นอกจากเพลงแอซิดเฮาส์ที่เปิดกันเกลื่อนในปาร์ตี้ ดนตรีจังเกิ้ลและดรัมแอนด์เบสก็เป็นอีกแนวเพลงที่ได้รับความนิยมในแถบสหราชอาณาจักรช่วงยุค 90s โดยเฉพาะในปาร์ตี้ของเรฟเวอร์ที่มีเชื้อสายจาไมกันก็มักจะมีดนตรีแนวนี้นี่แหละที่ถูกเปิดลั่น ๆ ผ่านซาวด์ซิสเท็มหรือลำโพงขนาดมหึมา คุณภาพเสียงเข้มข้นชนิดที่ว่าเราจะได้ยินย่านเบสส่งผ่านมาแบบสั่นสะท้านร่าง เสน่ห์อีกอย่างของเพลงพวกนี้คือลูปกลองเร็ว ๆ ที่รับส่งกันกับเบส ปลุกเร้าความสนุกชวนให้ทุกคนได้ ‘สแก๊งกิ้ง’ หรือเต้นในท่วงท่าเฉพาะตัวแบบที่จะเจอได้ในแนวเพลงที่เป็นเครือญาติกับเร็กเก้ และแม้เวลาจะผ่านมาเกือบสามสิบปีซาวด์เหล่านี้ก็ไม่ได้หายไปไหน แถมยังกลายร่างเป็นความหลงใหลของคนรุ่นเรา ๆ ที่ยังทำให้มันคงอยู่ ซึ่งหนึ่งในคนที่หยิบมันมาปัดฝุ่นใหม่ก็คือ Nia Archives ศิลปินอังกฤษลูกครึ่งจาไมกันที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อจริง แต่ผลงานที่ผสมเอาจังเกิ้ล ดรัมแดน์เบส เบรกบีตดั้งเดิมมาผสมกับอาร์แอนด์บีลุ่มลึกกลับทำให้ชื่อในวงการของเธอดังกระฉ่อน จนคนในซีนหลากหลายรุ่นต่างให้ความสนใจว่าคลื่นลูกใหม่คนนี้จะมีอะไรมัน ๆ มาให้เราฟังอีกบ้าง
ชีวิตของ Nia Archives เริ่มต้นขึ้นทางตอนเหนือของอังกฤษ เธอเกิดที่เมืองแบรดฟอร์ดและเติบโตที่ลีดส์ เธอได้คลุกคลีอยู่กับเสียงดนตรีตั้งแต่เด็ก เคยอยู่ทั้งคณะประสานเสียงและเล่นทรัมเปตในวงออเคสตรา ซึ่งคนที่มีอิทธิพลทางดนตรีกับเธอก็เห็นจะไม่พ้นคนในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณยายของเธอที่มีซาวด์ซิสเท็มขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในบ้าน! แน่นอนว่าความชื่นชอบในเพลงจังเกิ้ล เร็กเก้ rocksteady หรือ lovers rock ถือเป็นวัฒนธรรมจาไมกันที่ซึมซับกันมาจากรุ่นสู่รุ่นอยู่แล้ว แต่นอกจากนี้ที่บ้านก็มีแผ่นเสียงเพลงโซล ฟังก์ ให้เธอได้ลองฟังอยู่บ่อย ๆ งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้อดีตพ่อเลี้ยงของเธอที่เป็นทั้งโปรดิวเซอร์และแร็ปเปอร์ทำให้เธอได้ลองใช้โปรแกรม Logic ทำเพลงในช่วงแรก ๆ แถมความชอบของเขาที่มีต่อโปรสเกตที่ชื่อ Beagle ที่ทำสารคดีภาพกีฬามัน ๆ ชุด Hijink ทำให้ Nia ได้อิทธิพลและแรงบันดาลใจในการทำคอลเล็กทิฟ HIJINXX รวมวิดิโอฟุตเทจดิบ ๆ ประกอบเพลงของเธอ ใช่ Nia ไม่ได้ทำแค่เพลง แต่ยังทำวิดิโอโปรดักชันอีกต่างหาก เธอใช้กล้องแฮนดี้แคมถ่ายเพื่อน ๆ ทำกิจวัตรแต่ละวันในลอนดอนแล้วเอามายำเองแบบมันมือ “ฉันเป็นคนความจำแย่มากก็เลยเริ่มบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้ในวิดิโอ ตอนเด็ก ๆ ฉันชอบเอาฟุตที่ถ่ายไว้มาใส่เพลงประกอบ นั่นก็เลยเป็นที่มาของชื่อ ‘Archives’ ในชื่อของฉัน แล้วฉันก็ชอบพวกโฮมวิดิโอ VHF กับสารคดีเรฟยุค 90s มาก ๆ เลยค่ะ”
ชีวิตในช่วงย่างเข้าสู่วัยรุ่นของเธอไม่ได้ราบรื่นนัก ความที่ Nia ไม่ค่อยลงรอยกับแม่ทำให้เธอตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่แมนเชสเตอร์คนเดียวตอนอายุ 16 ความอัดอั้นในช่วงเวลานั้นทำให้เธอต้องระบายออกมาผ่านการเขียนเพลง ซึ่งแนวเพลงแรก ๆ ที่เธอเริ่มลงมือทำคือฮิปฮอป boom bap ซึ่งเธอบอกว่าเนื้อหามันออกจะดาร์กไปเสียหน่อย ถึงจะไม่ได้ชื่นชอบขนาดนั้นแต่ก็รู้สึกว่ามันต้องทำอะไรสักเพื่อจัดการกับตัวเอง ต่อมาประมาณปี 2019 เป็นเวลาที่เธอได้รู้จักกับแนวเพลงอื่น ๆ จนสะสมวัตถุดิบได้มากพอ และเริ่มทำเพลงแนวที่ผูกพันมาตั้งแต่เด็ก ๆ อย่างดรัมแอนด์เบส จังเกิ้ล ในแบบของตัวเอง แล้วเธอก็รู้สึกว่าบีตกลองเร็ว ๆ 170 bpm ขึ้นไปเหล่านั้นให้ความรู้สึกสนุกเหมือนกำลังปาร์ตี้อยู่ เธอก็เลยเริ่มเขียนเพลงที่มีเนื้อหาสนุกสนานมากขึ้น แล้วก็ได้ค้นพบว่านี่แหละคือตัวตนจริง ๆ ของเธอ Nia เห็นว่าช่วงล็อกดาวน์โควิดจะเป็นช่วงเดียวที่เธอมีเวลาว่างแบบที่ชีวิตนี้น่าจะหาไม่ได้อีกแล้ว เธอเลยใช้เวลานี้ในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงใหม่ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
แม้จะเป็นเพลงที่มีรากมาจากดนตรีหลายสิบปีที่แล้ว แต่จังเกิ้ลและดรัมแอนด์เบสโดยพื้นฐานก็เป็นเพลงที่สนุกสนานและพลังงานสูงจึงเป็นที่ชื่นชอบของหลาย ๆ คนได้โดยง่าย แต่พอเพลงเหล่านี้ถูกนำมาทำในสไตล์ของ Nia Archives ก็ยิ่งได้รับความสนใจจากคนรุ่นหลังเป็นพิเศษ เพราะเนื้อเพลงพูดถึงอารมณ์ความรู้สึกที่อ่อนไหวอย่างเปิดเผย เธอใช้เสียงร้องสไตล์อาร์แอนด์บีที่ผสมผสานเมโลดี้สวย ๆ เข้ามาไว้ในบีตสนุก ๆ จึงทำให้เป็นเพลงเดือดที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเมื่อเทียบกับงานยุคก่อน ๆ พวกที่เป็นเสียงร้องดิบกระโชกโฮกฮาก (ก็จังเกิ้ลมันก็ต้องมีความป่าอะแก) อีกความสนุกในเพลงของเธอคือรายละเอียดที่เธอหยิบเอาเสียงร้องตัวเองมาใช้เป็นเครื่องดนตรี จับมันบิดโน้ต ใส่ซ้อนเข้าไปหลาย ๆ เลเยอร์ ตัดแปะท่อนต่าง ๆ สร้างเป็นจังหวะแปลก ๆ และไม่ลืมที่จะลองเอาแนวเพลงที่เหมือนจะไม่เข้ากันอย่างการเอาบอสซาโนว่าแบบบราซิลเลียนมานำเสนอใน ‘Baianá’ จนเกิดเป็นซาวด์ใหม่ที่น่าสนใจใน และที่เด็ดเลยคือการเอาริฟฟ์กีตาร์ในอินดี้ร็อกมาใช้ใน ‘Headz Gone West’ หรือเอาเพลง ‘Heads Will Roll’ ของวงแสบต้นตำรับ Yeah Yeah Yeahs มาเป็นแซมป์ในเพลง ‘Off Wiv Ya Headz’ ของเธอ
Nia ก็ค่อย ๆ ขุดลงไปถึงรากของดนตรีเหล่านี้ และได้ทำความรู้จักกับศิลปินต้นแบบจากเมื่อเกือบสามทศวรรษที่แล้ว เธอชื่นชอบ Roots Manuva, Burial, J Dilla และมีดีเจในดวงใจเป็น DJ Flight และ DJ Storm ซึ่งนับว่าเป็นจังหวะดีมาก ๆ เพราะเมื่อปี 2018 DJ Flight ร่วมกับ Mantra, MC Chickaboo, Sweetpea, Alley Cat และ Jenna G ได้ก่อตั้งโครงการ mentorship ที่คิดจะปั้นศิลปินผู้หญิงและนอนไบนารีหน้าใหม่ของเพลงสายเดียวกันขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า EQ50 เพราะในช่วงเวลาที่พวกเธอกรุยทางการเป็นศิลปินมายาวนานจะต้องเจอกับคำสบประมาท ไม่ได้รับโอกาส และถูกเหยียดเพศอยู่ตลอดเวลา การมีโครงการนี้เลยน่าจะเป็นอะไรที่ทำให้ศิลปินกลุ่มทางเลือกเข้มแข็ง มีแรงซัพพอร์ต มีกระบอกเสียง และได้รับการยอมรับมากขึ้น ซึ่ง Nia Archives ก็สมัครเข้าโปรแกรมและได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 6 คนจาก 80 โปรดิวเซอร์ผู้เข้าสมัครคนอื่น ๆ ที่อยากร่วมโครงการนี้ DJ Flight เล่าว่าที่เลือก Nia เข้ามาเป็นเพราะเธอทำอะไรได้หลายอย่าง มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ และมีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบที่จะทำให้เธอก้าวไปสู่การเป็นดาวดวงใหม่ได้ ซึ่งเธอก็มองเกมได้ขาดทีเดียวเพราะ Nia เป็นอย่างที่ว่าจริง ๆ ในโครงการนี้ได้พบกับไอดอลที่ชื่นชอบมานานและได้ร่วมงานกับ Mantra, MC Chickaboo อย่างใกล้ชิด โดยช่วยให้เธอเรียนรู้ดนตรีดรัมแอนด์เบสจังเกิ้ลได้อย่างเข้มข้นขึ้นด้วย ในปี 2022 เธอได้รับรางวัลมามากมาย ทั้ง Artist of the Year จาก BBC Music Introducing Award ได้ที่ 3 จาก BBC Sound of 2023 ได้รางวัล Best Breakthrough DJ จาก DJ Mag Award รางวัล Best Dance/Electronic Act จาก MOBO Award (Music of Black Origin) ที่ให้รางวัลเกียรติยศสำหรับศิลปินแนวฮิปฮอป ไกรม์ ยูเคดริล อาร์แอนด์บี โซล เร็กเก้ แจ๊ส กอสเปล และเพลงแอฟริกัน รางวัล Best Producer จาก NME Award และ Brit Award ปี 2023 เธอก็ถูกเสนอชื่อในสาขา Rising Star ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
ตอนนี้ Nia Archives ย้ายมาอยู่ลอนดอนและเริ่มดีเจบ่อยขึ้น ทั้งงานเพลงและงานโชว์ของเธอได้รับความนิยมแบบฉุดไม่อยู่ แผ่นเสียง EP รวมถึง merchandise บนเว็บไซต์ของเธอขายได้เกือบหมดเกลี้ยง ที่น่าสนใจสุด ๆ ก็คือคนที่มาปาร์ตี้ของเธอส่วนใหญ่เป็นเด็กสาววัย 15-25 ปี ยึดพื้นที่แดนซ์ฟลอร์หน้าบูธดีเจปลดปล่อยตัวเองกันแบบสุดเหวี่ยง สิ่งนี้เองก็เป็นอีกแรงบันดาลใจให้ Nia แต่งเพลง ‘Bad Gyalz’ เพื่อเฉลิมฉลองให้กับสาว ๆ ที่เป็นตัวของตัวเองและมาใช้เวลาร่วมกันกับคนที่รักในเสียงดนตรีเหมือน ๆ กัน เป็นเพลงที่เอเนอร์จี้ดีมาก ๆ
หลังจากปล่อยเพลงไปได้ไม่นาน เธอก็ประกาศปาร์ตี้ช่วงกลางวันที่ให้ผู้หญิงและกลุ่ม LGBTQ+ ได้มาแดนซ์กันในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นตัวเองได้แบบสุด ๆ
และในอนาคตเธอเตรียมทำอัลบั้มใหม่โดยจะมีการร่วมงานกับศิลปินคนอื่น ๆ ทั้ง Sudan Archives, Jpegmafia, DJ Dahi หลังจากที่ผ่านมาก็เคยทำอะไรมัน ๆ กับ Clipz และ Jorja Smith มาแล้ว “ฉันแค่อยากลองทำอะไรที่สนุกและแปลกใหม่ แต่แน่นอนว่ามันจะต้องมีจังเกิ้ลอยู่ในนั้น เพราะฉันต้องจริงจังกับสิ่งที่เป็นฉัน ซึ่งก็คือเสียงกลองพวกนั้น”
สำหรับเราชาวไทยก็เตรียมพบกับ Nia Archives ได้ในวันที่ 29 กันยายน ที่ BEAM Club บัตรราคา 600 ซื้อได้ที่หน้างาน งานนี้ขอรับประกันความสนุกเพราะเราไปสัมผัสโชว์ของเธอมาแล้วที่ Primavera Sound Barcelona เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บอกเลยว่าแฟนเพลงเขาแน่นขนัด มีหลายช่วงอายุ ครบทุกเพศทุกวัย และเธอก็เอ็นเตอร์เทนคนดูได้สุดเหวี่ยงมากจริง ๆ แล้วเจอกันหน้าลำโพงนะ rude girls, rude boys
อ้างอิง
WHO THE HELL IS NIA ARCHIVES? by JAKE HIRST on 25 MAY 2021
Drum-and-Bass Is Rising Again, With Nia Archives in the Spotlight by Alex Marshall on March 10, 2023
อิ๊ก นักเขียนสายดนตรีที่เกือบจะต้องวางมือ แต่คงหนีไม่พ้นเพราะยังอยากพูดถึงวงและเพลงดี ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ