เมื่อตุลาคมปีก่อน เรามีโอกาสได้ดูโชว์ของ Mong Tong (มงทง) ร่วมกับคณะ FORD TRIO (ฝอดตรีโอ้) เป็นครั้งแรกที่ร้าน CD COSMOS โดยงานในคืนนั้นเองก็จุดประกายให้ทั้งสองศิลปินฝั่งไทยและไต้หวัน ตัดสินใจสร้างความน่าตื่นตาผ่านดนตรีฟังก์และอะวองการ์ดอีกครั้งใน KHUN PRA 東福 ผลงานล่าสุดประจำครึ่งปีนี้
สำหรับนักฟังเพลงชาวสยามก็อาจจะรู้จักมักคุ้นหรือเคยเห็นหน้าค่าตาสามหนุ่ม FORD TRIO มาบ้าง พวกเขาเป็นวงดนตรีไทยฟังก์ที่ผสมความโซลป๊อปและลูกหมอลำเข้าด้วยกันอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่า จังหวะสุดกรูฟชวนโยกกล้ามเนื้อคอ ประหนึ่งไก่บ้านเข้าสิงร่าง ไม่ว่าจากการแจม หรือพลังงานระหว่างพวกเขาและคนดูที่รับส่งราวเซปักตระก้อตลอดทั้งโชว์ ซึ่งทำให้หลายต่อหลายเพลงสนุกขึ้นแบบทันทีทันใดนั้น คือเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมาก
แต่สำหรับสองพี่น้องมงทงเอง พวกเขาอาจเป็นชื่อศิลปินที่ค่อนข้างอยู่ในกลุ่ม Niches สำหรับกลุ่มผู้ฟังบ้านเรา ด้วยแนวเพลงและข้อมูลบางส่วนที่ไม่ได้ถูกพูดถึงสักเท่าไหร่ ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาน่าสนใจคือ คอนเซ็ปต์หรือมุมมองวิธีคิดที่มีต่อความเชื่อและศิลปะในแต่ละแขนงมากกว่า อย่างการมาของผลงานชุดนี้ก็สามารถอธิบายได้ว่า Mong Tong หลงใหลในเครื่องดนตรีพื้นบ้านขนาดไหน แล้วนำมาประยุกต์ใช้ในแบบฉบับตัวเองได้อย่างไร เช่นเดียวกับที่ฮอมยูและเจียนไค่ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมคอสมอสในบทความ คุยกับ Mong Tong สองพี่น้องนักทดลองผู้รวบรวมซาวด์พิศดารจากทั่วเอเชีย ไว้ในอัลบั้มใหม่ ‘Tao Fire’
หากใครยังไม่เคยสัมผัสอีกด้านของศิษฐ์สำนักครูก่ายไก่ และงานเพลงสไตล์ทดลองจากดูโอ้ผู้ลึกลับที่แอบเชิญครูไทยมาคุมเชิง นี่อาจเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้พบประสบการณ์ทางเสียงดนตรีสุดแปลกใหม่ในสี่บทเพลงนี้
ตั้งแต่ Alright Alright ที่เปิดอินโทรผ่านเสียงเคาะอันคงจังหวะไว้พร้อมเพรียงกันคล้ายการละเล่นพื้นบ้าน “รำกระทบไม้” คู่ทำนองที่เสมือนเป็นการต้อนรับแขกก่อนเสริมไลน์กีตาร์ สลับซาวด์ฉิ่งฉาบ ตามด้วยเบสในโน๊ตเดียวกับกีตาร์ และระนาดที่เล่นคลออย่างรื่นเริงพาให้เพลิดเพลินใจ เรียกความครื้นเครงเบา ๆ แล้วจบที่เสียงพูดปนขำ เอาล่ะ เอาล่ะ ของจริงคือเพลงถัดไปต่างหาก
R.I.P. นำร่องด้วยกลองชุดและเสียงสตรัมคอร์ดผีบอด (Muted Strum) ที่แทรกริฟฟ์กีตาร์พร้อมท่อนร้องลาง ๆ ประกอบเบสไลน์หนึบหนับและริทึ่มที่คอยขับเค้นมิติ พ่วงกับซาวด์เอฟเฟกต์สุดพร่างคล้ายคลื่นถี่ ดนตรีที่ก้ำกึ่งระหว่างไซคีเดลิกและโพรเกรสซิฟร็อกยิ่งส่งให้รสชาติเพลงจัดจ้าน ว่าด้วยเรื่องราวความตายจากมุมมองของคนที่มีลมหายใจอยู่ ซึ่งหลอมรวมจนกลายเป็นอารมณ์ที่ทั้งจัดจ้าน เจ็บแปลบ แต่ผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด
BNK แทร็กนี้จะเน้นเอเลเมนต์ของเครื่องดนตรีไทยเป็นหลัก ตั้งแต่ ฉิ่ง ระนาด กลองแขก กลองสองหน้า ก่อนแทรกด้วยเมโลดี้จากเบส ระหว่างทางพวกเขาก็เร่งเทมโปให้คึกคักสลับการย้ำจังหวะและตีซ้ำ จนบางครั้งก็ไม่สามารถจับได้ว่าจะมาไม้ไหน แม้ไม่ถึงกับหวือหวาแต่เหมือนเราถูกนวดเรื่อย ๆ แล้วจึงเสริมเครื่องเคาะให้เป็นสีสันเล็กน้อย
WIND ส่งท้ายด้วยเสียงร้อง ริฟฟ์กีตาร์ และเมโลดี้ดนตรีที่มีกลิ่นอายโซลของฟอร์ด ที่เบลนด์เข้ากับองค์ประกอบอย่างอิเล็กทรอนิกบีต ดรัมแพด และสไตล์การเรียบเรียงแบบมงทงได้อย่างกลมกล่อม ท่ามกลางบรรยากาศความลึกลับของหุบเขาและสายลมอันแสนน่าค้นหา พวกเขายังมีกรูฟเบสกลองที่มอบความรู้สึกราวกับการคงอยู่ แม้หลายต่อหลายสิ่งรอบกายจะไม่หวนคืนแล้ว
นอกเหนือการครอสโอเวอร์ของศิลปินที่แนวเพลงต่างกันสุดขั้วอย่าง FORD TRIO และ Mong Tong สำหรับเรา KHUN PRA! 東福 ยังเป็นผลงานที่พวกเขาต้องการขยายขอบเขตเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ทางดนตรีจากการทดลองซาวด์ รวมถึงการได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มิตรภาพ ซึ่งท้าทายโสตประสาทผู้ฟังที่ไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกกระบวนท่าแต่ต้น เพียงเปิดใจรับแล้วปล่อยให้ดนตรีทำงานกับเรา หรือรายละเอียดบางอย่างในเพลงอาจจะทำให้เราอุทานว่า “คุณพระ!” จนต้องกลับไปเปิดฟังซ้ำก็ได้
แบม นักเขียนน้องเล็กที่ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันกลับมาทำเพจ Listenist