ใกล้จะปีใหม่แล้ว หลายคนอาจกำลังลิสต์ New Year New Me อยู่ว่าปีหน้าจะเปลี่ยนอะไรบ้าง แต่สายคอนเสิร์ตแบบเราคงเปิดบัญชีธนาคารแล้วปักหมุดดูแล้วว่าปีหน้าจะไป Music Festival งานไหนบ้างดี เพราะชีวิตสั้นเกินกว่าจะเก็บเงินไปใช้ตอนแก่ รีบไปดูวงที่เราชอบตอนที่ยังมีแรงและยอมนอนโรงแรมถูก ๆ ก่อนดีกว่า
ทีมคอสมอสเองก็เริ่มเล็ง ๆ เฟสติวัลปีหน้ากันแล้ว เราเลยลิสต์โพยเฟสติวัลในเอเชียที่ทุกคนต้องไปให้ได้ซักครั้งในชีวิต ซึ่งแต่ละเฟสเองก็มีข้อดีแตกต่างกัน แต่ตั๋วเครื่องบินราคาเป็นมิตรแน่นอน ใครอยากเริ่มไปงานต่างประเทศหรือยังเก็บไม่หมดก็มาเช็คลิสต์นี้กันได้เลย
Maho Rasop Festival (Thailand)
เทศกาลดนตรีจากสามโปรโมเตอร์ HAVE YOU HEARD?, Seen Scene Space และ Fungjai – ฟังใจ พวกเขาเริ่มจัดงานครั้งแรกที่ Live Park Rama9 เมื่อปี 2018 และเซอร์ไพร์สเราด้วยการประกาศขายบัตร Blind Ticket ให้ผู้ชมลุ้นไลน์อัพกันเล่น ๆ ก่อนย้ายมา ESC Park Rangsit ในปี 2022 จนถึงปัจจุบันซึ่งการคัดสรรศิลปินไทยและต่างประเทศของสามผู้จัดจะมีความเฉพาะตัวในแบบที่เราคาดไม่ถึงเหมือนกัน
และในปีที่ผ่านมาก็มีวงดนตรีอย่าง Slowdive, The Horrors, Bombay Bicycle Club, King Gizzard & The Lizard Wizard, Cornelius, A Place to Bury Strangers, Interpol, Caspian ล่าสุดคือ White Lies โพสต์พังค์ริไววัลระดับตำนานที่จะบินมาทำการแสดงสดในปีนี้ นอกเหนือ Area ที่กว้างขึ้น พร้อมบรรยากาศที่โปร่งสบายเหมาะแก่การมาชิลเอาท์ ประสบการณ์ที่ทุกคนจะได้รับกลับไป รับรองว่าไม่ผิดหวัง
Pelupo Festival (Thailand)
เดินทางออกนอกเส้นกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑลกันบ้าง สำหรับมิวสิคเฟสติวัลจากทีมผู้จัด VIJI Corp ที่พวกเขาเลือกไลน์อัพในแต่ละปีโดนใจเราไม่แพ้กัน เปลูโป้มีความน่าสนใจตรงที่คอนเซ็ปต์งานจะผลักดันเรื่อง Eco และ Family Friendly โดยเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าชมฟรี (แต่ต้องมากับผู้ปกครองนะ) ภายในงานยังเต็มไปด้วยกิจกรรมที่เหล่าน้อง ๆ พี่ผู้ใหญ่ หรือบรรดาวัยรุ่นสายคอนสามารถมาร่วมสนุกสนานกันได้
ซึ่งสไตล์เพลงของศิลปินไทยและต่างชาติส่วนใหญ่ที่เขาจัดมาจะไล่เรียงตั้งแต่โฟล์คซอฟต์ ๆ แจ๊สครื้นเครง ไปจนถึงป๊อปร็อก กระทั่ง Acts ที่การแสดงสดค่อนข้างแปลกแต่ตรึงคนดูไว้ได้ อาทิ Winston Surfshirt, Dirty Loops, Black Country New Road, Explosion in the Sky, Phoenix, King of the Convenience จบงานนี้ที่ The Fields at Siam Country Club ก็ไปเที่ยวต่อในตัวเมืองพัทยา ชลบุรีได้เลย
Wonderfruit (Thailand)
หนึ่งในเทศกาลดนตรีของประเทศไทยที่เรียกได้ว่าเปิดหูเปิดตาทั้งชาวเราและชาวต่างประเทศแบบสุด ๆ เพราะเขาจัดกันถึง 5 วันเต็ม ตั้งแต่กลางวันจรดกลางคืน แถมยังต่อไปได้อีกเช้าวันนึง งานนี้ไม่ได้มีเพียงศิลปิน วงดนตรีสด และดีเจเซ็ตหลากหลายรายชื่อตั้งแต่ World Music ยันอิเล็กทรอนิกที่ดูกันแบบไม่หวาดไม่ไหวเท่านั้น
ความน่าตื่นตาอีกอย่างคือพวกเขารวมศิลปะการจัดวาง การออกแบบไฟ วิชวล กว่าสิบสเตจ เวิร์คช็อปและแอคทิวิตี้ที่สาย Wellness หรือ Spiritual ต้องชื่นชอบ พร้อมโซนลึกลับที่อยากให้ทุกคนเข้ามาสัมผัสเองไว้ในงานเดียว เหมือนได้พักผ่อนเกือบหนึ่งอาทิตย์เต็ม ซึ่งความน่ารักของงานคือบัตร Dog Pass ที่ซื้อแล้วพาน้องหมามากับเรากับเราได้อีกด้วย และศิลปินไทยที่น่าสนใจประจำปีนี้ที่เราไม่อยากให้พลาดคือ Asia7, Dinosound, GA-Pi, Makara, Nisatiwa, Rongngeng Poetry Garden, Réjizz, Salin, Cloud Behind, Dara Rasmi ฯลฯ
Fuji Rock Festival (Japan)
เราเชื่อว่าฟูจิร็อกเป็นเทศกาลดนตรีที่ต้องติดอยู่ใน Bucket List ของใครหลายคนอย่างแน่นอน อะไรจะชิวไปกว่าการได้ยืน นั่ง นอนยืดบนเก้าอี้ยาวดูดนตรีสดท่ามกลางธรรมชาติที่มีภูเขานะเอะบะโอบล้อมทั่วทุกทิศ โดยสถานที่จัดจะตั้งอยู่ในเมืองนางีตะ ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียว 2 ชั่วโมงครึ่ง งานนี้แอบพิสูจน์ความแกร่งอยู่ประมาณนึง เพราะสภาพแวดล้อมและอากาศที่อาจเปลี่ยนไปในแต่ละช่วงของวันนั้น
เราเคยได้ยินเพื่อนเล่าว่า ถ้าไม่หรรษาก็หฤโหดไปเลย ไม่เกรงกลัวฟ้าฝนก็ลุยโลด! เหมาะกับสายเดินป่าแคมป์ปิ้งมาก ๆ แต่พอแลกมากับการคิวเรตไลน์อัพที่เจ๋งจนเห็นแล้วตาค้างในทุกครั้งที่ประกาศ อย่างปีก่อนหน้าก็มี Yeah Yeah Yeahs, Yo La Tengo, Black Midi, Jack White, Vampire Weekend, The Cure, Thom Yorke พร้อมศิลปินเจ้าบ้านและใกล้เคียง ก็คุ้มแล้วในแบบที่ไม่ต้องบินไปไกลถึงอเมริกา-ยุโรป
Summer Sonic (Japan)
ถัดมาเป็นเฟสติวัลที่เอาใจสายแมสขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาก็เสิร์ฟวงดนตรีที่ชาวอินดี้และอัลเทอร์เนทีฟยังกรี๊ดได้อยู่ ความพิเศษที่ทำให้ซัมเมอร์โซนิคบูมมาก ๆ นอกเหนือไลน์อัพป๊อปร็อก ฮิปฮอป ไอดอลกรุ๊ป เขาก็มีวิธีการจัดงานที่ค่อนข้างแตกต่างไปอย่างการรวมพื้นที่เวที Indoor และ Outdoor ไว้ด้วยกัน โดยเลือกพวกสวนสาธารณะ สเตเดียม อารีน่ามาใช้ จนขยับไป Sonic Mania ที่มีเฉพาะดนตรี EDM ในเมืองชิบะ แล้วขยายฐานแฟนในโซนอื่น ๆ เช่นรุกคืบไปจัดงานในประเทศจีน ล่าสุดที่เมืองทองธานีบ้านเรานี่เอง
หรืออย่าง Rockin’ On Sonic จากทีมเดียวกันที่พึ่งประกาศจัดคอนเสิร์ตรวมดาวปีหน้าก็เรียกเสียงฮือฮาด้วย Weezer, Manic Street Preachers, Pulp, Death Cab for Cutie, Primal Scream. St.Vincent เป็นไลน์อัพที่เห็นแล้วเครซี่ จะเป็นลมจริง บัตร 2-Day Pass ถือว่าไม่แพงหูฉีกมากนัก 33,000 เยนก็ตกประมาณ 7 พันกว่าบาท
Music Lane Okinawa (Japan)
งานนี้อาจจะแตกต่างจากมิวสิคเฟสติวัลอันอื่นนิดหน่อย เพราะจริง ๆ Music Lane Okinawa เป็นงาน Music Showcase Festival ที่มีเป้าหมายหลักในการรวบรวมศิลปินรุ่นใหม่ที่น่าสนใจจากทั่วโลกให้มาเจอกับคนในอุตสาหกรรมดนตรีทั่วโลก เพื่อต่อยอดให้ศิลปินรุ่นใหม่ได้มีโอกาสออกไปสู่ประเทศอื่น ๆ มากขึ้น ความหลากหลายของแนวดนตรีก็ไม่ต้องพูดถึง เราจะได้เห็นวงเท่ ๆ พร้อมดัง วงแปลก ๆ ที่ซาวด์น่าสนใจ และวงบ้า ๆ ที่เราพร้อมจะชอบเพลงพวกเขาทันที ด้วยความเป็นเป็นงานมิวสิคโชว์เคสทำให้งานนี้บัตรราคาถูกมาก เป็นอีกงานที่คนชอบฟังเพลงหรือค้นหาศิลปินใหม่ ๆ ไม่ควรพลาด
Clockenflap (Hong Kong)
มิวสิคเฟสติวัลที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกงที่สายอินดี้ไม่ควรพลาดเช่นกัน กับวิวใจกลางเมืองติดทะเลที่ชิลมาก แต่สิ่งที่เป็นจุดขายสำคัญของงานเลยคือไลน์อัพที่ดุเดือดทุกปี เพราะมักจะได้ศิลปินระดับโลกที่มาทัวร์เอเชียในช่วงนั้นทุกครั้ง รวบรวมเฮดไลเนอร์โหด ๆ ได้ทุกปี ใครตามเก็บศิลปินที่อยากดูซักครั้งในชีวิตอาจจะเล็งจากนี้ก่อนก็ได้ เพราะบินไปไม่แพงเลย
Baybeats (Singapore)
เฟสติวัลที่ตั้งต้นด้วยการเปิดออดิชั่นรับศิลปินเข้ามาเล่นในงาน จนมีผู้ชมตั้งแต่หลักพันสู่หลักหกหมื่นกว่า โดยพวกเขามีเป้าหมายหลักที่ช่วยในการขับเคลื่อนวงการดนตรีนอกกระแส ศิลปินอันเดอร์กราวนด์ต่าง ๆ Local Scene จับมือกับ Esplanade สถานที่ไอคอนนิกที่เวนิวตั้งอยู่ย่านดาวน์ทาวน์ใกล้วิวทะเลสาบ ปัจจุบันมีศิลปินต่างชาติและไทยมากมายที่ได้ไปเล่นงานนี้ ล่าสุดเป็นโชว์ของ Yonlapa และ KIKI ที่พาชาวสิงค์โปรแดนซ์กันยับ สนุกแทนเลย ที่สำคัญคืองานนี้เข้าชมฟรีผ่านการลงทะเบียนบนเว็บไซต์ เป็นเทศกาลเราที่อยากให้ทุกคนลองไปสักครั้ง ซึ่งงานจะจัดขึ้น 3 วันเต็มในทุกปี ใครไปเที่ยวสิงค์โปรพอดีก็อย่าลืมแวะนะ
Rainforest World Music Festival (Malaysia)
หากเทียบกับไต้หวันและสิงค์โปรแล้ว มาเลเซียเป็นประเทศที่ใครหลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับซีนบ้านเขาสักเท่าไหร่ แต่งานนี้น่าสนใจทั้งในแง่ความหลากหลายทางดนตรี ภาษา ชาติพันธุ์ และผู้คนที่หลั่งไหลมารวมตัวกันในหมู่บ้านแห่งวัฒนธรรมประจำเมืองกูชิง รัฐซาราวัก ซึ่งมอบความรู้สึกเฟรนด์ลี่ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศของป่าดิบชื้นและภูเขาลูกโตประดับเป็นวิวอยู่ด้านหลัง สำหรับคอเพลงที่หลงใหล Traditional Music หรือฟิวชั่นร่วมสมัย อยากจะเวิร์คช็อปลองเล่นเครื่องดนตรีพื้นเมือง ทำของคราฟท์กุ๊กกิ๊ก ชิมอาหารประจำภาค บอกเลยว่าครบ อีกทั้งเขายังชูเรื่อง Sustainable ส่งเสริมการท่องเที่ยว และการเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมด้วย
We The Fest (Indonesia)
เฟสติวัลที่ป๊อปปูลาร์เอาเรื่องในเมืองจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เป็นหนึ่งในงานที่ผู้ฟังชาวไทยน่าจะเคยเยือนแล้วหลายคนแล้ว ซึ่งเดือนสิงหาคมเขาพึ่งฉลองครบรอบ 10 ปีไปหมาด ๆ แนวเพลงจะมีตั้งแต่ป๊อปร็อก แดนซ์ ฮิปฮอป และอินดี้ ด้านไลน์อัพก็สูสีหรือหวดกับงานอื่นในบ้านตัวเองหรือต่างประเทศได้ เช่น SZA, Daniel Caesar, The Strokes, Lorde, Offset, Ty Dollar $igh, SG Lewis, XG และอีกเพียบ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือศิลปะ แฟชั่น และอาหารภายในงานชวนให้น้ำลายไหลไม่ต่างจากที่อื่น ส่วนชื่องานพอย่อแล้วเป็น WTF ก็ตลกดีเหมือนกัน คิดว่าผู้จัดคงตั้งใจเพราะว่าประสบการณ์ที่จะได้รับไปน่าจะทำให้ตะลึงไม่น้อย
Hammersonic Festival (Indonesia)
ชาวเมทัลเฮดหรือร็อกหัวสะบัดก็อย่าพึ่งน้อยใจไป สำหรับเทศกาลดนตรีสายหนักเอาใจแฟนเพลงเฮฟวี่ แทรช เดธ พังค์ร็อกที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย ประเทศที่ซีนอันเดอร์กราวนด์ โดยเฉพาะสายนี้ที่ดุเดือดไม่แพ้ที่ไหนบนโลกเหมือนกัน แล้วหนึ่งสมาชิกในทีมคอสมอสก็เดินทางไปดูเป็นตัวแทนหมู่บ้านมาเรียบร้อย (โคตรมันส์) ซึ่งปีหน้าเขาก็ประกาศแล้วว่าเด็กพังค์เตรียมตัวเจอคณะ Green Day ได้เลย ส่วนไลน์อัพอื่น ๆ ขอไม่บรรยายสรรพคุณ จงรีบพุ่งตัวไปซื้อบัตร จองตั๋วเครื่องบินให้ไว อย่างในปีที่ผ่าน ๆ มาก็มี As I Lay Dying, Cannibal Corpse, Megadeath, Dead Kennedys, Slipknot, LAMB OF GOD จะเอาอะไรอีกล่ะคุณผู้ชม
Joyland Festival (Indonesia)
อินโดนีเซียมีมิวสิคเฟสติวัลเยอะมากกกก แต่งานที่เราอยากแนะนำให้ไปเลยคืองานนี้ งานจัดขึ้นในเมืองจาการ์ตาที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวใจของประเทศอินโดนีเซีย ด้วยฉากหลังเป็นวิวของเมืองติดทะเลอันสวยงาม บนเวทีพวกเขายังคิวเรตและรวบรวมโชว์ของศิลปินจากทั่วโลกมาไว้ในงานนี้แบบเต็มอิ่ม 3 วันได้อย่างพิถีพิถัน แนวดนตรีที่ผสมกันทั้งศิลปินร็อก ป็อป อิเล็กทรอนิกนอกกระแส พร้อมผลักดันศิลปินแถวหน้าในประเทศตัวเองให้ได้ยืนอยู่บนเวทีเดียวกัน ทำให้เป็นงานที่หลากหลายมาก ๆ
แต่จุดเด่นอีกอย่างของงานนี้คือการผสมงานศิลปะลงไปด้วย นอกจากดนตรีแล้ว ในงานยังมีการฉายหนัง เวิร์คช็อปมากมาย รวมถึงการนำเสนออาหารการกินในประเทศตัวเองที่น่าสนใจ เรียกว่าเป็นงานแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอีกอย่างหนึ่งที่น่าลองไปสัมผัสซักครั้งจริง ๆ
Megaport Music Festival (Taiwan)
อีกหนึ่งงานที่ชาวเราไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง กับการเปลี่ยนเมืองเกาสงเป็นเวทีของศิลปินนอกกระแสมารวมตัวกันที่นี่ คิวเรตมาอย่างดีทั้งศิลปินในประเทศที่น่าสนใจและศิลปินเอเชียที่มาแรงไม่แพ้กัน เรียกว่าเป็นจุดนัดพบของคนฟังเพลงอินดี้จากทั่วโลกมารวมตัวกันที่นี่ ปีที่ผ่านมาก็มี Dept กับ Hope The Flowers ได้ไปโชว์ศักยภาพของวงไทยมาด้วย จุดเด่นของงานคือคอมมูนิตี้ของศิลปินที่แข็งแรงมาก แต่ละเวทีคืออัดศิลปินเข้าไปแน่น ๆ ทำให้ทุกคนไม่มีเวลาพักหายใจจากการเจอศิลปินคุณภาพมากมาย แถมยังชูการท่องเที่ยวในเมืองเกาสงให้เมืองท่าแห่งนี้มีชีวิตชีวาและน่าสนใจขึ้นด้วย
Vagabon Festival (Taiwan)
งานนี้ถูกขนานนามว่า เป็นเวทีสำหรับคัดเลือกเพชรที่รอการเจียรนัยของวงการดนตรี เพราะทุกวงที่ถูกคัดเลือกมาบนเวทีคือซาวด์ใหม่ ๆ จากวงรุ่นใหม่ที่กำลังจะมา หรือคาดเดากันว่าจะต้องขึ้นมาเป็นวงแถวหน้าของซีนดนตรีไต้หวันและซีนดนตรีโลกในเร็ววันแน่นอน ด้วยความที่งานไม่ได้จำกัดแนวเพลง ทำให้คนที่มางานนี้มีดนตรีแบบใหม่ ๆ จากทั่วเอเชียให้คนที่มางานได้ค้นพบทุกปี โดยปีนี้เองก็มี KIKI จากบ้านเราไปสนุกกับพวกเขาด้วย แถมตามชื่องานก็คือพาทุกคนออกนอกเมืองไปสู่เวทีริมทะเลในเมืองไทหนาน โดยงานเองก็โฟกัสกับการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยวัสดุธรรมชาติและการกำจัดขยะอย่างจริงจังด้วย
Neon Oasis Festival (Taiwan)
เฟสติวัลใจกลางเมืองนิวไทเปที่คนไทยหลายคนเริ่มปักหมุดไว้ทุกต้นปี ได้ชื่อว่าเป็นงานที่การันตีว่าวงที่ได้มาเล่นที่นี่จะกลายเป็นวงดังในอนาคตแน่นอน พวกเขาคิวเรตวงดนตรีแถวหน้าในเอเชียมารวบรวมไว้ที่งานนี้โดยเฉพาะ หรือศิลปินบ้านเราอย่าง FOLK9 กับ Soft Pine ก็พึ่งได้ไปเล่นในงานนี้มา พร้อมหลากหลายแนวดนตรีมีให้เลือกฟังรองรับทุกความชอบของทุกคนแน่นอน การันตีทุกวงว่าโชว์ดีแน่นอน แถมยังได้ชมเมืองในมุมมองที่ทุกคนอาจไม่เคยเห็นด้วย
Fire Ball Festival (Taiwan)
เป็นเฟสติวัลที่คนไทยอาจจะยังไม่ค่อยรู้จัก แต่อยู่คู่กับซีนดนตรีไต้หวันมานานมาก จัดขึ้นโดยวงร็อกระดับประเทศอย่าง Fire EX (เทียบบ้านเราก็เหมือน Bodyslam) และเป็นมิวสิคเฟสติวัลสายร็อกที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเถาหยวนด้วย รวบรวมวงร็อกทุกรูปแบบที่โลกมีไว้ในงานเดียว ตั้งแต่ร็อกสนุก ๆ ที่ทุกคนโยกหัวตามได้ ไปจนถึงร็อกหนักหน่วงที่ต้องการการปะทะทางร่างกาย เปลี่ยนสนามเบสบอลให้เป็นสงครามอันดุเดือด สองวันเน้น ๆ ด้วยร็อกจากทั่วเอเชียและระดับโลก เป็นอีกงานที่สายร็อกไม่ควรพลาด
Pentaport Rock Festival (Korea)
หนึ่งในเทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ และเป็นเทศกาลที่สายร็อกไม่ควรพลาด จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่เมืองอินชอนในช่วงสุดสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม เป็นเทศกาลดนตรีที่รวบรวมศิลปินสายร็อกจากทั้งในบ้านตัวเองและทั่วไว้ในไลน์อัพได้อย่างน่าตื่นเต้นมาก ปีนี้เองก็มีเฮดไลเนอร์ระดับโลกอย่าง Jack White และ Turnstile ร่วมกับศิลปินเกาหลีที่กำลังมาแรงอย่าง Jannabi และ Se So Neon
และจุดเด่นของงาน Pentaport คือมีส่วนผสมของการเป็นไลฟ์สไตล์เฟสติวัล มีโซนแคมป์ปิ้ง โซนพักผ่อนออกแบบมาเพื่อรองรับการมาแบบครอบครัว (เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีเข้าฟรีโดยต้องมีผู้ปกครอง) และโซนกิจกรรมมากมาย เพื่อสร้างประสบการณ์เทศกาลดนตรีที่ครบรสและเต็มไปด้วยความสนุกสำหรับคนทุกวัย
Busan Rock Festival (Korea)
มีมาตั้งแต่ปี 2000 ทำให้งานนี้เป็นเทศกาลดนตรีร็อกที่อยู่มานานที่สุดของเกาหลีใต้ จัดขึ้นทุกฤดูร้อนที่เมืองท่าชื่อดังตามชื่องานเลย ในงานนี้พวกเขารวบรวมดนตรีร็อกทุกสำเนียงเอาไว้ให้ทุกคนได้โยกกันเต็มข้อ ตั้งป็อปร็อก อินดี้ร็อก ไปจนถึงดนตรีเมทัลและดนตรีพังค์ พร้อมผสมวงป็อปลงไปนิดหน่อยให้เข้าถึงง่ายทุกคน จนความนิยมของมันผลักดันให้งานยิ่งใหญ่ขึ้นมาก ๆ โดยปีนี้ที่ผ่านไปก็มีถึง 3 วันด้วยกันจัดเต็ม 78 วง รวมศิลปินระดับโลกไว้มากมายอย่าง Kasabian, Anne-Marie พร้อม Ellegarden และ HYDE จากญี่ปุ่น พร้อมพื้นที่ให้กับวงร็อกในประเทศตัวเองอย่าง Jannabi ด้วย เอกลักษณ์ที่ทุกคนหลงใหลคือเวทีที่อยู่ติดกับทะเลเลยที่ให้ความรู้สึกเร้าร้อนของเพลงร็อกเต็มที่
Bonus: Laneway Festival (Australia)
แม้จะไม่ได้อยู่ในโซนเอเชีย แต่ก็ยังบินไปได้สบาย ๆ งานนี้จัดขึ้นครั้งแรกในเมืองเมลเบิร์น ก่อนจะเติบโตขึ้นเป็นเทศกาลระดับประเทศ และขยายไปจัดตามหัวเมืองทั่วออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และมีชื่อเสียงในการคิวเรตศิลปินได้หลากหลายแนวที่สุดงานหนึ่ง ทั้งอินดี้ อิเล็กทรอนิก เราจึงได้เห็น Charli XCX, Beabadoobee, และ BICEP ในงานเดียวกัน และจุดขายของเทศกาลดนตรีนี้ คือการให้พื้นที่กับศิลปินหน้าใหม่ได้เฉิดฉายบนเวทีระดับโลกควบคู่ไปกับโชว์ของศิลปินชื่อดังจากทั่วโลกมารวมตัวด้วยกัน ซึ่งหลายคนยกนิ้วให้กับการคิวเรตของงานนี้ เพราะเขารู้ว่าศิลปินคนไหนต่อไปจะดังแน่นอน เก็บเงินแล้วไปสนุกกันได้ทุกเดือนกุมภาพันธ์
White Lies นำทัพศิลปินระลอกสุดท้ายมาร่วมสร้างโมเมนต์ประทับใจตลอดทั้ง 2 วันที่ Maho Rasop 2024