tie a tie ดูโอ้สายนุ่มจากค่าย Citadel Sound ที่เรามักจะได้เห็นเขาในชุดสูทแบบสุภาพบุรุษทุกโชว์ ดนตรีของพวกเขายังถ่ายทอดความอ่อนโยนของพวกเขาออกมาด้วยสำเนียงป๊อปได้น่าฟัง อัลบั้มแรกของพวกเขา ‘SOFTSERVE’ ที่รวบรวมซาวด์ r&b, country ไว้ได้น่ารักมาก
จนเดินทางมาถึงอัลบั้มที่สองของพวกเขาอย่าง ‘Cinnamon Daydream’ ที่ทำให้เราต้องตะลึงตั้งแต่ไล่ฟังครั้งแรก เพราะนอกจากจะเก็บความอบอุ่นนุ่มนวลของพวกเขาไว้ได้ทั้งหมดแล้ว ในพาร์ทของดนตรีเอง พวกเขาก็เลือกใส่เสียงสังเคราะห์เข้ามามากมายในอัลบั้มนี้ แถมยังมีการทดลองแนวดนตรีที่หลากหลายมากขึ้น ไม่แน่ใจว่าพวกเขากำลังมองหาอะไรใหม่ ๆ หรือต้องการปล่อยของโชว์ความสามารถที่น่าจับตามองของพวกเขากันแน่ (หัวเราะ) แต่บอกเลยว่าเป็นอัลบั้มที่ครบรสและเหมาะสำหรับคนอยากหาอะไรใหม่ ๆ ฟัง
ซึ่งอธิบายถึงฝันกลางวันที่แสนโรแมนติกได้ดี ชินนามอนมีกลิ่นเฉพาะตัวที่น้อยคนจะหลงใหล แต่ถ้าชอบแล้วจะเข้าใจอัลบั้มนี้ทันที มาไล่ฟังเพลงในอัลบั้ม Cinnamon Daydream ไปพร้อมกันซักรอบ แล้วจะตกหลุมรักพวกเขา
Maybe I’m just fine
แค่ intro ที่เคาะดรีมแมชชีนด้วยจังหวะสนุก ๆ กับกีตาร์น่ารัก ๆ ก็ทำให้เราอมยิ้มได้ทันที กับดนตรีที่มีกลิ่นของความเป็น yacht rock แบบย้อนยุค แล้วเคลือบด้วยความฟังก์ป๊อปเด้ง ๆ แล้วจะลูกเล่นทางดนตรีอีกมากมายไปตลอดทั้งเพลงที่ทำให้เพลงฟังเพลินมาก ท่อนฮุกที่เข้าใจง่ายและชวนติดปาก “Baby, maybe I’ll be someone for you” ก็ทำให้เรายิ่งคุ้นเคยกับเพลงนี้จนเต้นตามได้เร็วมาก
I’ll be like yesterday
เพลงรักไม่จำเป็นต้องมีคำว่ารักก็น่ารักได้ขนาดนี้เลย เสียงซินธ์หวาน ๆ ชวนผ่อนคลาย เสียงดรัมแมชชีนนุ่ม ๆ และเสียงกีตาร์โปร่งมันลงตัวไปหมด พรีฮุกที่ใช้ซินธ์เข้ามาเติมอารมณ์เท่ ๆ กับท่อนฮุกก็น่ารักและมีไดนามิกที่อยากโยกหัวและร้องตาม
Gone Girl
สลับมาจังหวะที่ช้าลง ผ่อนคลายไปกับจังหวะช้า ๆ r&b ที่ชูโรงด้วยความหวานเยิ้มของไลน์กีตาร์ที่เค้นความคิดถึงออกมา พรรณนาถึงสาวที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้อีกแล้วได้ปวดร้าวเรื่องเกิน outro ที่กระแทกใจเราด้วยกระเดื่องและเสียงกีตาร์คือตาย
Sweet Fantasy feat. Junva
ชอบมากที่ทำไมฟังเพลงนี้ครั้งแรกแล้วรู้สึกว่า เพลงนี้แม่งโคตรดิสนีย์เลยวะ (หัวเราะ) กับการบิลด์อารมณ์ขึ้นมาด้วยการใช้ร้องนำ การร้องประสานในท่อนฮุกคือสะกดเราสุด ๆ ราวกับเป็นฉากที่พระนางเพิ่งรู้ว่าตัวเองตกหลุมรักกันและกัน ก่อนจะไปเจอกับไคลแม็กของเรื่อง ดนตรีบัลลาดก็ค่อย ๆ ไต่ระดับความพีคไปเรื่อย ๆ อย่างสวยงาม
losingthemoon (SAYGOODBYE)
ครึ่งแรกของเพลงก็ออดอ้อนด้วยดนตรีป๊อปละมุน ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ไต่ความพีคขึ้นไป ในครึ่งหลังก็เติมเข้ามาด้วยลูกเล่นของเครื่องดนตรีที่ระยิบระยับเต็มหูไปหมด ฮุกสองที่เติมดรัมแมชชีนเข้ามาก็ให้อารมณ์ที่อัพบีทขึ้น แล้วเจอเสียงกีตาร์ท่อนเชื่อมไปฮุกสุดท้ายคือเคลิ้มเลย ฮุกสุดท้ายก็คือโยกหัวตามเลย
Mr.freaky
เพลงนี้ยิ่งมาแปลก ด้วยกลิ่นอายแบบเร็กเกกับจังหวะดั๊บที่ให้อารมณ์สมูทสุด ๆ แต่เติมลุกเล่นของทั้งซินธ์หรือดรีมแมชชีนได้เอาเรื่องอยู่ เป็นแทร็กที่เอาไว้ปล่อยของกันเลยทีเดียว สไตล์การร้องก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ยิ่งเจอท่อนโซโล่ตอนท้ายคือเท่ชิปหาย วงนี้มันจะเก่งไปไหนหนิ
Dancing Flowers
กลับมาที่บัลลาดหวาน ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยเสียงคีย์บอร์ดชวนฝัน ราวกับเล่าเรื่องความรักโรแมนติกในนิทานก่อนนอนที่เคยได้ฟังตอนเด็ก ๆ ซึ่งเป็นการบอกรักที่ซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา
Confetti Sky
ปิดท้ายอัลบั้มด้วยรสชาติที่แตกต่าง กับดนตรี r&b หวาน ๆ ที่โดดเด่นด้วยเสียงร้องที่อบอุ่นจนหิมะแทบจะละลายทันทีที่ได้ฟัง สไตล์การร้องที่น่าฟังรวมถึงคอรัสที่เพิ่มอารมณ์ของเพลงได้อินมาก จนเราลืมคิดไปว่ากำลังฟังเพลงของศิลปินไทยอยู่ ไม่ว่าจะเนื้อเพลงหรือดนตรีก็ถ่ายทอดออกมาได้มันเซ็กซี่มาก
ด้วยความหลากหลายของสำเนียงป๊อปในอัลบั้มนี้ อาจจะตอบโจทย์กับรสนิยมของทุกคนได้อย่างแน่นอน แถมยังมีเพลงเท่ ๆ ให้เราได้เปิดหูดูอีกด้วย เป็นอีกอัลบั้มที่น่าสนใจมาก ๆ ในปีนี้
ติดตามวงได้ที่ Facebook และ Instagram
ชอบไปคอนเสิร์ตเพราะเป็นกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้ และยังชอบแนะนำวงดนตรีใหม่ ๆ ผ่านตัวอักษรตลอดเวลา