แม้ชื่อเรียกของพวกเขาแอบลึกลับเข้าขั้น แต่คงเป็นการยากที่จะปฏิเสธ LEPYUTIN (เลอพิวติน) วงดนตรีเลือดใหม่ที่ผสานความระเริงและนุ่มนวลได้อย่างเหมาะเจาะ ตั้งแต่ลูกกรูฟ ริทึ่ม ความขึ้นลงที่ไม่แน่นอนของดนตรี กิมมิคหลาย ๆ อย่างในตัวเพลง หรือกระทั่งเคมีระหว่างหกสมาชิกเอง ยิ่งทำให้เราอยากทำความรู้จักกับพวกเขา
และการไม่จำกัดแนวเพลงด้วยความตั้งใจบวกกับเพอร์ฟอร์มที่น่าสนุกชวนเซอร์ไพร์สตลอดเวลา พวกเขาเลยขึ้นชื่อว่าเป็นอีกวงที่ควรดูสดจริง ๆ ผลตอบรับจากแฟนคลับคนไทยและต่างประเทศก็ดูไปในทิศทางเดียวกัน เพราะล่าสุดวงพึ่งไปเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศไต้หวันกับเวียดนามมาหมาด ๆ แน่นอนว่าความฝันสุดยิ่งใหญ่ของนักดนตรีหรือบรรดาคอเพลงก็หนีไม่พ้นการได้เยือนเฟสติวัลระดับโลกอย่าง Coachella, Glastonbury, Summer Sonic และอีกนับไม่ถ้วน
แต่กว่าจะคลอดเป็น EP ‘Ain’t No Coincidence’ ซิงเกิลบางส่วนเคยถูกปล่อยออกมาลองเชิงพร้อมมิวสิควิดีโอในช่วง 3-4 ปีก่อน ผ่านการเก็บเดโม่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยต่อยอดเป็น Track by Track การบ่มเพาะสกิลที่ค่อย ๆ ละเมียดคล้ายการหมัก fine wine ที่ต้องใช้เวลา ทางวงยังบอกอีกว่าใช้การรีโปรดิวซ์ ปรับงานมิกซ์มาสเตอร์แทบทั้งหมด สิ่งที่เราสามารถคาดหวังเป็นอันดับแรกได้จากผลงานชุดนี้คือคุณภาพของซาวด์ดีไซน์ การรีอะเรนจ์องค์ประกอบซึ่งลงลึกด้านรายละเอียดเพื่อให้เราจับต้องได้ง่ายและชัดเจนขึ้น โดยไม่ทิ้งเสน่ห์และมนต์ขลังบางอย่างที่สร้างจากเบสไลน์ จังหวะกลองนำร่อง แซ็กโซโฟนชูโรง กีตาร์สามตัวที่ผลัดกันโซโล่ แทรกริฟฟ์เป็นระยะ และซินธิไซเซอร์เล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ
อันดับสองคือไดนามิกเพลงและส่วนผสมหลากหลายชนิด เช่น ไซเคเดลิก โพรเกรสซิฟ ยิปซีแจ๊ซ บอสซ่าโนวา นีโอโซล เบสออนร็อคจัดที่ให้ความรู้สึกเข้ม เฟรช เหมือนจิบเครื่องดื่มแรง เมื่อถึงจุดแล้วเราจะค้นพบว่ารสชาติมันกลมกล่อม แปลกใหม่ ส่วนเนื้อหาจะมีความ ‘symbolic’ มากกว่าสื่อแบบตรงไปตรงมา ธีมในแต่ละเพลงก็จะแตกต่างกันไป
เริ่มที่เพลงแรก Magic Colour เปิดด้วยการบรรเลงจังหวะหย่อง ๆ ซุกซ่อนแบ็คกราวนด์นอยซ์ แบ่งไลน์เป็นสัดเป็นส่วน เสียงร้องอ๊าอาดำเนินผ่านริทึ่มของกลองและแพทเทิร์นเบสที่แซมลูกเล่นนิดนึงให้เอ๊ะอ๊ะ สลับท่อนกีตาร์ปลุกเร้าอารมณ์อย่างกระฉับกระเฉง เว้นสเปซให้แซ็กโซโฟนโซโล่เท่ ๆ และเฟดลงด้วยซินธิไซเซอร์
ผ่อนคลายกันต่อกับเพลง Lies and Shine บอสซ่าโนวาเพลิน ๆ พร่างซาวด์ระยิบระยับ แต่ก็มีท่อนเบรคดาวน์ผสมริฟฟ์กีตาร์ไม่ให้น่าเบื่อเกินไป กล่าวถึงคนโกหกจนได้ดี ถือว่าจิกกัดแบบคลาสสิกเลย เป็นหนึ่งในเพลงที่พวกเขาเคยทำแคมเปญร่วมกับคาเฟ่อเมซอน แถมไปโผล่ในช่องยูทูป i’m cyborg but that’s ok ไม่ธรรมดานะเนี่ย
ถัดมา Rail Rose บทเพลงที่มอบบรรยากาศความพิศวง ผ่านการเล่าเรื่องเชิงนามธรรมเกี่ยวข้องกับชะตาชีวิต เปรียบหญิงสาวผู้งดงามดั่งดอกกุหลาบแต่แฝงด้วยขวากหนามกั้น สุดท้ายเธอก็อาจโรยราตามกาลเวลา มู้ดแอนด์โทนของดนตรีออกซีนดราม่า ตัดซาวด์แซ็กโซโฟนแนวทิ่มแทงใจเล่น
หยุดพักแล้วมาฟุ้งฝันในเพลง Heart Away กับสำเนียงป๊อปฟังสบาย เมโลดิกอบอุ่น เบสหนึบหนับและไลน์กีตาร์ที่สอดรับเครื่องดนตรีชิ้นอื่นทำให้เราล่องลอยตกอยู่ในภวังค์ได้ง่ายมาก “Take it all, ‘Cause I’m ready to fall for you” อินเลิฟทิพย์สุด ๆ โรแมนติกอะไรเบอร์นั้น
ปิดท้ายด้วย Date ส่วนตัวเรามองว่าทุกจังหวะ ทุกไดนามิกของเพลงเป็นความรู้สึกที่เราอยากรู้จักใครสักคนเป็นพิเศษ มันดูน่าค้นหาน่าสัมผัสไปหมด จนเกิดการถลำไกลถึงช่วงเวลาที่คลั่งไคล้เหมือนกับความ ‘intensive’ หรือช่วงไคล์แมกซ์ของเพลงนี้ เป็นแทร็กที่เราชอบอันดับต้น ๆ ในเชิงอรรถรส ทั้งเย้ายวน นุ่มละออ และเข้มข้น ตรงตามมาตรฐานสากล ยิ่งท่อนโซโล่แซ็กนี่กะเอาตายเลยใช่ไหม
เรียกได้ว่าครบสูตรเอาเรื่อง สำหรับ ‘Ain’t No Coincidence’ ผลงานจำนวน 5 เพลงแรกจากวง LEPYUTIN ก๊วนเพื่อนนักดนตรีที่เราหวังว่าพวกเขาจะได้โกอินเตอร์อีกในเร็ววันนี้
ตามไปฟัง ‘Ain’t No Coincidence’ ทุกสตรีมมิงแพลตฟอร์มได้แล้วที่
Sarayu รวมศาสตร์แห่งเพลงอิเล็กทรอนิกเพื่อการเต้นรำ เอาไว้ใน LP ของเขา ‘Intelligent Jump Rope Music’
Phum Viphurit หยิบความ ‘ไทย’ มาผสมกับความป๊อปได้ลงตัวในอัลบั้มล่าสุด ‘The Greng Jai Piece’
แบม นักเขียนน้องเล็กที่ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันกลับมาทำเพจ Listenist