YEW (ยิว) วงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟ ที่ประกอบไปด้วย 4 สมาชิก ทิ้ว—ปรัชญ์ ปานพลอย (ร้องนำ), แดน—นรุตม์ จุฑาศานต์ (กีตาร์), พี—วรพัทธ์ การะเกตุ (กีตาร์) และทรัพย์—สหธรรม เมฆแดง (กลอง) กับการเดินทางตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ในที่สุดก็ได้เดินทางมาถึงฤดูกาลของการมีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก ‘SEASONS – YEW THE FIRST CONCERT’ ที่พวกเขาได้เนรมิต centralwOrld LIVE ให้กลายเป็นผืนป่าที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ พร้อมที่จะพาทุกคนหลุดเข้าไปสัมผัสกับทุกฤดูกาล เพื่อดื่มด่ำกับบทเพลงและความรู้สึก ตั้งแต่เพลงแรกไปจนถึงผลงานล่าสุด อย่างเพลงในอัลบั้มเต็ม อัลบั้มแรกของพวกเขา ‘Rainbow Landscape’ อีกทั้งยังได้ เบนซ์—ภวัต โอภาสสิริโชติ จากวง Dept เข้ามาทำหน้าที่ในส่วนของ Music Director ร่วมกับ Grand’s Studio อีกด้วย
21 กันยายน 2567
การเดินทางไปดูคอนเสิร์ตของ YEW ในวันที่ฝนตกปรอย ๆ ช่างเป็นอะไรที่ได้บรรยากาศตั้งแต่เริ่มออกเดินทางกันเลยทีเดียว เราไปถึงตอนหนึ่งทุ่มตรงพอดี ผู้คนถูกรายล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียว สัมผัสได้ถึงความเป็นธรรมชาติตั้งแต่จุดแบคดรอปหน้างาน ที่จัดวางต้นไม้นานาชนิดเรียงรายกันไว้ได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังมีตู้สติกเกอร์ให้ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำกันอีกด้วย ไม่นานเราก็รีบตรงเข้าไปในฮอลล์ที่เต็มไปด้วยแฟนเพลง ผู้คนมากมายกำลังตั้งตารออย่างใจจดใจจ่อ ส่วนบนเวทีเองก็ได้ยกผืนป่าขึ้นมาไว้ เสมือนเป็นพื้นที่ให้วงได้วิ่งเล่น และปล่อยของกันได้อย่างเต็มที่
และเมื่อ Interlude ดังขึ้น ทุกคนก็พร้อมใจกันปรบมือ พร้อมกับส่งเสียงเชียร์ ต้อนรับพวกเขาขึ้นมาบนเวที ประเดิมเพลงแรกด้วย old is gold ที่เป็นแทร็กแรกจากอัลบั้มชุดใหม่ ต่อด้วย หมวกเมฆสีรุ้ง(Behind The Clouds),เก็บ(Keep Away),โอ้ที่รัก(HEY!),ถามดาว(Please be kind) พวกเขาเริ่มด้วยบทเพลงจังหวะกลาง ๆ เพื่อให้ทุกคนได้โยกกันเบา ๆ เหมือนเป็นการวอร์มร่างกาย ก่อนที่จะพาไปพบกับความมันส์ในครึ่งหลัง พวกเขาได้เพิ่มไดนามิกความสนุกด้วยการนำเพลงจากอีพีอัลบั้มแรก everything is unfamiliar and strange อย่างเพลง โลกซึ่งไร้ลมหายใจของวันวาน(Solar Eclipse),รองเท้า(Long Night),พูด(Mist) ที่แฟนเพลงยุคแรกน่าจะคิดถึงกันมาก ๆ มาให้ได้ฟังกันอีกด้วย ไฟสีเขียวและสีแดงสาดส่องไปทั่วเวที พร้อมกับเสียงกระเดื่องที่ปลุกใจ พาร์ทของเพอร์คัชชันทำงานกับอารมณ์ของคนฟังได้เป็นอย่างดี แฟน ๆ ปล่อยพลังความเดือดกันตั้งแต่เบียร์แก้วแรกยังไม่ทันหมด ซึ่งส่วนตัวเราชอบอีพีนี้มาก ๆ
จากก่อนหน้านี้ ที่วงยังดูตื่นเต้นกับการขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของพวกเขา พอจบจากพาร์ทแรกก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มผ่อนคลาย และพร้อมที่จะสนุกไปกับโชว์ได้อย่างไม่เคอะเขิน แสงไฟบนเวที เปรียบเสมือนกับแสงแดดที่ส่องลงมาบนทุ่งหญ้าในฤดูร้อน พาร์ทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงจากอัลบั้มใหม่ ‘Rainbow Landscape’ อย่างเพลง แค่ฉันยังรู้สึก(She Plays and He Plays),ไม่เป็นไรนะเธอ(Nevermind),With you และยังมีอีก 2 เพลงจากอีพีอัลบั้ม nothing is unfamiliar and strange อย่างเพลง หลบ(Behind),Summer ทิ้ววางกีต้าร์ลง แล้วโฟกัสกับการร้องด้วยน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ แฟนเพลงโบกมือพร้อมกันไปตามจังหวะ และในท่อนสุดท้ายของเพลง แค่ฉันยังรู้สึก ทุกคนก็พร้อมใจกันระเบิดพลังไปกับจังหวะฟาดกลองของทรัพย์ บวกกับเอฟเฟคกีต้าร์เสียงแตกทั้งของพี และแดน ทำเอาคนฟังโยกหัวไปตาม ๆ กัน นอกจากนี้ ในเพลง With you สมาชิกวงทั้งสี่คน เดินเข้ามารวมกันตรงกลาง ทั้งพี แดน และทรัพย์ โซโล่ในพาร์ทของตัวเองอย่างเมามันส์ ส่วนทิ้วเองก็ทำหน้าที่ฟรอนต์แมนได้เป็นอย่างดี
พักเบรคจากความสนุกมาพบกับผลงานเพลงช้า เนื้อหาซึ้ง ๆ ความหมายดีอย่างเพลง just,ดอกไม้ที่โรย(Old Book) บนเวทีตอนนี้เหลือแค่ทิ้วกับช่อดอกไม้สีม่วงในมือของเขา นั่งอยู่ตรงกลางกับเปียโนหลังนึง ท่ามกลางความมืดก็ยังมีแสงส่องลอดลงมาที่ต้นไม้ใหญ่บนเวที ทิ้วกำลังเล่าถึงที่มาของเพลง ดอกไม้ที่โรย(Old Book) ไปพร้อม ๆ กับเสียงเปียโนที่ถูกเรียบเรียงมาอย่างสวยงาม และถูกบรรเลงโดย เกม จาก Landokmai มากไปกว่านั้น ครึ่งหลังของฤดูหนาวนี้ ยังมีอีก 3 เพลงจากอีพีอัลบั้ม ‘Pauley & Jeen’ อย่างเพลง พระจันทร์(Moon),แด่คุณ(River),ลมแล้ง(Summertime)
พร้อมกับการเซอร์ไพรส์คนดู ด้วยสองสาวดูโอ้แห่ง Landokmai อูปิม—ลานดอกไม้ ศรีป่าซาง (ร้องนำ) และ แอนท์—มนัสนันท์ กิ่งเกษม (กีตาร์, คอรัส) จากค่าย What The Duck ทิ้วเปิดประตูให้สองสาวได้เข้ามาสู่ผืนป่าบนเวทีของพวกเขาในเพลง แด่คุณ(River) เสียงใส ๆ ของอูปิมที่ใครหลายคนอาจเคยตกหลุมรัก เมื่อได้ยินทีไรก็เหมือนถูกมนตร์สะกดเอาไว้ อีกทั้งยังมีเสียงของทรัมเป็ตบรรเลงเสริมเข้ามาเติมเต็ม ทำให้พาร์ทอะคูสติกส์ที่ดูเรียบง่าย กลับมีความกลมกล่อมและดูพิเศษมากยิ่งขึ้น ส่วนตัวรู้สึกว่าพาร์ทนี้ เป็นช่วงที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น เหมือนถูกโอบกอดจากแสงแดด แต่ก็มีความเหงาซ่อนอยู่ภายใต้แสงของดวงจันทร์ไปในเวลาเดียวกัน และในช่วงสุดท้ายของพาร์ทนี้ ปิดท้ายด้วยเพลง ลมแล้ง(Summertime) ในเวอร์ชันที่สมบูรณ์ที่สุด และแน่นอนว่าเพลงนี้ก็เป็นเพลงที่ใครหลาย ๆ คน รอที่จะฟังกันในค่ำคืนนี้
สายลมตามฤดูกาลที่พัดผ่านเข้ามาจนถึงช่วงหลังของคอนเสิร์ต นำไปสู่เพลง ต่อจากนี้(From Now On),ปล่อยดาว(Flaw) พร้อมกับอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ใหญ่ ที่วงเตรียมมาให้แฟนเพลงได้ตื่นเต้นกันอีกครั้ง กับคนที่ทุกคนต้องคิดถึงกันอย่างแน่นอน นั่นก็คือ เจด—เจษฎา ทวีศรี (อดีตมือเบส) เสียงฟ้าร้องและไฟสีเขียวส่องลงตรงกลางของเวที โดยที่มีเจดยืนอยู่พร้อมกับซิกเนเจอร์ของเขา นั่นคือการถอดเสื้อโซโล่เบสในเพลง Let you go และ ลมที่ลา(Wind) การที่แฟนเพลงได้เห็นหนุ่ม ๆ ทั้ง 5 คน ได้กลับมาเล่นดนตรีด้วยกันอีกครั้ง คงเป็นภาพที่ใครหลายคนโหยหาและตั้งตารอ “คอนเสิร์ตนี้ จะขาดเจดไปไม่ได้จริง ๆ” พีกล่าว พร้อมกับเจดก็ได้พูดถึงความในใจ ว่ารู้สึกดีใจมากจริง ๆ ที่วงสามารถพากันมาถึงจุดนี้ได้แล้ว
ตั้งแต่ต้นโชว์ที่ผ่านมา เราก็ค่อย ๆ ได้เห็นถึงการเติบโตของวงตั้งแต่อีพีอัลบั้มแรก จนมาถึงอัลบั้มเต็มล่าสุด และได้ฟังถึงเรื่องราวของเพลงแต่ละเพลง จนในที่สุด ก็ได้เดินทางมาถึงโชว์ช่วงสุดท้าย วงไฮป์คนดูด้วยการนำเพลงเร็วกลับมาเล่นอีกครั้ง อาทิเช่น Kungfu Boy,ทิ้งฉันไว้(Bye),ลบเลือน(About Time) บนเวทีถูกย้อมด้วยไฟสีแดงบวกกับจังหวะกลองที่เร็วและหนักขึ้นเรื่อย ๆ เรียกได้ว่าเป็นเซ็ตเพลงที่เลี้ยงอารมณ์คนดูไว้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ในเพลง ทิ้งฉันไว้(Bye) ทิ้วก็ได้ขอให้คนฟังย่อแล้วโดด ทุกคนให้ความร่วมมือพร้อมใจกันกระโดดโลดเต้น ปล่อยใจไปกับเสียงเพลงของพวกเขา ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ก็ถึงคราวที่ต้องบอกลากันไปกับ 2 เพลงสุดท้าย ที่ทุกคนตะโกนร้องตามกันอย่างสุดเสียงในเพลง จะมอบความรัก(Wish) และตาข่ายดักฝัน(Rainbow Catcher) วงได้ขนทัพมาเล่นทั้งหมด 27 เพลง ซึ่งถือว่าเป็นโชว์ที่อิ่มเอมใจมาก ๆ เพราะเล่นทุกเพลงจริง ๆ เราเชื่อว่าคนที่อยู่ในงานก็ต้องรู้สึกถึงความตั้งใจของวง ที่อยากให้แฟนเพลงได้สัมผัสถึงเวอร์ชันที่ถูกเรียบเรียงต่างออกไปจากบนสตรีมมิ่งกันอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณ YEW ที่ตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่มีคุณภาพออกมาให้พวกเราได้ฟังกัน และต้องขอขอบคุณทีมงาน ทั้งของทางวงเอง และทางผู้จัด HAVE YOU HEARD? ที่ได้มอบประสบการณ์ที่เราไม่อาจสามารถพบเจอได้จากที่ไหนบ่อย ๆ ให้พวกเราได้เห็นถึงพัฒนาการของต้นไม้ จากต้นเล็ก ๆ ค่อย ๆ เติบใหญ่จนกลายเป็นผืนป่าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกต่าง ๆ มากมาย ที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลของมันเหมือนกับเพลงของ YEW
We are aliens who travel between galaxies to find the music we love across the universe.🛸💫