพลังวิเศษที่สามารถอ่านใจคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง…Mind Reader ทักทายผู้ฟังด้วยซาวด์สังเคราะห์กุ๊งกิ๊งที่คลอไปกับอิเล็กทรอนิกบีท ผสมริฟฟ์กีตาร์กลิ่นอายเซิร์ฟร็อกยุค 60s ที่สร้างลูกเล่นคล้ายการถลำลึกลงไปในความคิดเพื่อกระซิบถามคู่สนทนาตรงข้ามว่า “ทำไมดวงตาของเธอถึงดูเศร้าหมองนัก ได้โปรดเอ่ยความลับที่ฉุดรั้งเธอให้ฉันฟังได้ไหม” ในขณะที่เพลง am i moon จะเริ่มส่งกีตาร์และกรูฟนุ่ม ๆ ผ่านการเดินเบสกลองดุ่ม ๆ ชวนให้เพลิดเพลินกับซาวด์คีย์บอร์ดและเอฟเฟกต์เสียงที่ก้องกังวานอยู่ข้างหลัง
Metaphor เป็นเพลงที่เราชื่นชอบคอร์ดโพรเกรสชั่นและการสร้อยกีตาร์สุดพลิ้วไหวมาก ๆ ทั้งเมโลดี้ที่มอบความรู้สึกอันอบอุ่นได้อย่างน่าประหลาด ประกอบจังหวะการเคาะและไลน์ร้องที่เขาตั้งใจเผยคำกล่าวขอบคุณถึงคนรักเหล่าคนรักผู้คอยกอบกู้จิตวิญญาณดวงนี้ ก่อนชำระล้างด้วย ระบำกลางสายฝน (Wet) ในไดนามิกรื่นเริงเชิงยินดีกับการเกากีตาร์บวกซินธ์น่ารัก ๆ คลอเสียงร้องขับขานถึงชีวิตที่แม้ไม่ได้สวยงามดั่งหวัง แต่ก็ขอให้ปล่อยวางความกลัวนั้นไปบ้าง เหมือนเด็กตัวจ้อยที่มักเปลือยเท้ากระโดดโลดเต้นเพื่อสัมผัสกับพื้นหญ้าเปียกชุ่มจนกลิ่นดินและไอเย็นลอยขึ้นมาอย่างบางเบาอยู่เสมอ
Sturbborn Kids เริ่มบรรเลงกีตาร์เสริมซาวด์เครื่องสายที่เสียดทานคล้ายคลื่นความร้อนของดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ แผดเผาเราอย่างช้า ๆ ทว่าปลอบประโลมและจุดประกายไฟให้แก่มนุษย์วัยเยาว์ที่ต้องพกพาความเจ็บปวดในระหว่างที่พวกเขาเติบโตขึ้น ถัดมาเป็นป๊อปแทร็กชื่อ Proper Puppy ที่พ่วงจังหวะอัพบีทบนท่วงทำนองที่ติดหูขึ้นแต่แอบแทรกกลิ่นอายคันทรีไว้แบบกลมกล่อมลงตัวสุดๆ
สำหรับบทเพลงที่เราชื่นชอบรองลงมาอย่าง Capitalist Cigarette และ เสาไฟ (Electric Post) ก็ถ่ายทอดในส่วนของเนื้อหาและสำเนียงเสียงได้ครบเครื่อง ตั้งแต่ไลน์กีตาร์ ไปจนถึงเชลโลและไวโอลินบนอารมณ์ที่ชวนสั่นไหวกับดนตรีโทนร้าวราน เช่นเดียวกับเสียงเกากีตาร์ในช่วงแรกของเพลง ลม (Wind) ที่เปลี่ยนบรรยากาศเย็นยะเยือกของลมหนาว สู่ดนตรีสไตล์อะคูสติกโฟล์กผสานเครื่องสายแบบออเคสตร้าที่เสริมความยิ่งใหญ่ทว่าอบอุ่นในช่วงเอาท์โทร ก่อนแทร็กปิดท้ายชื่อ None To Name My Love จะกลับมาสตรัมกีตาร์โปร่ง แถมทำให้เราประหลาดใจเมื่อเขาเริ่มไต่ระดับเสียงสูง และยื้อยุดด้วยริฟฟ์สไตล์บลูส์ที่ส่งเข้าท่อนไลน์ร้องประสานพร้อมปรบมือลาไปอย่างงดงาม
สำหรับอัลบั้ม ‘am i moon’ ยังมีรายละเอียดที่แฝงความหมายและซุกซ่อนกิมมิคไว้อีกมากมายที่เขาประดิษฐ์ชิ้นส่วนขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งรอคอยให้ผู้ฟังเปิดประตูบานนั้นออก เพื่อสำรวจและรับฟังเสียงฮัมปนร่ำร้องภายใน เพราะเมื่อใดที่ทุกคนรู้สึกเศร้าหมอง สับสน หรือกระทั่งสุขใจ เราก็อยากให้ผลงานเพลงชุดนี้เป็นดั่ง “พื้นที่ปลอดภัย” ที่มอบอิสระในการใช้ชีวิตอย่างแจ่มแจ้ง
ติดตามข่าวสารจาก View From The Bus Tour ได้ที่ Facebook และรับฟังอัลบั้มเต็มของเขาได้ทุกสตรีมมิงแพลตฟอร์มแล้ววันนี้
Solitude Is Bliss ออกค้นหาตัวตนใน EP ใหม่ ‘Such A Vast Sea’
แบม นักเขียนน้องเล็กที่ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันกลับมาทำเพจ Listenist