Slowdive ส่งตัวแทนให้ Nick และ Simon ฝากคำแนะนำถึงชาว Shoegaze รุ่นใหม่

by Montipa Virojpan
1.5K views

ในบทสัมภาษณ์ที่แล้ว เราได้ Christian Savill มือกีตาร์จาก Slowdive ตอบคำถามเราเกี่ยวกับอัลบั้ม ‘Everything is Alive’ แต่หนนี้เราได้รับเกียรติจาก Nick Chaplin (เบส) และ Simon Scott (กลอง) ที่เพิ่งจะหายจากเจ็ตแล็กไม่กี่วัน มาร่วมพูดคุยกับเราก่อนที่จะเริ่มโชว์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่กี่ชั่วโมง พลางจิบไวน์ขาวในแก้วกระดาษ (ชอบมาก) เกี่ยวกับบรรยากาศการทำเพลงพร้อมฝากคำแนะนำดี ๆ ให้วงดนตรีชูเกซ (รวมถึงแนวอื่น ๆ) กันด้วย

slowdive
Nick Chaplin and Simon Scott of Slowdive

นิค: เรารู้สึกดีเสมอครับที่ได้ไปเล่นในทุกที่ สำหรับไทยแล้วเรามีความทรงจำที่ดีเสมอมาครับ เพียงแค่ว่ายังไม่ค่อยได้ไปที่อื่นนอกจากกรุงเทพ ฯ นี่เป็นรอบที่สองแล้วเนอะ แต่ส่วนตัวผมชอบอาหาร ชอบบรรยากาศ ชอบเสียงจอแจ ความโกลาหลของที่นี่ครับ แล้วก็คนดูเยี่ยมยอดเสมอ ผมตื่นเต้นมาก ๆ รับที่จะได้เล่นโชว์ในคืนนี้

ไซมอน: เราต้องติดแหงกอยู่ด้วยกันที่ Courtyard ซึ่งเป็นเหมือนบ้านทางจิตวิญญาณของพวกเราไปแล้วครับ เราทำอัลบั้ม ‘Just For a Day’, ‘Souvlaki’, ‘Pygmalion,’ self-titled แล้วก็หลาย ๆ เพลงของชุดล่าสุดที่นี่ ซึ่งนั่นคือส่วนที่ดีที่สุดสำหรับผมครับ นีล (Neil Halstead ร้องนำ กีตาร์) จะมีเดโม่มาให้พวกเราฟัง แล้วถ้าเราคิดว่า ‘เอ้ย นี่น่าจะเป็นเพลงที่ดีได้’ ก็จะเริ่มทำเพลงกันจากตรงนั้น ระดมไอเดียทำนองจนได้ที่แล้วนีลก็จะเอาส่วนนั้นกลับไปทำต่อที่บ้านเขาที่คอร์นวอล ก่อนจะเอากลับมาให้พวกเราฟัง แล้วคริสเตียนจะเขียนไลน์ขึ้นมาหลาย ๆ เลเยอร์ แล้วเราก็จะเริ่มอัดกัน ซึ่งก็ทำแบบนี้กันอยู่บ่อย ๆ ครับ ซึ่งรู้สึกที่ดีเสมอครับที่ได้ไป Courtyard Studios ตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน Sutton Courtenay ในอ็อกซฟอร์ด เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของพวกเราเลย

นิค: สำหรับผม เรามีช่วงเวลาสนุก ๆ ที่ Chapel Studios ด้วยครับ เราเลือกไปสตูดิโอที่ใหม่ซึ่งตอนนั้นเขาเปิดให้ศิลปินสามารถพักที่นั่นได้ด้วย แล้วภรรยาของเจ้าของสตูดิโอก็จะทำกับข้าวให้เรากินทุกวัน เราไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้เลย ส่วนใหญ่ก็จะไป ๆ มา ๆ ไม่พร้อมกันแล้วก็แยกย้ายกันกลับ แต่รอบนี้เราติดแหงกอยู่ด้วยกัน 5 คนไปไหนไม่ได้ เพราะมันไม่มีอะไรอยู่รอบ ๆ นั้นเลย เราเลยต้องสิงกันที่นั่น แต่สนุกครับ ผมยังคิดเลยว่าอยากจะทำอะไรแบบนี้บ่อย ๆ เพราะแวดล้อมมันค่อนข้างบังคับให้เราต้องอยู่กันแบบเป็นกลุ่มก้อน คุณไม่สามารถที่จะ ‘อุ๊ย ต้องกลับบ้านละ’ ต้องอยู่กันที่นี่ครับ ดีมากเลย ผมชอบมาก ๆ

นิค: ครับ ช่วงอัดเพลงแหละนะ ตอนเรายังเด็กกว่านี้เราก็นอนบนพื้น หลับบนโซฟากันได้ แต่พอโตขึ้นเราก็จะอยากนอนที่ดี ๆ หน่อย ห้องนอนที่สบาย ๆ เป็ดสัดเป็นส่วน ที่มันมีพื้นที่ไม่ต้องอุดอู้กันทุกวันมากกว่าน่ะครับ ตอนเราอายุ 20-21 เราก็ขลุกอยู่ด้วยกันในสตูดิโอนั่นแหละ แต่พอกลับมาเจอกันตอน 2014 เรายังไม่ได้มาใช้เวลาร่วมกันถึงขนาดตอนทำอัลบั้มล่าสุดนี้

นิค: เราทำทุกอย่างเสร็จเร็วมากครับ เพราะพวกเรามันเจ๋ง (หัวเราะ)

ไซมอน: ตอบดี ชอบ ๆ เออ การมิกซ์ใช้เวลามากครับ ผมว่านีลพยายามจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่ความที่เขาใกล้ชิดกับมันมากเกินไปจนเกิดความรู้สึกว่า ‘นี่คือลูกของชั้น’ สุดท้ายเราเลยได้ Shawn Everett จากแอลเอมามิกซ์ให้ทั้งหมด คือความที่นีลอยากลงมือทำด้วยตัวเองมันเป็นเพราะเขารัก หวงแหน แล้วก็อยากปกป้อง Slowdive มาก ๆ สำหรับเราเขาเป็นนักดนตรีที่เก่ง ทำเพลงได้ดี แต่เราก็อยากได้มุมมองอะไรใหม่ ๆ ด้วยเหมือนกัน แต่ในจุดนั้นเราก็ต้องรอนานเหมือนกันเพราะชอว์นเขาต้องทำ The Killers, Interpol, War On Drugs, Kanye ไปด้วย แต่เราก็แบบ ‘โอเค รอได้’ ซึ่งกว่าจะเสร็จก็นะ…

นิค: ครับ ผมว่าเพลงอย่าง ‘shanty’ กับ ‘chained to a cloud’ พวกนี้เขียนเสร็จเป็นเพลงแรก ๆ เลย มาก่อนทุกเพลงมาก ๆ แต่ว่าเพลง ‘chained to a cloud’ ผ่านการโดนเปลี่ยนอะไรเยอะมากจนกลายเป็นว่า เป็นเพลงที่เสร็จเกือบสุดท้าย แล้วมันก็ไม่มีอะไรคล้ายเดิมจากที่มันเคยเป็นเลย นั่นแหละครับ ก็มีเพลงที่ใช้เวลานานกับมันเป็นพิเศษ แต่ก็มีเพลงอย่าง ‘prayer remembered’ ที่จบได้เร็ว แล้วก็เขียนออกมาในเวลาสั้นมาก ๆ ซึ่งก็น่าจะปกตินะ ทุกอัลบั้มเรามีเพลงที่เอาไปปรับจนใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเอามารวมกับเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้มได้

ไซมอน: ใช่ อย่างชุดนั้น ‘Slomo’ ก็เป็นเพลงสุดท้าย

นิค: เราเพิ่มคีย์บอร์ด เพิ่มแซมพ์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนเป็นอีกวงนึงนะ เราก็ยังเป็นกีตาร์แบนด์อยู่เหมือนเดิม

ไซมอน: แน่นอน ผมว่าทุกคนใช้ซินธ์อยู่แล้ว แต่สื่อหลายเจ้าชอบพูดว่า ‘Slowdive ไปทางโมดูลาร์ซะแล้ว’ บางทีมันก็แค่เสริมให้อัลบั้มนั้นสมบูรณ์ขึ้นครับ แค่นั้นจริง ๆ หรือบางคนก็พูดว่า ‘Slowdive ทำเพลงอิเล็กทรอนิกว่ะ’ คือมันมีเทคโนโลยีในเพลงของเราอยู่ตลอด มันมีลูปและดรัมแมชชีนอยู่เสมอ ใน ‘Souvlaki’ ก็มีอะไรพวกนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ‘Pygmalion’ ที่น่าจะใกล้เคียงกับคำว่าอิเล็กทรอนิกที่สุด แต่นั่นแหละครับ สำหรับผม Slowdive ก็ยังเป็นกีตาร์แบนด์ การได้ยินเสียงซินธ์ในเพลงของเราไม่ได้ทำให้เรากลายเป็น Depeche Mode

นิค: แย่หน่อยนะ (หัวเราะ) แต่พวกเรามีใส่แซมพ์ลงไปหนึ่งแทร็คในแค่เพลงเดียว แค่นั้นจริง ๆ (ไซมอน: กลองสแนร์อันเดียวเลย) จริง ๆ เราจะไปในเวย์แซมพ์จัด ๆ อิเล็กทรอนิกจัด ๆ กว่านี้ก็ได้ แต่ตอนนี้เราอยากให้การเล่นสดของทุกเพลงเหมือนกับที่เราทำในอัลบั้มเพื่อที่ว่าเราสามารถใช้ซาวด์จากที่เรามีอยู่แล้ว แต่อันที่จริงการเล่นสดของเราก็ค่อนข้างจะไม่เหมือนกับเพลงในอัลบั้มมาแต่ไหนแต่ไรนะ การเล่นสดของเรามีเอเนอร์จี้กว่ามาก ๆ คนดูยุคนั้นยังเดินมาบอกเราเองเลยว่า ‘โห นึกว่าจะเป็นวงเงียบ ๆ น่าเบื่อ ๆ แต่จริง ๆ แล้วเพลงพวกคุณค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว’ หวังว่าตอนนี้เราก็ยังน่าสนใจสำหรับพวกคุณอยู่นะ

นิค: ประหลาดดีครับที่คุณเห็นว่ามีกลุ่มเด็ก ๆ มาออกันข้างหน้า ซึ่งพวกเขามาจากเพลงฮิตที่เจอใน TikTok หรือโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ซึ่งบางทีนั่นก็ทำให้เราสงสัยเหมือนกัน เพราะปกติเราไม่เล่น ‘When the Sun Hits’ ถ้ายังไม่ถึงท้าย ๆ โชว์ แล้วก็คิดว่าเด็กพวกนี้คิดยังไงกับโชว์เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วกันนะ แบบ ‘เขาชอบเพลงเรามั้ยนะ’ หรือเขาอาจจะคิดว่า ‘กูซื้อบัตรมาดูอะไรเนี่ย’ แต่พวกเขาก็ดูจะชอบกันนะครับ

ไซมอน: พวกเรามีเรื่องเล็ก ๆ มาเล่าครับ พรุ่งนี้เราจะไปเล่นที่สิงคโปร์แล้วก็จะมีแฟนเพลงที่อายุน้อยที่สุดมาดูเรา เธออายุ 11 ปี เป็นหลานสาวของเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันกับผม เธอชอบ Slowdive มากแล้วก็ได้รับอนุญาตให้มาดูคอนเสิร์ตแล้ว อายุ 11 อะ ลองนึกดูว่าแฟนเพลงของเราอายุน้อยลงเรื่อย ๆ ในขณะที่เราแก่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไปนะ

นิค: ใช่มะ เราจะเป็นเหมือน The Rolling Stones กันแล้วรึเปล่า

ไซมอน: ยังเร็วไปครับ ตอนเราอัดเพลงกันช่วงโควิด เราต้องเจอกับการโดนสตูดิโอแคนเซิล อะ ไม่เป็นไรจองสตูใหม่ หรือบางทีก็ได้สลอตแค่วีคเดียวแทนที่จะเป็นสองวีคติด เพราะอย่างนั้นมันเลยกินเวลาไป 3 ปี ซึ่งอันที่จริงมันก็ปกติของเราเวลาทำอัลบั้มนั่นแหละ (นิค: เราช้าอะ ไม่เคยเร็วกันอยู่ละ) ก็ใช่ คือเราไม่ได้เขียนเพลงไปด้วยในระหว่างทัวร์ คือเหมือนเรามีเพลงอยู่ในสต๊อกที่ใช้ไปได้อีกหลายปี แล้วเราก็จะเอาเพลงพวกนั้นกลับมาทำ อย่างเพลงที่ไม่ได้ปล่อยใน EP ปี 1991 อะไรแบบนี้ เราจะใช้วิธีนี้มากกว่าเขียนอะไรขึ้นมาใหม่ จริง ๆ ก็ไม่ควรจะทำงานกันแบบนี้รึเปล่านะ 

นิค: คงยังไม่ทำครับ เราจะพักกันหลังจากกิจกรรมของอัลบั้มนี้เสร็จ ทุกคนก็จะกลับไปใช้ชีวิตปกติของตัวเอง แต่เดี๋ยวก็จะมีวันนึงที่นีลพูดขึ้นมาว่า ‘เฮ้ย มาทำอัลบั้มใหม่กันดีมั้ย’ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นคือเมื่อไหร่ ดังนั้นตอนนี้ก็สนุกกับมันให้เต็มที่ครับ

ไซมอน: ก็อย่างที่คุณเพิ่งพูดไปเลย หาซาวด์ของตัวเองโดยไม่พยายามก๊อปพวกเราหรือ My Bloody Valentines หรือ Cocteau Twins แต่มันก็มี… พวกเราได้ดูวงเล่นเปิดให้ตอนทัวร์อยู่บ่อย ๆ นะ แล้วเราก็รู้สึกโชคดีมาก ๆ ที่ได้ดู มีวง Deary จากลอนดอน พวกเขาเจ๋งมาก คุณจะได้ยินทั้ง Slowdive แล้วก็ Cocteau Twins ในเพลง แต่ไม่ใช่แค่นั้นนะ ยังมี Saint Etienne กับ Massive Attack ด้วย

นิค: ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาแหละเนอะ ผมคิดว่าถ้าคุณเป็นวงใหม่แกะกล่องเลย ยังไงคุณก็จะซาวด์เหมือนวงที่คุณชอบนั่นแหละ แต่ถ้าคุณมีประสบการณ์มากขึ้น ได้ยินอะไรใหม่ ๆ หรือเริ่มเคยชินกับการเล่นและอัดเพลงของตัวเองแล้ว คุณอาจจะเริ่มมีลายเซ็นของตัวเองก็ได้

นิค: อย่างบางทีก็ไม่ได้ตั้งใจนะ เราจะเลือกวงรุ่นใหม่ ๆ ที่อาจจะต้องการการผลักดันอีกนิด ซึ่งเราก็อยากให้โอกาสเขาได้เล่น แต่วงเหล่านั้นต้องมีความเชื่อมโยงกับพวกเราในเชิงดนตรีด้วย ซึ่งในแคมเปญของอัลบั้มนี้ก็เป็นไปได้สวยทีเดียว เรามี Whitelands ซึ่งเป็นวงใหม่ที่อายุน้อยมาก ๆ อยู่ค่าย Sonic Cathedral ที่เราค่อนข้างสนิท (ไซมอน: ยังเรียนมหาลัยกันอยู่เลย) แล้วก็ Pale Blue Eyes ที่โตขึ้นมาหน่อย แต่ก็นั่นแหละ เด็กกว่าพวกเรามากอยู่ดี หลาย ๆ วงเขาก็เด็กกว่าวงเราทั้งนั้น ส่วนตอนที่เรามาทัวร์เอเชีย เราก็ได้รับรายชื่อศิลปินที่เขาส่งมาให้เลือก เราก็ลองทำความรู้จักพวกเขาใน Spotify ดูว่าเขาเป็นใคร เพลงเป็นแบบไหน แล้วใครที่ดูเหมาะจะมาอยู่ในโชว์เราแล้วเราชอบ เราก็เลือกคนนั้น 

ไซมอน: เราช่วยดันให้พวกเขาได้เล่นเปิดให้เรา ไม่ใช่ว่าเราเป็นคนขาวผู้ยิ่งใหญ่มาโปรดวงชูเกซรุ่นใหม่หรืออะไรแบบนั้น แล้วเราก็หวังว่าพวกเขาจะไม่มองเราเป็นแบบนั้น แต่เป็นโอกาสที่จะให้วงเล็ก ๆ ที่ปกติเล่นแต่งานเล็ก ๆ ได้เล่นตอนหน้าคนดูจำนวนมาก ซึ่งเราก็เคยเป็นหนึ่งในวงเหล่านั้น (นิค: ซึ่งมันเป็นแต้มต่อให้พวกเรามากเลยนะตอนยุค 90 น่ะ) มันเป็นเหมือน learning curve ที่ท้าทายมาก ๆ ด้วยเพราะเรามีเวลาหนึ่งชั่วโมง ต้นเซ็ตเราอาจจะซาวด์เหมือน The Smashing Pumpkins แต่มันจะฟังดูแปลก ๆ เอานะ ไหนลองปรับดูหน่อย เหมือนเราค่อย ๆ พัฒนาจากอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ แล้วมันก็เป็นเหมือนการตอบแทนที่พวกเขาฟังเพลงของเราด้วยน่ะครับ

นิค: จำไม่ค่อยได้ครับเพราะค่อนข้างนานมาแล้ว แต่ปกติคือโปรโมเตอร์จะส่งลิสต์วงมาให้เรา ไม่ก็บางทีใครสักคนในวงเรามีคอนแท็กของวงในเมืองนั้น ๆ หรือประเทศนั้น ๆ แต่ของที่ไทย เราได้รับรายชื่อมา 4 วง ซึ่งเราชอบหมดเลย แต่เราสนใจ Telever… ออกเสียงว่า เทเลเวอร์ใช่มั้ย? เราชอบซาวด์ แล้วก็ลองอ่านเกี่ยวกับพวกเขานิดหน่อยว่าเป็นใครมาจากไหน จำไม่ได้เป๊ะ ๆ นะครับว่าทำไมเพราะมีหลายวงมาก ๆ ที่เราต้องเลือกมาเล่นด้วยตลอดทั้งทัวร์ แล้วก็ไม่ใช่ว่าเราจะเห็นด้วยตรงกันตลอดนะครับ ไม่ใช่ว่าเราทั้ง 5 คนเห็นพ้องกันว่า ‘ต้องวงนี้แหละ!’ แต่แค่รู้สึกว่ามีความน่าสนใจ แล้วก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ

อ่านต่อ
คุยกับ Slowdive เกี่ยวกับอัลบั้มล่าสุดและ Sold Out โชว์ที่กำลังจะมาถึง

+ posts

อิ๊ก นักเขียนสายดนตรีที่เกือบจะต้องวางมือ แต่คงหนีไม่พ้นเพราะยังอยากพูดถึงวงและเพลงดี ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ

Related Articles

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy