Puma Blue Live in Bangkok 2024 กับคอนเสิร์ตสุดเย้ายวนและน่าหลงใหลในห้วงนิทราอันอบอุ่น

by Nattha.C
923 views
Puma Blue Live In Bangkok 2024

และวงดนตรีที่มาเล่นเปิดงานในครั้งนี้คือ Chucky Factory Land สี่หนุ่มสไตล์แอนไทป๊อป (Anti-Pop) สังกัด Crazy Mondae ที่พร้อมจิตวิญญาณอันประกอบพลังความแก่นซ่า และดิบหยาบแบบร็อกแอนด์โรลที่หักจากเฮดไลน์พอสมควร ทว่าสิ่งที่ทั้งคู่มีร่วมกันคือกลิ่นอาย Soulful ซึ่งวงได้ขนผลงานเพลงทั้งใน EP ‘Oh My Slime’ (2020), ‘WHAT HAPPEN IS ODD’ (2022) และอัลบั้มล่าสุดที่พึ่งปล่อยในปีนี้อย่าง ‘Lost In Noir’ มาจัดให้แบบไม่ออมมือ

Chucky Factory Land at Lido Connect | © labyrinth.rec

เวลา 19.45 เสียงปรบมือจากแบ็คกิ้งแทร็คในอินโทรเพลง Prep Walk ก็ดังขึ้น ไม่รอช้า พวกเขาก็ซัด This IS DRUG กับท่อนติดหูที่ร้องวนเป็นวงกลม “ดิสอิสดรัค…ดิสอิสดรัค” ต่อด้วย Once I Got และ BLINKZ วอร์มอัพเราเบา ๆ ก่อนช่วงถัดไปจะเป็นเซ็ตเพลงอัพบีตสนุกสนานตามยุคแรกของวงที่ยังเน้นซาวด์ฮิปฮอป อาร์แอนด์บี ที่ผสมผสานกับซาวด์สังเคราะห์ บีตแทรป และดรัมแพดใน Vivid Call, Quit In Bliss, Project, BUGATTI แล้วหนุ่ม ๆ ก็เริ่มโยกตัวแบบซิงโครไนซ์กันจนต้องโยกตาม

ถัดมาในช่วงครึ่งหลัง ไลท์ติ้งสีฉูดฉาดสลับฉากกับจังหวะวูบวาบได้ปลุกความคลุ้มคลั่งอีกครั้ง จาก Lost In Noir สู่เพลง The Good Going Down Under แล้วพวกเขาก็พาเราไปเจอกับ Urgent Order ที่เชื่อมทรานสิชันเข้า punkrockdryskin ได้เท่มาก เราได้ยินทั้งเบรคดาวน์และกิมมิคดุ ๆ ที่ดีไซน์มาอย่างดี ในจังหวะดรอปลงเหลือเพียงกีตาร์และเสียงร้องคือถึงอารมณ์เลย วงปิดเซ็ตด้วย Thirteen Trigger Things ความเข้มข้นฉบับกีตาร์แบนด์ที่ตรึงคนดูเอาไว้ได้ทะยานขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงขีดสุด พอจบโชว์ก็อยากให้พวกเขาได้มีโอกาสลองโกอินเตอร์ดูสักหน

Chucky Factory Land at Lido Connect | © labyrinth.rec

ประมาณ 21.15 ผู้คนในลิโด้ฮอลล์ 3 ก็ทยอยจับจองที่เพื่อรับชม Puma Blue แบบแน่นขนัด ยอมรับว่าจำนวนที่เราคิดไว้ค่อนข้างผิดคาด เลยแอบดีใจแทนผู้จัดและศิลปินที่คนมารอดูเยอะขนาดนี้ นอกจาก Jacob Allen สมาชิกในวงยังประกอบไปด้วย Harvey Grant (คีย์บอร์ด, แซกโซโฟน),  Cameron Dawson (เบส) Ellis Dupay (กลองชุด, แซมเปิล) และขาดไม่ได้คือซาวด์เอนจิเนียร์ที่เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญซึ่งช่วยยกระดับให้โชว์และพาร์ทดนตรีทั้งหมด 14 บทเพลงออกมาอย่างสมบูรณ์

พวกเขาทักทายเราด้วย Falling Down กับจังหวะเพลงที่ค่อย ๆ ดึงผู้ฟังสู่ภวังค์เสียงในความรู้สึกขมขื่น คล้ายสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ทั้งบีตแซมเปิลคลอเสียงกระซิบกระซาบ และการแทรกแซกโซโฟนทีละเล็กน้อย ก่อนเจคอปจะหยิบกีตาร์มาสตรัมคอร์ดสลับการเล่นสไตล์เกาสายเบา ๆ ใน Soft Porn, Lust และ Too Much, Too Much ถือเป็นสี่เพลงแรกของเซ็ตที่อาจไม่ได้หวือหวานัก ทว่าเรียบง่ายแต่อยู่หมัด โดยส่วนใหญ่มักถูกเติมเต็มผ่านซาวด์สังเคราะห์กับแพทเทิร์นเร้าอารมณ์ตอนท้าย

Puma Blye
Puma Blue at Lido Connect | © tedorsenado.photo

ในช่วงครึ่งสอง วงก็ได้หยิบความลึกลับมาสื่อผ่านเพลง O,The Blood และ Hounds ที่ฮุกเราด้วยเบสไลน์ ไม่ว่าใครก็ต้องหยุดชะงักในท่วงทำนองอันน่าค้นหาผสมกับลูกกรูฟสไตล์ทริปฮอป ตามด้วย Oil Slick บนจังหวะอัพบีตสนุกสนาน ไฮไลต์ของเพลงนี้คือริทึ่มซึ่งโดดเด่นออกมาราวกับมือเบสและกลองได้โชว์ศักยภาพของตัวเอง ในแบบที่เหล่านักดนตรีเจอเบรคดาวน์เข้าไปต้องมีหน้ายู่กันบ้างล่ะ พอไฟสลัวเป็นสีฟ้าหม่น Dream Of You ก็เปิดด้วยน้ำเสียงหมอง ๆ หากอบอุ่นเสมือนถูกโอบกอดไว้กับกีตาร์และเครื่องดนตรีอื่นที่สะท้านถึงใจชะมัด

โชว์ยังเซอร์ไพร์สเราไม่หยุด เพราะเพลง Want Me ที่แม้เจ้าตัวบอกว่าเป็นเพลงที่เขาชอบน้อยที่สุด ตรงกันข้าม..พอโคมไฟภาคพื้นทุกดวงดับลง เว้นไว้เพียง Chandelier ที่สว่างวาบขึ้นก็เล่นเอาทุกคนร้องว้าวเลย ทำนองบัลลาดแช่มช้าที่ซึมซาบลึกถึงข้างในยิ่งทำให้บรรยากาศตอนนั้นดีมาก ต่อที่ Midnight Blue และ Pretty ที่ส่งความนุ่มนวลในซาวด์และเมโลดี้ซินธ์ของทั้งสองเพลง คอยลูบไล้ร่างกายและใบหูเราอย่างเบาบาง แถมทวีคูณความเซ็กซี่เข้าไปอีก

Puma Blue by nonskinnerr
Puma Blue at Lido Connect | © nonskinnerr

มาถึงเพลงท้าย ๆ แต่ยังไม่ท้ายสุด และเป็นเพลงที่ใครหลายคนต่างรอคอยอย่าง Moon Undah Water ซิงเกิ้ลที่ฮิตติดกระแสอยู่พักหนึ่ง ทั้งดนตรีที่หยอกล้อไปกับริฟฟ์กีตาร์ ริทึ่มที่ขับเน้นจังหวะให้คนฟังอยากขยับร่างกาย รวมถึงซาวด์สุดกระเส่าของแซกโซโฟนที่ยากปฏิเสธ พอฟังสดก็เข้าใจเลยว่าทำไมผลงานของเขาถึงน่าหลงใหล ก่อนจะเซอร์วิสแฟนด้วย (She’s) Just a Phase เสียงกรี๊ดลากยาวจนเจคอปเสียอาการขำคิกคัก วงก็พลอยจับจังหวะห้องดนตรีกันไม่ถูกเลยทีเดียว แล้วปิดที่เพลง Only Trying 2 Tell U ในค่ำคืนแสนพิเศษอย่างงดงาม

นอกเหนือเพอร์ฟอร์แมนซ์และความรู้สึกโดยรวมของเราที่มีต่องานนี้ อีกสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือสเตจดีไซน์และไลท์ติ้งสวย ๆ จากทีม Saturate Designs เช่นเดียวกับซาวด์และไดนามิกที่กลมกล่อมจนรู้สึกว่าไม่มีอะไรติดขัดเลย แอบทำให้เรานึกถึงโชว์ของ Jordan Rakei เมื่อช่วงปี 2019 จากทีม HYH? ในแง่โชว์ดี ๆ จากศิลปินและมาตรฐานการจัดงานที่ยังคงคุณภาพไว้เหมือนเดิมเป๊ะ ยังไงฝากติดตามคอนเสิร์ตครั้งถัดไปจำนวนสองงานของพวกเขาในเดือนพฤษภาคมปีนี้ด้วย

+ posts

แบม นักเขียนน้องเล็กที่ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันกลับมาทำเพจ Listenist

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy