Svalblue พวกเขาคือวงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟร็อกน้องใหม่ ที่โอบอุ้มตัวเองให้คงทนต่อกระแสธารของแนวเพลงชูเกสที่กำลังหมุนเวียนและอาจจากไปในวันหนึ่งอย่างเรื่อยมา หรือไม่แน่ว่าพวกเขาอาจเป็นคลื่นลูกถัดไปที่อย่างน้อยก็ทำให้เราตื่นเต้นกับการได้ฟังผลงานเพลงใหม่ ๆ จากวงดนตรีในบ้านตัวเอง
โดยการกลับมาปล่อย EP ‘Blue’ ในปีนี้ก็อาจเป็นหมุดหมายเล็ก ๆ ของวงที่ต้องการพิสูจน์แก่ผู้ฟังว่า “เสน่ห์ของดนตรีชูเกสไม่เคยเลือนหาย” หากพวกเขาได้ทำการทดลองโดยไม่จำกัดศักยภาพหรือแนวทางของตัวเอง ผ่านผลงานจำนวน 6 เพลงที่ไม่ได้เพียงกลิ่นอายข้างต้นเท่านั้น แต่ยังจับมวลบรรยากาศของซาวด์ยุคเก่าและองค์ประกอบแบบสมัยใหม่ ที่มีทั้งความป๊อปล่องลอยในเนื้อเสียง และหนักหน่วงในเนื้อหาได้อย่างกลมกล่อม
เริ่มที่แทร็กเปิดอย่าง Whirlpool นำด้วยลูปดนตรีคล้ายวังวนไร้ทางออก ที่ดึงดูดเราผ่านซาวด์แอมเบียนต์ดั่งวิถีกระทบกันของคลื่นทะเล เปรียบเป็นสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นที่ค่อย ๆ พาดำดิ่งสู่ห้วงฝันสุดมืดมิด แล้วซัดเข้าแทร็ก Amelia ในจังหวะเร่งจากการเดินริทึ่มเบสและแพทเทิร์นกลอง ประกอบเอฟเฟกต์ที่เสริมไลน์กีตาร์ให้กวัดแกว่งพร้อมไดนามิกเพลงที่วูบวาบขึ้นลง ด้วยเมโลดี้ที่แผดเผาเราอย่างช้า ๆ ซึ่งกลมกลืนไปกับเสียงร้องและอารมณ์เยือกเย็น
มาถึงซิงเกิ้ลเดบิวต์ที่ใครหลายคนน่าจะได้รู้จักพวกเขาเมื่อสามปีก่อนจากเพลง I Would Cry ในทำนองที่ผนวกสไตล์นอยซ์ร็อกหยาบกร้านและพังค์พลุ่งพล่าน ที่ระบายความเศร้าและพลังงานที่ใกล้เอ่อไหลเป็นน้ำตา บนความรู้สึกผิดถึงสิ่งที่กระทำพลาดและอาจทำให้ชายหนุ่มเสียคนรักไป ต่อกันที่ Dancing on the Floor หรือหนึ่งในแทร็กที่เราชื่นชอบโดยส่วนตัว และคิดว่าครบรสมาก ๆ ตั้งแต่ริทึ่มสุดกระฉับกระเฉง ผสมกับเมโลดี้ที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ก่อนจะฉุดเข้าสู่ช่วงเบรคดาวน์อันเงียบงัน แล้วตรึงผู้ฟังด้วยการสาดกำแพงเสียงในจังหวะคึกคัก
และอีกหนึ่งท่าไม้ตายของผลงานชุดนี้คือ Blue แทร็กสโลว์คอร์ที่ไม่ได้เนือยนิ่ง ทว่ากลับทำให้เรารู้สึกวังเวงและสั่นสะท้านอย่างแปลกประหลาด จากย่านเบสต่ำ ๆ และกีตาร์ที่พวยพุ่งออกมา ตัดท่อนพรีคอรัส “Deep cold pressure…Deep cold pressure” เสียงร้องหม่นหมองนั้นถูกทับซ้อนด้วยดนตรีที่โหมกระหน่ำและการรัวกลองแบบบ้าคลั่ง ในขณะที่แทร็ก Wasted of Time ก็ได้สะท้อนความกังวานของสุ้มเสียงผ่านคีย์ที่สดใสและซาวด์ที่นุ่มนวลขึ้น พวกเขาสลัดความซึมเซาและปลดปล่อยจากอดีตที่รั้งเอาไว้ ริฟฟ์และเอเลเมนต์คลีน ๆ ท้ายเพลงยิ่งส่งให้ฉากปิดจบลงอย่างสวยงาม
นอกจากการนิยามคำที่ว่าด้วยเรื่องสีสันแล้ว Blue ยังเปรียบเสมือนอารมณ์โศกเศร้าที่บางครั้งเราก็ไม่สามารถลบเลือนมันออกไปได้ และทาง Svalblue ก็สามารถหยิบความรู้สึกเหล่านั้นมาสร้างสรรค์เป็นผลงานเพลงที่อิ่มเอิบทั้งในเรื่องของคุณภาพซาวด์ การเรียบเรียงไดนามิกต่าง ๆ ไปจนถึงความทะเยอทะยานอันมากพอที่จะทำให้พวกเขากลายเป็นวงดนตรีน่าจับตามองได้ไม่ยากในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน
ติดตามข่าวสารของวงได้ที่ Facebook และ Instagram
อ่านต่อ Inside the Game วังวนแห่งการทำลายล้าง อัลบั้มใหม่จาก Telever
แบม นักเขียนน้องเล็กที่ชอบอ่านหนังสือและฟังเพลงในเวลาเดียวกัน ปัจจุบันกลับมาทำเพจ Listenist