‘First Two Pages of Frankenstein’ คือสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 9 จาก The National ที่ทุกคนต่างตั้งตารอดูว่าวงนี้จะนำเสนอดนตรีออกมาในทิศทางไหน เพราะจากซิงเกิ้ลเปิดตัว ‘Tropic Morning News’ ที่ปล่อยมาให้ได้ฟังกันก่อนก็นำเสนอดนตรีที่เพิ่มสีสันความร่วมสมัย แต่เพลงต่อๆ ไปยังคงกลิ่นอายของ ‘sad-sack-mope-dad-rock-brunch-core-Americana’ อย่างที่ครั้งหนึ่ง Matt Berninger เคยนิยามวงตัวเองไว้ ผนวกด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์และสิ่งรอบตัวที่เล่าออกมาได้ลุ่มลึก และยังได้ศิลปินชั้นนำมากมายทั้ง Sufjan Steven, Taylor Swift, Phoebe Bridgers มาร่วมงาน มาลองไล่ฟังกันไปทีละเพลงและค้นหาว่าเราจะได้เจออะไรบ้างในอัลบั้มชุดนี้
ในช่วงที่ทุกคนเจอกับล็อกดาวน์โควิด แมตเองก็เจอกับภาวะซึมเศร้าและเขียนเพลงไม่ออก ส่วนเพื่อร่วมวงเจอกับ existential crisis ที่ทำให้วงเกือบจะไม่ได้ไปต่อ จนกระทั่งแมตได้อ่านวรรณกรรมคลาสสิกของ Mary Shelley เรื่อง Frankenstein ในสองหน้าแรก เขาพบกับภาพประกอบของผืนดินรกร้างที่สะท้อนความรู้สึกว่างเปล่า ซึ่งตรงนั้นเองที่ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเพราะมันสะท้อนอารมณ์ของเขาโดยตรง นั่นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้เขากลับมาเขียนเพลงได้
Once Upon the Poolside (feat. Sufjan Stevens)
แทร็กเปิดอัลบั้มที่พรมนิ้วบรรเลงเปียโนเมโลดี้งดงามที่ได้ Sufjan Stevens เจ้าพ่อเพลงนุ่มมาช่วยเติมเต็มความหวานปนขมในเพลงนี้ บรรยากาศของเพลงที่ชวนนึกถึงความทรงจำช่วงฤดูร้อนอันแสนสั้น เขายังจำได้ถึงน้ำหอมกลิ่นส้มแทนเจอรีนอ่อน ๆ ที่เธอใช้ ความรู้สึกตื่นเต้นและท่วมท้นที่มีต่อเธอคนนั้นยังเข้มข้น แต่มันไม่ได้คงทนตลอดไป
Eucalyptus
ช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ยังหอมหวาน เราต่างแบ่งปันความทรงจำและข้าวของร่วมกัน ในเพลงโฟล์กร็อกแสนสับสนขมขื่นเพลงนี้ก็ได้ร่ายนามสิ่งของต่าง ๆ ที่ต่างฝ่ายต่างเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นคนเอาไป เพราะถ้าทิ้งมันไว้ในห้องที่เคยใช้ชีวิตด้วยกัน บางทีก็จะไม่ถูกใช้งาน ไม่ก็อาจจะทำพัง แต่เห็นผลที่จริงมันแค่ไม่อยากที่จะต้องเหลือบไปมองมัน เพราะภาพเก่า ๆ คงย้อนมาและก็คงจะเจ็บแปลบ ๆ
New Order T-Shirt
กีตาร์โปร่งเบาบางเล่นคลอไปกับเนื้อเพลงสุดแสนเรียบง่ายที่เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ขึ้นลง ทั้งสุข เศร้า การต้องจากกันและหวนกลับมาพบกันใหม่ ที่คนคนหนึ่งเฝ้ามองอีกคนที่อยู่ในชีวิตในช่วงเวลาต่าง ๆ โดย Matt Berninger เล่าออกมาราวกับฉากในหนังเรื่องหนึ่ง ๆ เธอที่เคลื่อนไหวราวกับภาพในโปสเตอร์หนังยุค 70s เธอที่คุยกับเจ้าฉลามในอเควเรียม เธอที่อยู่ในเสื้อยืด New Order ของฉัน อุ้มแมวและจิบเบียร์ไปพร้อม ๆ กัน
This Isn’t Helping (feat. Phoebe Bridgers)
เสียงทุ้มซึมเซาของ Phoebe Bridgers ในเพลงเด่นเสียงเปียโนเพลงนี้ช่วยขับกล่อมให้เราจมดิ่งไปกับความปลงตกในความสัมพันธ์ที่พยายามจะรักษาไว้โดยยื้อให้สุด แต่ยิ่งยื้อก็ยิ่งเหนื่อย เพราะมันไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้เลย
Tropic Morning News
ซิงเกิ้ลเปิดตัวอัลบั้มใหม่ที่ปล่อยออกมาให้ฟังกันเป็นเพลงแรก ดึงความสนใจของแฟนเพลง The National เพราะซาวด์อิเล็กทรอนิกสุดป๊อปเป้นสิ่งที่เราอาจไม่คุ้นนัก ในเพลงจังหวะคึกคักแต่กลับพูดถึงความรู้สึกน่าหน่ายใจของข่าวเช้าที่น่าหดหู่ กลับกลายเป็นสิ่งแรกที่เราต้องพบเจอในแต่ละวัน
Alien
ไลน์กีตาร์โพสต์พังก์นุ่ม ๆ ที่เป็นเสน่ห์ของวงกลับมาในเพลงนี้ ซาวด์ดีไซน์เท่ ๆ และการสอดประสานของเลเยอร์ซินธ์สวย ๆ ที่เนื้อหาตีความได้ถึงการปล่อยใจทำอะไรตามที่อยาก โดยไม่ต้องสนว่าใครจะมองยังไง เวลาชีวิตนึงมันสั้น จะแต่งตัว เล่น role play เป็นอะไรก็ได้ เสียงร้องกึ่งพูดผสมเหมือนพึมพำฮัมเมโลดี้ และการทอดเสียงในท่อนฮุกเป็นอะไรที่รับส่งกันได้กลมกล่อม ก่อนจะหวดกลองรัวและโซโล่กีตาร์เท่ที่แทรกขึ้นมาแบบน้อยแต่มากในช่วงท้ายของเพลง
The Alcott (feat. Taylor Swift)
จากการที่ Aaron Dessner เคยร่วมงานในฐานะโปรดิวเซอร์ในอัลบั้ม ‘Evermore’ ของศิลปินสาว คราวนี้เธอจึงมาร่วมแต่งเพลงนี้โดยใช้เวลาเพียง 20 นาทีเติมเต็มเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ไม่สมหวัง และเสียงร้องนุ่มที่สอดประสานร้องรับส่งเข้ามาก็พิสูจน์ความสามารถในการเป็นนักร้องนักแต่งเพลงของ Taylor Swift ได้อย่างเป็นประจักษ์ เสียงเปียโนที่เป็นแกนหลัก แทรกเพิ่มมาด้วยเครื่องสาย และกีตาร์กับกลองที่อุ้มบรรยากาศทำให้เป็นอีกเพลงเด่นของอัลบั้มที่งดงามมาก
Grease In Your Hair
ขยับจังหวะขึ้นมาเล็กน้อยกับเพลงรำพันถึงห้วงรักหวานปนขม โดยมีซาวด์ของกลองอินดัสเทรียลแบบที่เคยปรากฏในงานชุดเก่า ๆ ของพวกเขา
Ice Machines
อะคุสติกกีตาร์เบา ๆ บรรเลงในเพลงน้อยแต่มากกับความรู้สึกอัดอั้นที่ไม่อยากตัดขาดตัวเองจากสรรสิ่งรอบตัว ช่วงท้ายของเพลงเขียนออกมาได้คล้องจอง และสละสลวย บรรยายความสับสน โดดเดี่ยว และแปลกแยกได้เห็นภาพ
Your Mind is Not Your Friend (feat. Phoebe Bridgers)
อีกเพลงที่ Phoebe Bridgers ร่วมร้อง และมิวสิกวิดิโอกำกับโดยน้องชายของเธอ ขณะที่น้องชายของแมตก็มาร่วมแสดง คำนี้เป็นคำที่ Carin Besser ภรรยาของแมตและผู้ร่วมเขียนเพลงนี้เคยพูดกับเขาว่าเพื่อช่วยให้ก้าวผ่านภาวะซึมเศร้าได้ว่า ‘นี่ไม่ใช่ตัวตนของเธอ สิ่งนี้มันไม่จริง มันเป็นแค่สารในสมอง ที่ตอนนี้มันทำตัวไม่น่ารักกับเธอเท่าไหร่’ รวมถึงเป็นเพลงที่เป็นผลพวงจากการเปิดเจอสองหน้าแรกของแฟรงเกนสไตน์และเจอกับภาพประกอบภาพนั้น เมื่อเขากลับไปเผชิญหน้ากับความว่างเปล่าในห้วงคิด นั่นเองที่ทำให้เขามองเข้าไปในความตื่นตระหนกที่จะไม่สามารถเขียนเพลงได้อีก ว่าบางทีหัวสมองของเรามันก็ไม่ได้เป็นดั่งใจไปได้ตลอด
Send For Me
ปิดท้ายด้วยเพลงนุ่ม ๆ ที่มีเสียงเคาะเบา ๆ ของมาริมบา กับความอบอุ่มที่ส่งผ่านเนื้อเพลง ในความรู้สึกที่จะคอยอยู่เคียงข้างบุคคลที่อยู่ในเนื้อเพลงนั้นเสมอ
ความกลมกล่อมแยบคายในเนื้อหาที่ไล่เลียงมาได้สละสลวยและอัดแน่นไปด้วยอารมณ์ ถูกเล่าผ่านลายเซ็นดนตรีที่ชัดเจน แต่มีการเสริมเติมแต่งให้เข้ากับยุคสมัย ทำให้เราไม่แปลกใจที่ T
อิ๊ก นักเขียนสายดนตรีที่เกือบจะต้องวางมือ แต่คงหนีไม่พ้นเพราะยังอยากพูดถึงวงและเพลงดี ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ