Daniel Blumberg อดีตฟรอนต์แมน Yuck กับบทบาทศิลปินที่วิน-วิน ทั้งในซีนเพลงและวงการภาพยนตร์

by Nattha.C
166 views
Daniel Blumberg

Daniel Blumberg (แดเนียล บลูมเบิร์ก) ศิลปิน-นักแต่งเพลงหนุ่มชาวยิว ที่ตอนนี้ทั้งวงการเพลงและภาพยนตร์กำลังให้ความสนใจเขาในบทบาทการเป็นคอมโพเซอร์มือ(ถือถ้วย)ทองหน้าใหม่อายุน้อย ด้วยผลงานการประพันธ์ดนตรีประกอบหนังเรื่อง The Brutalist สำหรับเราที่ได้อ่านข่าวนี้บนเฟซบุ๊คก็พลอยยินดีกับเขาไปด้วย

Daniel Blumberg
© Illana Blumberg

ผู้คนส่วนใหญ่รู้จัก Daniel Blumberg ในฐานะอดีตฟรอนต์แมน Yuck วงดนตรีอินดี้ร็อกจากเกาะอังกฤษที่เคยฝากอัลบั้มเดบิวต์ชื่อเดียวกันในปี 2011 ซึ่งได้รับทั้งคำวิจารณ์แง่บวก รวมถึงถูกขนานนามให้เป็นวงรุ่นใหม่ไฟแรงที่เพียบพร้อมไปด้วยดนตรีที่กลมกล่อมระหว่างซาวด์กีตาร์หยาบกร้าน และรสชาติละมุนละไมของเมโลดี้

ไม่ว่าจะทุกคนจะมีเพลงโปรดแบบ ‘Get Away’, ‘The Wall’ และ ‘Suck’ หรือเพลงใดก็ตามที่บรรจุอยู่ในอัลบั้มชุดนี้ มันคือพลังวัยรุ่นอันแรงกล้า ประกอบด้วยความสวยงามของชีวิตหนึ่งพึงมีที่หลอมรวมไปกับยุคสมัยได้อย่างน่าประหลาด แถมยังทรงอิทธิพลแก่ศิลปินและกลุ่มผู้ฟังในช่วงปีถัดมา ส่วนตัวเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือผลงานที่ครบเครื่องสุดของพวกเขา ตั้งแต่ไลน์ประสานชายหญิง จวบท่วงทำนองที่ควบเร็วผสมช้าแบบมีเสน่ห์

แต่ใครจะไปคิดว่า ภายในระยะเวลาสองปีให้หลัง เขาก็ขอถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกวงด้วยเหตุผลว่า “ต้องการไปโฟกัสโปรเจกต์อื่น” ขณะที่สมาชิกที่เหลือยังคงเดินหน้าทำผลงานเพลงต่ออีกจำนวนนึง เช่น อัลบั้ม ‘Glow & Behold’, ‘Stranger Things’ และอีพี ‘Southern Skies’ ก่อนพวกเขาจะตัดสินใจยุบวงในปี 2021

การประกาศถอนตัวจาก Yuck ในช่วงปีนั้นอาจดูเหมือนการหันหลังให้กับวงการดนตรี ทว่า มันก็เป็นช่วงเวลาที่เปราะบางที่สุดของเขาเช่นกัน ความรู้สึกของชายหนุ่มที่กำลังไขว้เขว่ มีใครบางคนได้ชวนเขาไปดู Keiji Haino ศิลปินสายอิมโพรไวส์ชาวญี่ปุ่นที่ Cafe Oto มิวสิคเวนิวในเมืองอีสต์ลอนดอน ซึ่งการแสดงสดนั้นได้จุดประกายให้ แดเนียล บลูมเบิร์ก สร้างผลงานเพลงสไตล์ใหม่ในแบบที่เขาไม่เคยทำผ่านโปรเจกต์อื่นจำนวนนับไม่ถ้วน

ตั้งแต่ Oupa ที่เริ่มทำควบคู่ไปกับ Yuck ตามมาด้วยโปรเจกต์ Collaboration ร่วมกับเพื่อนศิลปิน-นักดนตรีในแวดวง เช่น Heb-Hex, Hebronix, BAHK, GUO ก่อนปล่อยอัลบั้ม ‘Minus’ (2018), ‘On&On’ (2020) และ ‘GUT’ (2023) บรรดาผลงานที่เขาได้ใช้ชื่อเต็มของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ ทุกโปรเจกต์ล้วนมีความน่าสนใจและไพเราะในแบบของมัน ซึ่งมันอาจคือการสั่งสมประสบการณ์ที่เปิดช่องทางให้เขาหันมารับบทบาทคอมโพเซอร์

‘The Brutalist’ directed by Brady Corbet (2024)

หากไม่นับเรื่อง ‘GUO4’ (หนังสั้นที่กำกับโดย Peter Strickland, 2019) ที่พัฒนาจาก GUO โปรเจกต์ดนตรีทดลองคู่กับ Seymour Wright และงานจ้างที่โดนเรียกให้ไปช่วยทำเพลงประกอบ ‘Gleaning Truths’ เพื่อโปรโมทโปรแกรมการเดินสายฉายภาพยนตร์ทั้งหมด 8 เรื่องของ Agnès Varda เขาเป็นคอมโพเซอร์ที่ได้จับหนังยาวเพียง 2 เรื่องเท่านั้น เรื่องแรกคือ ‘The World to Come’ (กำกับโดย Mona Fastvold, 2020)

และเรื่องที่สองคือ ‘The Brutalist’ (กำกับโดย Brady Corbet, 2024) ที่เพิ่งคว้ารางวัลสาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยมในงาน Academy Awards หรือการประกาศผลออสการ์เมื่อวันจันทร์ที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา รวมถึงชนะรางวัลในสาขาเดียวกันจาก BAFTA และสำนักวิจารณ์อื่น โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ แดเนียล บลูมเบิร์ก ทำงานร่วมกับ Peter Walsh โปรดิวเซอร์คู่บุญของ Scott Walker พร้อมนักดนตรีอีกหลายชีวิต ด้านพาร์ทดนตรีส่วนใหญ่จะใช้เครื่องเป่าทองเหลืองเป็นหลัก รองลงมาเป็นเพอร์คัสชั่น เปียโน ดับเบิ้ลเบส ซินธ์ไซเซอร์ และดรัมแมชชีน

ซาวด์แทร็กเรื่องนี้จึงมีความเป็น Orchestral ในโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมดนตรีที่ค่อนข้างซิเนมาติกมาก อย่างที่เดวิด ลินซ์ ไม่เพียงแต่มองว่าดนตรีคือศิลปะที่ยกระดับภาพยนตร์ให้สูงขึ้นเท่านั้น แต่เขาให้ความสำคัญกับสรรพเสียงทั้งมวลในโลกใบนี้ด้วย พร้อมกล่าวว่า ภาพยนตร์เป็นการผสมผสานกันระหว่างภาพเคลื่อนไหว และดนตรีอย่างละครึ่งเท่ากันไม่ขาดไม่เกิน มันคือความมหัศจรรย์ที่ไม่มีศิลปะแขนงไหนในโลกนี้จะมอบให้ได้ (อ้างอิง: เดวิด ลินซ์ และการสำแดงเดชทางดนตรีในฐานะศิลปิน บทความต้นฉบับโดย ศรัณยู ตรีสุคนธ์)

เช่นเดียวกับที่ Daniel Blumberg สละเวลาในการทำโปรเจกต์ส่วนตัวอื่น ๆ แล้วทุ่มเทให้กับผลงานชิ้นนี้ เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าช่วง Post-Production ที่ต้องเปิดหนังพร้อมเล่นซาวด์แทร็กประกอบในห้องสตูดิโอ เพื่อเช็คความเรียบร้อยก่อนนำฉายจริง ทุกครั้งที่หนังจบ เขามักจะยืนปล่อยโฮ หรืออย่างรอบแรก เขาถึงกับวิ่งไปร้องไห้ในห้องน้ำกับแบรดี้เลยทีเดียว มาถึงตรงนี้ ทุกคนคงสัมผัสได้ว่าเขารักเสียงเพลงและหนังมากขนาดไหน

ถึงเขาจะไม่ใช่คอมโพเซอร์คนแรกที่ประพันธ์เพลงประกอบให้หนังไม่กี่เรื่องแล้วดังเป็นพลุแตกทันที แต่นี่คือก้าวสำคัญที่พิสูจน์ว่า ศิลปินไม่ต้องจำเป็นอาศัยความสำเร็จใหญ่โตเพียงครั้งเดียวเพื่อสร้างชื่อเท่านั้น กลับกัน ความสำเร็จขนาดเล็ก ๆ หรือการได้สำรวจ เรียนรู้ ทำความรู้จักกับตัวเอง ควบคู่การได้ทดลองทำอะไรใหม่ ๆ มันอาจเป็นสิ่งที่ยั่งยืนกว่า สนุกกว่า และอาจเป็นสิ่งที่ทำให้เรายืนระยะได้นานแบบไม่ท้อแท้กันไปซะก่อน

เพราะเขาเคยผ่านช่วงเวลาที่โชติช่วงมาแล้วทั้งในฐานะสมาชิก Cajun Dance Party และ Yuck ที่ซีนเพลงต้องบันทึกผลงานดี ๆ สองวงดนตรีนี้เอาไว้ รวมถึงวงการภาพยนตร์ที่จะต้องกวาดสายตาไปทาง แดเนียล บลูมเบิร์ก ในฐานะคอมโพเซอร์หน้าใหม่ผู้มีฝีมือไม่ธรรมดา แถมอนาคตไกลแน่นอน ใครก็ได้ย้อนไทม์แมชชีนไปบอกหนุ่มที่กำลังเล่นกีตาร์แหกปากร้องเพลงคนนั้นทีว่า “นายจะได้รางวัลออสการ์ในอีกสิบกว่าปีข้างหน้า!”

+ posts

แบม นักเขียนน้องเล็กที่ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันกลับมาทำเพจ Listenist

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy